WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, January 13, 2009

วังเวงคดีโจรยึดสนามบิน ลากยาวต่ออีกเดือน เหตุตำรวจไม่รู้ใครผิดต้องโดนจับมั่ง!

ที่มา Thai E-News


โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
13 มกราคม 2552

ยึดสนามบินผ่านไปเกือบเดือน โจรก่อการร้ายพันธมิตรเส้นใหญ่ยังลอยนวล นปช.ฮึ่มม็อบใหญ่ไขลานหุ่นเชิดเร่งคดี มาร์คโต้ปากสั่นไม่ได้ดองแต่เพราะมีหลายขั้นตอนเลยอืด ตำรวจช้ากว่าเรือเกลือวันนี้มีประชุมอีกยก สรุปลากยาวอีก3-4สัปดาห์ถึงจะรู้ว่าจะออกหมายจับโจรได้ อ้างถึงแกนนำแห่เป็นใหญ่ในรัฐบาลก็ไม่มีผลต่อคดี


คดีปิดสนามบินเดือนเดียวไม่จบ ลากต่ออีกเดือน

วันนี้ (13 ม.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ภาณุพงษ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้ช่วย ผบ.ตร. เรียกประชุมพนักงานสอบสวนคดีที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยใช้เวลาในการประชุมกว่า 1 ชั่วโมง

พล.ต.อ.จงรัก กล่าวภายหลังการประชุมว่า วันนี้ได้มีการประชุมเร่งรัดคดีที่กลุ่มพันธมิตรฯ บุกยึดทำเนียบรัฐบาล สนามบินสุวรรณภูมิ และทำเนียบชั่วคราวสนามบินดอนเมือง ซึ่งการดำเนินคดีต่อกลุ่มพันธมิตรฯ นั้นตำรวจไม่ได้ละเว้นเหรือวางเฉยได้มีการสอบสวนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคดีการบุกยึดสนามบินทั้งสองแห่งนั้นอยู่ระหว่างการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้สอบสวนพยานบุคคลไปแล้วกว่า 300 ปาก การสอบสวนมีความคืบหน้าไปแล้ว 70 เปอร์เซ็นต์ และทำการสอบสวนต่อไปอีกประมาณ 3-4 สัปดาห์ ก็สามารถออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องได้ ซึ่งผู้ต้องหาที่จะออกหมายจับนั้นดำเนินไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฏว่ามีใครบ้างที่เกี่ยวข้องยังไม่สามารถระบุได้

“ส่วน 5 แกนนำจะถูกออกหมายจับหรือไม่นั้นก็ต้องดูไปตามพยานหลักฐาน ถ้าพยานหลักฐานพาดพิงไปยังแกนนำผู้ใดก็ดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งขณะนี้ได้สอบพยานบุคคลและพยานต่างๆ อยู่ทั้ง 300 ปาก ต้องมาแยกแยะว่ามีใครยืนยันใครบ้างในรายละเอียด” พล.ต.อ.จงรักกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมามีพยานหลักฐานเป็นภาพถ่ายชัดเจนว่าแกนนำพันธมิตรฯ เป็นคนนำกลุ่มผู้ชุมนุมไป รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ได้สั่งให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานทั้งภาพถ่ายซีดีต่างๆ ซึ่งหากสื่อมวลชนได้นำไปออกเผยแพร่ตามช่องต่างๆ ก็ให้นำมาประกอบด้วย และลำดับเหตุการณ์มีภาพประกอบทั้งหมด

ต่อข้อถามที่ว่าแกนนำพันธมิตรฯ หลายคนได้เข้าไปเป็นรัฐมนตรีและเป็นที่ปรึกษาของรัฐบาลจะเป็นอุปสรรคในการสอบสวนหรือไม่ พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า คงไม่เป็นอุปสรรคพนักงานสอบสวน และไม่มีผลต่อการทำงาน ทุกอย่างดำเนินการไปตามพยานหลักฐาน ตามขั้นตอนตามหน้าที่ ซึ่งยืนยันไม่มีฝ่ายการเมืองเข้ามากดดัน นายกรัฐมนตรีเองก็บอกว่าให้ดำเนินการทุกอย่างไปตามกฎหมาย และยืนยันว่าไม่เป็นลักษณะมวยล้มต้มคนดู

พล.ต.อ.จงรัก กล่าวต่อว่า คดีบุกยึดสนามบินมีทั้งส่วนของตำรวจนครบาล และตำรวจภูธร มีการประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางคดี และมอบหมายให้สอบสวนพยานอีกหลายปาก และมีผู้เสียหายเพิ่มเข้ามา คือ การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ฟ้องเรียกค่าเสียหาย 30 ล้าน และการบินไทยเรียกค่าเสียหาย 18,000 ล้านบาท ในส่วนนี้พนักงานสอบสวนจำเป็นต้องนำคำฟ้องมาพิจารณาประกอบสำนวนการสอบสวนด้วย เพื่อให้ทราบถึงพฤติการณ์ในการกระทำผิดรวมทั้งค่าเสียหายทั้งหมด ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาทั้งสิ้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้เลือกปฏิบัติเฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หากการชุมนุมไม่เป็นไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญมีการละเมิดกฎหมายก็จะต้องถูกดำเนินคดีทั้งสิ้นไม่ว่าเสื้อเหลืองหรือเสื้อแดง

คดียึดทำเนียบส่งอัยการตั้งแต่ปลายปี แต่ยังไม่มีแกนนำโดนคุก

พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า การดำเนินคดีในส่วนของการบุกยึดทำเนียบรัฐบาลนั้นได้ดำเนินคดีต่อ 9 แกนนำไปแล้ว ในความผิดฐานกระทำปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล และมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ส่วนความผิดฐานร่วมกันสะสมอาวุธ ตระเตรียมการหรือสมคบกันเพื่อเป็นกบฎนั้นมีความเห็นสั่งไปฟ้อง เนื่องจากศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้เพิกถอนหมายจับในข้อหานี้

“คดีบุกยึดทำเนียบรัฐบาล พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว และได้ส่งสำนวนการสอบสวนไปให้พนักงานอัยการพิจารณาแล้วตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาแล้ว ส่วนคดียิงระเบิด เอ็ม 79 เข้าไปยังกลุ่มพันธมิตรฯ นั้น เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนและพนักงานสอบสวนก็กำลังอยู่ระหว่างทำคดี” รอง ผบ.ตร.กล่าว

นปช.ฮึ่มคดียึดสนามบิน-ยึดทำเนียบยังลอยนวลขีดเส้นมาร์คเร่งดำเนินคดี
นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท แกนนำแนวร่วมต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมนปช.เมื่อวานนี้ โดยมีข้อเรียกสำคัญเรื่องหนึ่งคือ ขอร้องรัฐบาลที่เป็นรัฐบาลนอมินีของอมาตยาธิปไตย ให้รีบดำเนินการกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) กรณียึดทำเนียบ สนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิ หากไม่เร่งดำเนินการ นปช.จะชุมนุมเคลื่อนไหวเข้มข้นให้รัฐบาลรับผิดชอบ


*มาร์คไม่ขีดเส้นตาย โต้ปากสั่นดองคดี อ้างพธม.หัวหมอเลยทำตามขั้นตอน

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวตอบคำถามผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลเร่งดำเนินการเฉพาะการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่กลับไม่ยอมดำเนินการกรณีพันธมิตรปิดสนามบิน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า "แล้วทราบได้อย่างไรว่าไม่ได้รีบดำเนินการ เพราะความจริงแล้วผมก็คุยกับฝ่ายความมั่นคง ก็ได้ย้ำไปแล้วว่าต้องเร่งสะสางในทุกกรณี รวมถึงกรณีการปิดสนามบินและเรื่องต่างๆ ซึ่งก็เห็นว่ามีเจ้าหน้าที่ไปแจ้งความเรื่องของทรัพย์สินแล้ว ทุกอย่างก็เดินหน้าไป เพราะเรื่องที่ดำเนินการกันอยู่ก็ไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร"

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าเหตุที่การดำเนินการล่าช้า เพราะแกนนำพันธมิตรสังกัดพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่คิดว่าจะล่าช้า เพราะได้บอกกับ ผบ.ตร.ไปแล้วว่าต้องเดินหน้าโดยไม่คำนึงว่าเป็นใคร เมื่อถามย้ำว่า ได้กำหนดกรอบเวลาหรือไม่ว่าคดีปิดสนามบินควรเห็นผลเมื่อไร นายกฯกล่าวว่า อยู่ที่การทำงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งหลายเรื่องได้สอบถามไปเพราะเห็นว่าไม่น่าจะซับซ้อน แต่ก็ได้รับคำชี้แจงว่ามีคณะกรรมการพิจารณา รวมถึงฝ่ายที่ถูกกล่าวหาก็มีวิธีการทางกฎหมาย ทำให้ขั้นตอนต่างๆ เพิ่มขึ้น

"ไทยอีนิวส์"จะเกาะติดการดำเนินคดีต่อพันธมิตรแบบวันต่อวันนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยขอเริ่มต้นด้วยการประมวลภาพเหตุการณ์ที่เป็นไฮไลต์ซึ่งโจรพันธมิตรกระหายเลือดก่อขึ้นตั้งแต่ต้นจนถึงขณะนี้ และยังลอยนวล เพื่อเร่งรัดให้มีการดำเนินคดีเอาผิดกับโจรก่อการร้ายทั้งหัวโจก และสมุนบริวารให้จงได้ แม้ว่าพวกเขาจะได้ชื่อว่า"ม็อบมีเส้น"ก็ตาม


*รุกรานทำร้ายชาวบ้านใกล้เขาพระวิหาร

พันธมิตรเปิดฉากนองเลือดด้วยการยกกองกำลังจะไปยึดเขาพระวิหารตามคำชี้นำของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้นำสูงสุดที่ประกาศให้รบกับกัมพูชาเพื่อยึดเขาพระวิหารคืน แต่ถูกชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เขาพระวิหารทัดทานไว้ว่าอยากอยู่ร่วมกับเพื่อนบ้านแบบสันติภาพมากกว่า ทำให้กองกำลังบ้าคลั่งของพันธมิตรรุกรานโจมตีเกิดเหตุจลาจลขึ้น ฝ่ายชาวบ้านที่รักสันติต้องอาบเลือดไปตามๆกัน

เหตุการณ์ผ่านไป และกลายเป็นคลื่นกระทบฝั่ง ไม่มีพันธมิตรรายใดถูกดำเนินคดี




*สังหารณรงค์ศักดิ์ กรอบไธสง เสื้อแดงรายแรกที่สังเวยพวกกระหายเลือด

ดึกคืนวันที่1ต่อเนื่องวันที่2กันยายน2551 นชป.ที่จัดชุมนุมย่อยสนามหลวงได้เคลื่อนขบวนมุ่งหน้าไปทำเนียบรัฐบาลเพื่อเรียกร้องให้พันธมิตรยุติการยึดทำเนียบ แต่พันธมิตรกระหายเลือดใช้อาวุธปืนยิงกระหน่ำใส่ และอาวุธหลายอย่างมีผู้ชุมนุมเสื้อแดงบาดเจ็บและถูกกระทืบซ้ำหลายราย และณรงค์ศักดิ์ กรอบไธสง เป็นศพแรกที่สังเวยความกระหายเลือดของพันธมิตร

งานศพของณรงค์ศักดิ์ผ่านไปแบบเงียบๆ ไร้เกียรติยศใดๆ แต่น่าประหลาดคือรูปหน้าศพเกิดติดไฟไหม้ขึ้นอย่างพิศวง ราวกับว่าทวงความเป็นธรรม จนบัดนี้ยังไม่มีการจับฆาตกรที่สังหารเขาได้แต่อย่างใด ขณะที่พี่สาวของณรงค์ศักดิ์ปฏิเสธจะรับความช่วยเหลือค่าทำศพจากพันธมิตร หรือกลุ่มสว.40คน





*ผู้ก่อการร้ายพันธมิตรพยายามสังหารตำรวจอย่างโหดเหี้ยม

ผู้ชุมนุมพันธมิตรแปรเปลี่ยนเป็นผู้ก่อการร้ายอย่างสมบูรณ์แบบในวันที่7ตุลาคม2551 เมื่อเข้าปิดล้อมรัฐสภา และจะบุกยึดบชน. โดยภาพที่พันธมิตรเสนอมีแต่เรื่องที่ตำรวจปราบปรามรุนแรง และความเสียหายของฝ่ายตน กระทั่งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติก็มีข้อสรุปเสนอให้ลงโทษตำรวจ ในขณะที่นักข่าวสนามของไทยรัฐรายงานจากสถานที่เกิดเหตุไว้ในบันทึกนักข่าว7ตุลาฯความดังต่อไปนี้

เวลา 11.00 น. การ์ดอาสาพันธมิตรฯ ได้เริ่มโจมตีแนวสกัดกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยการขว้างก้อนหิน ขวดน้ำ และใช้ท่อนเหล็ก กับด้ามธงดัดแปลงเป็นปลายหอก ไล่ตีผลักดันออกจากถนนราชวิถี ทำให้ตำรวจที่มีอยู่ประมาณ 2 กองร้อยต้องถอยร่น ตำรวจที่หนีไม่ทันได้แต่นั่งยกมือไหว้อ้อนวอนร้องขอชีวิตอย่างน่าสงสาร

พฤติกรรมที่ไร้มนุษยธรรมของกลุ่ม ผู้ชุมนุมที่มีป้ายการ์ดอาสาฯ คล้องคอหลายคนปิดกั้นไม่ยอมให้รถพยาบาลฉุกเฉินของ ร.พ. ตำรวจ นำ จ.ส.ต.ทวีป กลั่นเทียม ผบ. หมู่งานบังคับและปราบปราม สภ.อ. กำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ที่ถูกกลุ่มพันธมิตรฯ แทงด้วยด้ามธงได้รับบาดเจ็บสาหัสระหว่างการปะทะที่แยกอู่ทองในออกจากพื้นที่

พันธมิตรยังได้ใช้รถกระบะพุ่งชนตำรวจ และถอยกลับมาทับหวังฆ่าให้ตายด้วย มีการออกหมายจับ แต่คดียังเงียบจนบัดนี้







*กองกำลังติดอาวุธใช้อาวุธสังหารอย่างโจ่งแจ้งราวบ้านเมืองไร้ขื่อแป

พันธมิตรเริ่มใช้อาวุธปืนมาตั้งแค่คืนวันที่1กันยายน2551 ต่อมาผู้สื่อข่าวทั้งไทยและต่างประเทศบันทึกภาพได้ว่ามีการใช้อาวุธปืนยิงตำรวจที่รัฐสภาเมื่อวันที่7ตุลาคม2551 แต่ที่เปิดเผนโจ่งแจ้งก็คือการที่TPBSบันทึกภาพพันธมิตรลั่นกระสุนปืนใส่คนขับTAXIที่มาป้องกันการบุกรุกสถานีวิทยุแท็กซี่ที่วิภาวดีซอย3มีผลให้มีผู้บาดเจ็บ12คนในวันที่25พฤศจิกายน2551

ไม่มีความคืบหน้าใดๆในคดีนี้ ผู้ถูกยิงคนหนึ่งบอกว่าเขาไม่คิดว่า"ม็อบเส้นใหญ่"นี้จะโดนดำเนินคดี ขณะที่กลุ่มมือปืนหลังจากลั่นไกสังหารและเผาจักรยายนต์ไปหลายคันก็มุ่งหน้าไปยึดสนามบินสุวรรณภูมิต่อไป และไม่มีใครทำอะไร เพราะทั้งตำรวจและทหารแทนที่จะจับโจรตามกฎหมายและประกาศฉุกเฉิน กลับไปกดดันให้นายกรัฐมนตรีขณะนั้นลาออก และในภายหลังก็พานักการเมืองขั้วตรงข้ามกับกลุ่มเพื่อนเนวินไปจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร โดยอ้างว่าทำไปตามที่"บุคคลที่ไม่อาจปฏิเสธได้"ต้องการ






*ก่อการร้ายสากลยึดสนามบินนานาชาติเกือบเดือนยังลอยนวล

พันธมิตรปฏิบัติการม้วนเดียวจบ ยึดสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิและดอนเมืองนานกว่า1สัปดาห์ โดยทหาร-ตำรวจเพิกเฉยที่จะดำเนินคดีตามกฎหมาย ต้องจบลงที่ให้ศาลยุบ3พรรคการเมือง และผู้มีอำนาจแทรกแซงการเมืองเปลี่ยนขั้วหนุนนายอภิสิทธิ์ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีผู้โดยสารตกค้าง350,000คน มูลค่าเสียหายมากกว่า1แสนล้านบาท และส่งผลกระทบต่อการส่งออก เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และภาพลักษณ์ของประเทศ

ล่าสุดเมื่อวันที่10มกราคม2552พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า การดำเนินคดีกับกลุ่มคนเสื้อเหลืองที่ยึดทำเนียบรัฐบาล รวมกระทั่งท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ - ดอนเมือง ตำรวจไม่ได้ละเลยและได้สอบสวนมาตั้งแต่หลังเกิดเหตุใหม่ๆ ซึ่งขณะนี้ได้ตรวจสอบพยานบุคคลไปแล้วกว่า 200 ปาก และมีความคืบหน้าไปแล้วร้อยละ 70 โดยมีการประชุมมาโดยตลอด ซึ่งในวันอังคารนี้จะมีการประชุมกันอีก แต่เหตุที่ต้องใช้ระยะเวลาเพราะเป็นการกล่าวหาว่าได้กระทำความผิดเกี่ยวกับการมั่วสุม ให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง บุกรุก ทำให้เสียทรัพย์และความผิดฐานอื่นๆ ซึ่งถือเป็นความผิดสำคัญ มีอัตราโทษสูง ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบรวบรวมพยานหลักฐาน เพราะฉะนั้น ตนขอยืนยันว่าทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มิได้ละเว้นการดำเนินการใดๆ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายเสื้อเหลืองและเสื้อแดง




*NO JUSTICE,NO PEACE

ผิดกับกลุ่มเสื้อแดงที่แม้เพียงการปาไข่ใส่นักการเมืองรัฐบาลที่ปล้นชิงอำนาจประชาชนมาอย่างขาดความชอบธรรมก็โดนข้อหาหนักทันใจ หรือเพียงแต่นั่งแท็กซี่ผ่านพรรคประชาธิปัตย์แล้วบีบแตรด่าก็โดนจับสับใส่กุญแจมือ และทหารออกมาพรึบพรับทั้งที่เสื้อแดงมือเปล่าไม่เคยใช้อาวุธหรือความรุนแรง นี่จึงเป็นที่มาของถ้อยประท้วง"ไม่มีความยุติธรรม,ก็ไม่มีสันติภาพ"