คอลัมน์ : ฮอตสกู๊ป
จักรภพ เพ็ญแข เขียนบทความเรื่อง กรณีวีซ่าอังกฤษ...โอกาสของคุณทักษิณ ส่งตรงมาให้ประชาทรรศน์ รายละเอียดดังนี้
“คนที่สนับสนุนรักใคร่คุณทักษิณ ผู้เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีจากการเลือกตั้งของประเทศไทย คงจะตกอกตกใจไม่น้อยกับข่าวการยกเลิกการตรวจลงตราหรือวีซ่าเข้าอังกฤษอย่างกะทันหันขณะที่เจ้าตัวเดินทางออกนอกประเทศ ซึ่งส่งผลให้คุณทักษิณกลับเข้าอังกฤษไม่ได้อีก หรืออย่างน้อยก็ทำไม่ได้ในระยะนี้ หลายคนรู้สึกล่วงหน้าไปว่างานนี้หนักหน่วงและเป็นผลร้ายมากกับคุณทักษิณ
บางคนที่ร้อนใจมาก บอกกับผมว่าภาพที่เกิดขึ้นนั้นไม่ดีเลย เสมือนว่า “แม่บทประชาธิปไตย” ยังไม่ยอมให้คุณทักษิณอยู่ในแผ่นดินของตน
บางคนห่วงว่าแล้วคุณทักษิณจะระหกระเหินไปอยู่ที่ไหนแทน จะมีที่อยู่ไหม หรือจะต้องกลับมาเข้าถ้ำเสือที่รอฉีกเนื้อคุณทักษิณอยู่ในเมืองไทย
ผมก็ได้แต่เล่าเรื่องราวบางอย่างที่ผมกำลังจะเขียนเล่าสู่กันฟังกับท่านในบัดนี้ โดยหวังว่าความจริงจะช่วยให้สบายอกสบายใจขึ้นบ้าง
เรื่องนี้ต้องแยกพิจารณาออกเป็น ๓ ส่วน ได้แก่ ความหมายของวีซ่า กรณีเฉพาะของอังกฤษ และความรู้สึกต่อคุณทักษิณของโลกโดยรวม
วีซ่านั้นเรียกอย่างเพราะๆ และเป็นทางการว่าการตรวจลงตรา เพราะเป็นเรื่องของการเข้าไปยังประเทศที่เจ้าตัวไม่ใช่สมาชิกถาวร จำเป็นต้องขออนุญาตจากเจ้าของบ้าน เมื่อก่อนนี้ต้องเดินทางไปถึงก่อนแล้วจึงยื่นขอ ถึงขนาดบางคนต้องถูกส่งกลับขึ้นเครื่องแทบจะเดี๋ยวนั้นเลยก็มี แต่ต่อมาก็เกิดระบบขออนุญาตก่อนล่วงหน้า ทำให้แต่ละประเทศที่มีความสัมพันธ์อันเป็นปกติต่อกันต้องตั้งสถานกงสุลหรือฝ่ายกงสุลขึ้นมาทำงานนี้โดยเฉพาะ แล้วก็อยู่กันมาด้วยความผาสุกดีจนบัดนี้
ความยากง่ายและเงื่อนไขในวีซ่าก็ขึ้นอยู่กับหลักธรรมชาติ ประเทศไหนที่คนอยากเข้าไปมากก็จะสร้างเงื่อนไขมาก ตั้งแต่ค่าธรรมเนียมชนิดแพงหูฉี่ไปจนถึงเอกสารต่างๆ ที่เรียกร้องต้องการ เช่น คำยืนยันจากธนาคารว่ามีเงินทองของตัวเองเท่าไร หนังสือรับประกันจากบุคคลตำแหน่งสูงๆ ที่เชื่อใจได้ว่าไม่โกหก ใบหย่าหรือทะเบียนสมรส ฯลฯ ซึ่งมักจะเป็นข้อมูลส่วนตัวที่ตามปกติจะไม่ยอมให้ใครเห็น แม้แต่พ่อแม่ของตัวเอง แต่เมื่อความอยากเข้าเมืองเขามีมากก็ต้องยอมสละ
โดยทฤษฎี วีซ่าจึงเป็นการตัดสินใจอันเป็นเอกสิทธิ์ (สิทธิ์โดยเฉพาะ) ของประเทศเจ้าบ้าน ไม่ใช่เรื่องที่ประเทศของผู้ขอวีซ่าจะยื่นหน้าเข้าไปเกี่ยวข้องใดๆ ได้ เบ่งก็ไม่ได้ ขู่ก็ไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของเขาโดยตรง
แต่ต่อมาเรื่องวีซ่ากลายเป็นผลสืบเนื่องมาถึงประเทศของผู้ยื่นขอด้วย เพราะมาตรฐานวีซ่าของประเทศใหญ่ๆ ดูจะกลายเป็นมาตรวัดว่าใครเป็นคนดีหรือสังคมยอมรับได้หรือไม่ได้ หลายท่านคงจำกรณีของ คุณณรงค์ วงศ์วรรณ ได้ คุณณรงค์ในขณะนั้นเป็นหัวหน้าพรรคสามัคคีธรรมและกำลังลุ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ปรากฏว่ามีมือดี (หรือมือเลวก็แล้วแต่จะเรียก) ปูดขึ้นว่าคุณณรงค์มีชื่อติดอยู่ในบัญชีดำของสหรัฐ ที่ว่าด้วยเรื่องยาเสพติด ไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศนั้นได้เพราะเขาจะไม่ออกวีซ่าให้ เท่านั้นเองวิมานนายกรัฐมนตรีของคุณณรงค์ก็พังทลายลงในทันที
แล้ว พล.อ.สุจินดา คราประยูร ก็ก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแทน ด้วยหลักการ “เสียสัตย์เพื่อชาติ” จนวินาศสันตะโรไปอีกคนหนึ่งจนบัดนี้
แต่กรณีคุณทักษิณไม่ใช่เช่นนั้นเลย รัฐบาลอังกฤษแสดงการสนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งและถูกรัฐประหารของไทยอย่างเหนียวแน่นตลอดมา เอกอัครราชทูต ทั้ง เดวิด ฟอลส์ และ ควินตัน เควลย์ ก็แสดงจุดยืนที่ชัดเจนมากว่าไม่เอาด้วยแน่นอนกับการใช้อำนาจนอกวิถีทางประชาธิปไตย
ที่สำคัญคือคุณทักษิณได้รับวีซ่าเรียบร้อยแล้ว แสดงว่าสถานะของการเป็นคนไทย แถมเป็นอดีตผู้นำของมิตรประเทศด้วยนั้น ไม่มีปัญหาใดๆ การตัดสินใจยกเลิกวีซ่าเป็นอีกขั้นตอนหนึ่งที่แยกกันโดยเด็ดขาด
พูดง่ายๆ ว่าอังกฤษยอมรับที่จะช่วยเหลือคุณทักษิณ หลักการอนุเคราะห์ผู้นำประชาธิปไตยที่ถูกเล่นรังแกยังคงดำรงอยู่ทุกประการ แต่จุดเปลี่ยนแปรที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่สองที่เราจะวิสัชนากัน
เห็นได้ชัดว่ากรณีเฉพาะของอังกฤษคราวนี้เป็นเพราะการแทรกแซงจากภายนอก เพราะลำพังกฎระเบียบที่ว่าผู้ยื่นขอลี้ภัยจะเดินทางนอกประเทศไม่ได้ หรือความเกี่ยวข้องใดๆ กับกิจกรรมการเมืองนั้น หลักปฏิบัติจะต้อง “ตักเตือน” หรือ “notification” ก่อนเสมอไป ท่าทีสนับสนุนที่อังกฤษมีมาตลอด บวกกับหลักปฏิบัติที่ว่ามานี้ ทำให้แทบเป็นไปไม่ได้ที่อังกฤษจะใช้วิธีซุ่มโจมตี โดยเพิกถอนวีซ่าคุณทักษิณในขณะที่เจ้าตัวไม่อยู่ในประเทศ ถ้าติดต่อไม่ได้เขาก็มีทนายความที่เป็นตัวแทนทางกฎหมายทำงานอยู่เต็มเวลา
อังกฤษต้องทำอย่างนี้เพราะอิทธิพลบางอย่างจากประเทศไทยนี้เอง ถ้าจะถามว่าอังกฤษกลัวเกรงอิทธิพลนี้ทำไม ก็ตอบได้ว่าเพราะคนบางคนเขามีความสัมพันธ์ส่วนตัวและการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างกันอยู่ และเขามีกันมานานแล้ว เรื่องนี้คุณทักษิณก็คงรู้และคันๆ ที่จะบอกกล่าวให้คนไทยทั่วไปได้เข้าใจ แต่มานึกขึ้นได้ว่าจะไปฟูมฟายทำไมให้เสียกิริยา ถึงเวลาน้ำลดก็จะเห็นตอผุดกันเป็นแถวเอง จะเสียเวลาอันมีค่าไปทำไม
ประเด็นนี้นำเราสู่ข้อสามซึ่งเป็นข้อสุดท้าย ว่าด้วยความรู้สึกต่อคุณทักษิณของโลกโดยส่วนรวม
ข้อเท็จจริงที่ว่าคุณทักษิณได้รับเชิญจากทั้งรัฐบาลบาฮามาสและหลายรัฐบาลในตะวันออกกลางด้านอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งเป็นย่านคนรวยแห่งภูมิภาคนั้น ผสมข้อเสนอที่หลั่งไหลมาจากหลายสิบประเทศให้ไปพูดหรือไปทำประโยชน์ในรูปต่างๆ ให้กับประเทศเขา ทำให้ไม่ต้องพูดอะไรให้คนเขาหมั่นไส้มากนักหรอกครับ คนไหนมีประโยชน์โลกเขาก็รู้ คนไหนเป็นไม้ที่แห้งคาต้นเขาก็ตระหนักดีเหมือนกัน
น้ำมันเน่าอยู่แถวนี้เอง อย่าไปโกรธเคืองอังกฤษเขาเลยครับ”
ที่มา http://www.prachatouch.com/content.php?id=12973
จาก thaifreenews