WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, January 12, 2009

'ขุนคลัง'ลุยคลอด5มาตรการกระตุ้นศก.ชงครม.อัดฉีดงบ1แสนล.

ที่มา ประชาทรรศน์

'กรณ์'เดินหน้าออก 5 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เตรียมเสนอครม.อีดฉีดงบกลางปี'52อีก 1 แสนล้านพรุ่งนี้ เพื่อขับเคลื่อนให้ศก.ให้เดินต่อ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกรณ์ จาติกวนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้(13 ม.ค.) กระทรวงการคลัง จะเสนอให้คณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาอนุมัติการจัดสรรงบประมาณกลางปี 2552 เพิ่มเป็น 120,000 ล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะจัดสรรเงินประมาณ 100,000 บาท เพื่อนำไปใช้จ่ายในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ จากนั้นจะพิจารณาแผนการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นวงเงิน 140,000 ล้านบาท เพื่อให้เม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจโดยเร็ว

นอกจากนี้จะเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐและรัฐวิสาหกิจที่สังกัดในทุกกระทรวง วงเงิน 600,000 ล้านบาท คาดว่าจะเสนอคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจได้ภายในวันพุธที่ 14 ม.ค.นี้

ส่วนมาตรการภาษีด้านอสังหาริมทรัพย์ คาดว่าจะสามารถเสนอครม.พิจารณาได้ภายในปลายเดือนนี้ เพื่อลดภาระประชาชนและแก้ไขปัญหาเฉพาะทางให้เศรษฐกิจเดินหน้า พร้อมให้ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ ปล่อยสินเชื่อเข้าภาคธุรกิจมากขึ้น โดยจากการหารือร่วมผู้บริหารธนาคาร ยืนยันว่า ยังมีศักยภาพปล่อยกู้ได้อีกหลายแสนล้านบาท

อย่างไรก็ตาม รมว.คลัง ยังกล่าวอีกด้วยว่า ได้ส่งสัญญาณให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่จะพิจารณาอัตราดอกเบี้ยในวันที่ 14 ม.ค.นี้ และคำนึงถึงอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมเพื่อเป็นอีกทางหนึ่งในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไป

ขณะที่นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า ในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้รัฐบาลจำเป็นจะต้องเร่งเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน โดยจำเป็นต้องกู้เงิน 1 แสนล้านบาทเพื่อนำมาเป็นงบประมาณไปกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่สามารถทำได้ เพราะเป็นการนำเม็ดเงินใส่ในระบบเพื่อให้เกิดการหมุนเวียนให้ประชาชนใช้จ่ายมากขึ้นและนำส่งรายได้กลับมาเป็นภาษีให้รัฐบาล ซึ่งจะทำให้การขาดดุลของประเทศลดน้อยลง ทั้งนี้ส่วนตัวอยากให้ทุกฝ่ายร่วมตรวจสอบนโยบายและการทำงานของรัฐบาลว่าสามารถทำเป็นรูปธรรมได้มากแค่ไหนเพื่อให้การดำเนินนโยบายเกิดประโยชน์กับประเทศมากที่สุด