ที่มา thaifreenews
บทความโดย..ลูกชาวนาไทย
ผลการเลือกตั้ง ผู้ว่า กทม. ออกมาแล้ว แม้ว่าจะไม่เป็นทางการ คุณแซม ยุรนันท์ ภมรมนตรี ก็มาเป็นอันดับสอง ตามฐานคะแนนเสียงเดิมที่คุณประภัสส์ได้ไป ก็แพ้ให้กับพรรคประชาธิปัตย์ไปตามที่โพลต่างๆ ออกมา
ส่วนการเลือกตั้งซ่อม สส.เขตทั้ง 29 เขตนั้น ปรากฎว่า พรรคชาติไทยพัฒนาได้ 10 ที่นั่ง พรรคประชาธิปัตย์ 7 ที่นั่ง พรรคเพื่อไทย 5 ที่นั่ง พรรคประชาราช 4 ที่นั่ง และพรรคเพื่อแผ่นดิน 3 ที่นั่ง
พรรคเพื่อไทย ได้มา 5 ที่นั่งเมื่อรวมกับพรรคพันธมิตรคือพรรคประชาราช ได้มา 4 ที่นั่ง รวมเป็น 9 ที่นั่ง ก็ถือว่าไม่ได้แพ้มากมายอะไรนัก
อย่างน้อยเราก็ยังรักษาระบบเลือกตั้งเอาไว้ได้
ที่จริงการเลือกตั้งครั้งนี้ผู้นำพรรคพลังประชาชน /ไทยรักไทย โดนกำจัดออกไปมากมายขนาดนั้น ต้องส่งผู้สมัครแถว 3 เข้าต่อสู้กับอิทธิพลทุกอย่างของพวกอำมาตย์ฯ + ศักดินา หากเรายังชนะอยู่อย่างถล่มทลายคงเป็นเรื่องแปลกมาก แต่เราก็แพ้ไม่มากมายนัก
สถานการณ์สงครามยังอยู่ในขั้นยันกันทางยุทธศาสตร์ ผลัดข้างให้ฝ่ายโน้นเป็นรัฐบาล ให้ประชาชนได้ลิ้มลองรัฐบาล "สายอำมาตย์อุปถัมป์” บ้าง " ประเทศชาติจะเข้าสู้ยุค "พระศรีอาริยเมตไตย" โดยการบริหารของรัฐบาลอำมาตย์ฯ อุปถัมป์ได้ไหม หรือย้อนกลับไปสู่สภาพเดิมของปี 2530-2540 ได้หรือไม่
ถึงอย่างไร เมื่อยังคงมีการเลือกตั้งอยู่เราก็ยังสามารถกลับมาสู้ได้อีกครั้ง พวกเขาจะใช้อิทธิพลมืดเอาชนะได้ตลอดไปก็ให้มันรู้ไป หากเขาใช้ "นโยบายแบบอำมาตย์" ยังสามารถสร้างความกินดีอยู่ดีให้กับประชาชนได้ ผมก็โอเคไม่ว่าอะไรกัน
แต่หากพวกเขาพลาดเมื่อไหร่ ก็ล้มทั้งกระดานแน่ และผมเชื่อว่านี่คือ "การพนันครั้งสุดท้าย" ของพวกเขา โดยส่งนายอภิสิทธิ์ เข้ามาเป็น "ผู้บริหารให้ประชาชนได้เห็นว่าลัทธิศักดินาอำมาตย์ฯ" นั้นมีประสิทธิภาพสร้างความกินดีอยู่ดีได้ขนาดไหน หากทำไม่ได้คือ การล้มทั้งกระดาน ตอกตระปูให้ประชาชนถึงเห็นความไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาลแบบนี้ หลังจากทำลายบ้านเมืองมากว่าสามปี เพื่อให้ได้มีโอกาสบริหารบ้าง
ผมมองว่านี่คือ "การดิ้นยุคท้ายๆ ของพวกเขาแล้ว" ศรัทธาของ "ใครบางคน" ต้องเอาไปเป็น "เชื้อเพลิงขับเคลื่อนให้รัฐบาลอภิสิทธิ์" อยู่ได้ นับว่าเป็นการใช้ศรัทธาที่เปลืองและสูญเปล่าเป็นอย่างยิ่ง ศรัทธาที่สร้างกันมานานหลายทศวรรษ ต้องเอามาค้ำบัลลังค์ให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผมไม่คิดว่ามันจะคุ้มสำหรับพวกเขา แต่มันคุ้มกับฝ่ายประชาธิปไตยอย่างยิ่งที่ทำให้ประชาชน หูตาสว่างกันทั่วประเทศ
หากนายอภิสิทธิ์ สามารถบริหารประเทศได้ดีเทียบเท่านายกฯทักษิณ พวกเขาก็ชนะอย่างแน่นอนครับ หากรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ล้มเหลวในการบริหารประเทศทำได้ไม่เท่ารัฐบาลทักษิณ ก็ตายยกรังแน่นอน
ยิ่งนานพวกเขายิ่งแก่ และหมดอำนาจชี้นำไปเรื่อยๆ
ผมเชื่อว่าเขาหมดอำนาจชี้นำสังคมไปแล้ว ยากที่จะสร้างศรัทธาที่สูญเสียไปแล้วกลับคืนมาได้ด้วยการโปรประกันดา พวกเขาจึงเหลือเพียง "อิทธิพล" แบบเจ้าพ่อเท่านั้น
แต่เมื่อบารมี+ศรัทธา หมดไปแล้ว อิทธิพลจะอยู่ได้นานเท่าไหร่ ไม่เคยมีเจ้าพ่อที่ไหนสามารถครอบงำชาวบ้านได้ตลอดไปหรอกครับ
จะเอามาเป็นต้นทุนหาเสียงในอนาคตได้หรือไม่ จะชนะเลือกตั้งด้วยวิธีการใช้อิทธิพลอำนาจมืดได้ทุกครั้งหรือไม่ ก็ลองเสี่ยงดูกันสักตั้ง
ผมรอได้ครับ อย่างน้อยพวกเขาก็ใกล้ตายกันแทบทุกคนแล้ว
ที่จริงเมื่อดูผลการเลือกตั้งแล้ว พวกเขาก็ชนะไม่มากเท่าไหร่ในภาคอีสาน เพราะพรรคเพื่อไทย ไม่ค่อยมีตัวลงแข่งแล้ว พรรคประชาราช ที่มีตัวอยู่ และเป็นฝ่ายค้านก็ได้มาพอสมควร มีเพื่อแผ่นดินแย่งมาได้บ้าง
ส่วนที่เขตที่ ปชป. ได้เสียงเพิ่มขึ้นมาก็เป็นของพรรคชาติไทยเดิมเสียเยอะ และอยู่ในพื้นที่ภาคกลาง ซึ่งเป็นพื้นที่จร ไมใช่ของพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว แม้ในบางเขต ปชป. จะแย่งมาได้จากพรรคเพื่อไทยก็ตาม แต่ก็เป็นเพราะพรรคเพื่อไทยไม่มีตัวเด่นๆ ส่งแล้วนั่นเอง
สรุปแล้วแนวโน้มโดยรวม คะแนนยังตรึงกันได้อยู่ หากพรรคเพื่อไทย มีตัวบุคคล และมีความพร้อมมากกว่านี้ ไม่อยู่ในช่วงระส่ำระสาย ก็น่าจะแย่งคืนได้ไม่ยาก
สถานการณ์ยังอยู่ในขั้นยันกัน
ที่จริงการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคเพื่อไทย มีจุดอ่อนมากกมาย หัวหน้าพรรคก็ยังโนเนมอยู่ ประชาชนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นใคร
ผู้อาวุโสในพรรคก็เหลือ ดร.เฉลิม อยู่บำรุงคนเดียว
และเพราะต้องรีบด่วนฉุกละหุก คนที่สมัคร อาจไม่ได้ครบ 90 วัน ถูกแกนนำเก่าทรยศ ถูกกระทำอย่างต่อเนื่อง
สิ่งที่ควรทำหลังจากนี้คือ การพัฒนาผู้นำรุ่นใหม่ ปรับปรุงพรรคให้เข็มแข็ง สร้างเครือข่ายฐานเสียงให้หนาแน่น
สรุปเราสู้แบบฉุกละหุกเช่นนี้ ก็ยังไม่ได้แพ้ยับเยิน ก็โอเคครับ
สู้กับเจ้าของประเทศ ยังทนมาได้ถึงยกนี้ ก็นับว่าสุดยอดแล้วครับ
พวกเขาบางคนอาจท้อถอย คิดว่าพวกอำมาตย์ฯ จะครองเมืองได้ตลอดไป และฝ่ายประชาธิปไตยคงพ่ายแพ้อย่างแน่นอน สำหรับผมแล้วคิดว่าไม่มีประเทศไหน ที่สังคมจะถอยหลังกลับไป สังคมต้องพัฒนาไปข้างหน้า ไม่มีทางย้อนหลังกลับและหยุดนิ่งอยู่กับที่ สังคมที่หยุดนิ่งสุดท้ายก็จะถูกทำลายไป
ไม่อย่างนั้นแล้วพวกเราก็คงยังอยู่ในยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ โดยไม่ก้าวมาถึงวันนี้หรอก
วันนี้พวกเขา "ต้องเอาพลังทุกอย่างมาสู้กับฝ่ายประชาธิปไตย" กว่าจะตั้งรัฐบาลที่พิกลพิการของนายอภิสิทธิ์ได้ ก็ทุลักทุเล จนต้องแลก "ศรัทธา" ไปเกือบหมดสิ้น
สังคมจะอยู่อย่างนี้ได้ตลอดไปหรือ "ศรัทธา" จะมีเหลือให้แลกต่อไปได้อีกหรือ อีก 5 ปีข้างหน้า พวกเขาจะยังสู้ได้ต่อไปอีกหรือ สิบปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร จะยังใช้อิทธิพลศาลทำลายคู่ต่อสู้ได้ตลอดไปอีกหรือไม่
การต่อสู้ครั้งนี้เป็นการเดิมพันกันระหว่าง "ระบอบเศรษฐกิจทุนนิยมโลกาภิวัฒน์+ Welfare state (ที่พวกโน้นเรียกประชานิยม) กับระบบเศรษฐกิจแบบพอเพียง + ทุนนิยมล้าหลัง ผมไม่คิดว่าพวกเขาจะมีแต้มต่อในการพนันครั้งนี้
ที่จริงพวกเขาก็ไม่ได้ชนะแต่อย่างใด เพียงแต่ใช้ "อำนาจมืดผ่านตุลาการภิวัฒน์ " ก็เลยดูเหมือนว่าจะชนะ" แต่คนตัดสินในขั้นสุดท้ายก็ยังคือประชาชน ตอนนี้อยู่ระหว่างสมัยเลือกตั้ง ประชาชนจำนวนมากยังไม่อาจตัดสินได้ ก็ต้องรอไปจนกว่าจะมีการเลือกตั้งใหญ่
หากพวกเขาชนะเลือกตั้งใหญ่แบบถล่มทลาย ผมถึงจะถือว่า "ฝ่ายประชาธิปไตยอ่อนแรง" ลงอย่างแท้จริง
แต่นี่ "แก่นแท้" คือการเลือกตั้งยังไม่ได้โดนทำลายไป "อำนาจประชาชน" ยังคงอยู่ และเป็นตัวชี้ขาด
ตอนนี้พวกเขาใช้ "คาถาสะกดที่มาอย่างยาวนาน" เท่านั้น แต่คนก็ตาสว่างมากขึ้น สุดท้ายพวกเขาก็ไม่เหลืออะไรที่จะสู้ต่อไปอีก
ผมว่าภาพที่เลวร้ายที่สุด หากพวกอำมาตย์ฯ ชนะคือ การเมืองกลับไปอยู่เหมือนการเมืองช่วงปี 2530-2540 ที่เป็นการเมืองระบบหลายพรรค โดยมีพรรคเพื่อไทยกับ ปชป. เป็นพรรคใหญ่เหมือน ๆ กัน แล้วก็มีพรรคขนาดกลาง เพิ่มขึ้นอีก 2-3 พรรค
หากเป็นอย่างนี้ก็โอเค หากคนไทยพอใจแค่นี้ ก็คงไม่มีอะไรที่เลวร้ายไปกว่านี้
สรุปคือใครยังศรัทธาระบบทุนนนิยมโลกาภิวัฒน์+รัฐสวัสดิการ ก็เลือกพรรคเพื่อไทย ใครชอบระบบเศรษฐกิจพอเพียง เศรษฐกิจไม่จำเป็นต้องเติบโต มีทุนธนาคารเป็นใหญ่ ก็เลือก ปชป. ถึงอย่างไร พรรคเพื่อไทยกับ ปชป. ก็คงโตพอ ๆ กัน โดยเพื่อไทย โตมากกว่า มีเสียงประมาณ 200 เสียง หากพวกอำมาตย์ฯ ไม่ใช่อิทธิพลเถื่อน การเลือกตั้งครั้งต่อไปพรรคเพื่อไทย ก็มีแนวโน้มที่จะได้ตั้งรัฐบาลอีกเหมือนเดิม
นี่คือภาพที่ควรจะตรงกับความเป็นจริงมากที่สุด
ส่วนพรรคเพือนเนวินบวกสมศักดิ์ก็ได้ประมาณ 60-70 เสียง ข้างไหนให้มากกว่าก็ไปข้างนั้น
ผมว่านี่คือภาพความเป็นไปได้สูงสุดแล้วครับสำหรับทุกฝ่าย หากประชาชนไม่หันกลับมาเลือกพรรคใหญ่พรรคเดียวเหมือนเดิม แบบยุคทักษิณ
ปัญหาสำคัญสำหรับพวกอำมาตย์คือ หากพรรค ปชป. หรือพรรคเพื่อไทย พรรคใดได้เสียงเกินครึ่งก็จะมีปัญหากับ "อำมาตย์+ศักดินา ทันที เพราะโดยธรรมชาติ พรรคที่ได้เกินครึ่ง อำนาจต่อรองจะสูงสุด และยากที่ใครจะเข้าไปแทรกแซงได้ โดยสรุปแล้วอิทธิพลและบารมีของระบอบอำมาตรยาธิปไตยก็ลดลงไปอยู่ดี
เพียงแต่ว่าช่วงนี้เกิดการย้อนกลับด้วยอำนาจมืดเพียงชั่วคราวเท่านั้น