ที่มา ประชาทรรศน์
"เพื่อไทย" จวก "ประชาธิปัตย์" ปิดวิทยุชุมชน-เวปไซด์ เป็นการริดรอนสิทธิ์ ย้อน ปชป. เคยพูดเสมอ "พลังประชาชน" แทรกแซงสื่อ วันนี้ "ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง" ด้าน โฆษกพรรคโต้ วิทยุชุมชนบางแห่งมีเนื้อหาขัดต่อกฎหมายสมควรปิด
การประกาศปิดวิทยุชุมชนที่อ้างว่ามีการนำเสนอรายการที่ไม่เหมาะสม ของนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายก โดยอาศัย พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 หรือ กฎหมายฮิตเลอร์ เป็นเครื่องมือรวมไปถึงการปิดเว็ปไซด์ต่าง ๆ ด้วยข้ออ้างทำนองเดียวกันจนถึงขั้นมีการตั้ง War Room และมีการจัดสรรงบประมาณเพื่อการดังกล่าวถึง 80 ล้านบาท เพื่อการดังกล่าว จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ว่าส่อเป็นการคุกคามริดรอนสิทธิของประชาชน และเป็นการคุกคามสื่อ ซึ่งขัดต่อนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ที่แถลงไว้ที่กระทรวงต่างประเทศว่าต้องการสร้างสมานฉันท์
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง กรณีดังกล่าวว่า ตนเข้าใจนายสาทิตย์เพราะเพิ่งได้รับเป็นรัฐมนตรีครั้งแรกคงจะไฟแรงและอยากแสดงผลงาน แต่อยากให้นึกถึงเมื่อครั้งเป็นฝ่ายค้านนายสาทิตย์มักจะพูดเสมอว่ารัฐบาลสมัยพรรคพลังประชาชนปิดกั้นสื่อ แต่เมื่อตนมาเป็นรัฐบาลกลับทำเสียเอง ในเรื่องการปิดวิทยุชุมชนนั้นจริงๆแล้วมีกฏหมายคุ้มครองอยู่ โดยจะมี กสช. เป็นผู้ดูแล ซึ่งวิทยุชุมชนนั้นกำเนิดขึ้นมาในสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และก็อยู่มาเกือบ 10 ปีแล้ว การที่นายสาทิตย์ ทำเช่นนี้ก็ถือเป็นการริดรอนสิทธิ ซึ่งองค์กรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องคงไม่ยอมให้นายสาทิตย์ กระทำเรื่องดังกล่าวได้โดยง่ายแน่นอนเพราะองค์กรเหล่านี้มีกฏหมายคุ้มครองอยู่ และที่สำคัญอย่าลืมว่ารัฐบาลชุดนี้เข้ามาได้ส่วนหนี่งมาจากการผลักดันของวิทยุชุมชน ฉะนั้นจึงขอเตือนว่าอย่าได้ดีแล้วลืมพรรคพวก
นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวในประเด็นเดียวกันว่า สมัยพรรคพลังประชาชนเป็นรัฐบาล พรรคประธิปัตย์ก็มักจะกล่าวหาว่ารัฐบาลพยายามแทรกแซงสื่อ แต่มาวันนี้นายสาทิตย์ ต้องการปิดวิทยุชุมชน รวมถึงอาจจะปิดเวบไซต์ ซึ่งตนมองว่า ขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์กำลัง "ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง" อย่างไรก็ตามตนมองว่า พรรคประชาธิปัตย์สามารถทำได้แต่ต้องคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติด้วย เพราะการกระทำดังกล่าวอาจทำให้เกิดความแตกแยกและความวุ่นวาย และอย่าคิดว่าประชาชนโง่ เพราะคนไทยไม่ได้โง่ แต่สิ่งที่รัฐบาลคิดว่าถูก ประชาชนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องก็ได้
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การปิดวิทยุชุมชนนั้นตนมองว่าไม่ได้เป็นการแทรกแซงสื่อ เพราะเว็ปไซด์และการจัดการของวิทยุชุมชนบางแห่งมีเนื้อหาไม่เหมาะสมและขัดต่อกฎหมาย ส่วนการตั้ง War Room ตนยังไม่ทราบเรื่อง แต่หากเป็นเรื่องจริง ก็ต้องดูเนื้อหาว่าของการนำไปใช้และผลตอบแทนว่าคุ้มค่าหรือไม่ อย่างไรก็ตามตนมองว่าทุกคนรวมทั้งสื่อมวลชนต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย หากมีสิ่งที่ขัดต่อกฎหมายหรือหมิ่นสถาบัน ก็ควรจะต้องแก้ปัญหาและจัดการกับสิ่งนั้น แต่หากเป็นการริดลอนสิทธิ์หน้าที่การทำงานก็ควรเสนอความคิดหรือข้อขัดแย้งแต่ต้องอยู่ในขอบเขต