น่าจะพูดได้ว่านี่คือการสำแดงพลังในพลังประชาชนที่ชัดเจนที่สุด เมื่อ ส.ส.ร่วมร้อยกว่าคนซึ่งเป็นนักการเมืองอีสาน แต่ดันข้ามถิ่นไปเลี้ยงสังสรรค์กันที่เชียงใหม่ โดยที่ ส.ส.กลุ่มภาคเหนือไปเลี้ยงกันอีกที่หนึ่ง
และ ส.ส.อีสานที่อยู่คนละกลุ่มไม่ได้ไปร่วมด้วย
ถามว่าทำไม ส.ส.อีสานจึงต้องไปเลี้ยงกันข้ามถิ่น คำตอบก็คือ “เนวิน ชิดชอบ” แห่งบุรีรัมย์ ที่มีพ่อตาเป็นพ่อเลี้ยงใหญ่อยู่ที่นั่น
การเลี้ยงสังสรรค์ดูเหมือนจะคึกคักไม่ใช่เล่น มีการยอวาทีหัวหน้ามุ้งตัวจริงเสียงจริงอย่างที่เรียกว่า “นับถือคนนี้เพียงคนเดียว” ระดับนั้นเลยทีเดียว
ซึ่งก็ได้รับการสนองรับด้วยคำตอบที่ชัดเจนว่าพร้อมจะดูแลช่วยเหลือ ปลุกปั้นบรรดา ส.ส.เหล่านี้ให้เจริญรุ่งโรจน์ต่อไปและยังไม่ลืมแผ่ไปถึง นปก.ที่ร่วมศึกกับ คมช.มา
จะเอาอะไร ต้องการอะไรขอให้บอกและพร้อมจะไปบอกนายกฯสมัครให้ด้วย
จำนวน ส.ส.และความเป็นปึกแผ่นอย่างนี้ก็ไม่ต้องแปลกใจว่า ในพรรคพลังประชาชนศูนย์อำนาจจริงๆน่าจะอยู่ตรงนี้แหละ...ยังไม่รวมถึงเครือข่ายอื่นๆอีก
การขับเคลื่อนทุกเรื่องโดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญจานด่วน จึงเดินหน้าไปแบบที่ว่าไม่ได้หารือ ไม่ได้ปรึกษาแม้แต่นายกฯที่นั่งหัวโด่ในฐานะหัวหน้าพรรค และไม่ได้หารือกับพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้เกิดปัญหา
จนนายกฯสมัครต้องแก้ลำด้วยการเชิญหัวหน้าพรรคร่วมมากินข้าว ขอโทษขอโพยกันตามธรรมเนียม เพราะในความเปราะบางทางการเมืองอย่างนี้ เสียงของพรรคร่วมรัฐบาลมีความสำคัญยิ่ง
และก็แน่นอนว่า ผลแห่งการนี้กระทบต่อรัฐบาล ต่อพรรค ต่อตัวนายกฯ และที่สำคัญถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อย่างแยกไม่ออก
น่าจะเรียกว่าผิดกระบวนท่าทางการเมือง
ยิ่งเมื่อถอยออกมาอย่างนี้แล้ว การจะเข้าทำในประเด็น “รัฐธรรมนูญ” ก็ไม่ง่ายอย่างที่คิดแล้ว เพราะคงจะเป็นที่จับตาของทุกฝ่าย เพราะมันกลายเป็นปมขัดแย้งและเงื่อนไขที่ไม่สามารถยอมรับกันได้ง่ายๆ
“รัฐธรรมนูญ” ได้ถูกดึงเข้าไปสู่ระบบในสภา ซึ่งคงจะว่ากันด้วยการตั้ง กมธ.ขึ้นมาศึกษาเพื่อนำไปสู่กระบวนการแก้ไข ดังนั้น การไปสู่การแก้ไขได้จริงก็คงจะอีกนาน แค่แนวคิดเรื่องบุคคลที่จะมาเป็น กมธ.ก็ต้องว่าอีกหลายยก
เพราะต่างฝ่ายต่างก็ต้องชิงไหวชิงพริบ ทั้งสัดส่วน ทั้งตัวบุคคล แม้แต่นอกสภาก็คงจะต้องจ้องดูว่าใครเป็นใครกันบ้าง
ยิ่งมีข่าวว่าจะผลักดันให้อดีตประธานสภาผู้แทนฯเข้ามาเป็นโต้โผใหญ่ในฐานะประธาน กมธ.ก็เริ่มมีเสียงฮึ่มๆดักคอกันแล้ว
อย่างไรก็ดี ยังเชื่อว่าปัญหารัฐธรรมนูญนั้นจะยังเป็นเงื่อนไขทางการเมืองต่อไป เพียงแต่ห้วงนี้คงยุติชั่วคราวจนกว่าจะเดินไปอีกขั้นตอนหนึ่ง
และจะเป็นแรงกดดันที่มิใช่นอกพรรค นอกรัฐบาลเท่านั้น แต่ในพรรคพลังประชาชนก็คงเช่นเดียวกัน เพราะหากแก้ไม่ได้ อย่างน้อยบรรดาบ้านเลขที่ 111 ก็คงจะอึดอัดหัวใจเพราะไม่สามารถเล่นการเมืองได้อย่างเต็มตัว
หรืออย่างนายเนวินแม้จะมีบทบาทในทางลึก ยิ่งการปรากฏบทบาทอย่างชัดเจนท่ามกลางบรรดา ส.ส.ผู้ภักดีกว่าร้อยคน
แต่ก็ไม่สามารถที่ออกมาเล่นหน้าเวทีได้ ไม่มีตำแหน่งทางการเมืองที่จะยกระดับเกียรติยศให้สูงขึ้น เพราะจะต้องรอไปอีก 3 ปีกว่า
ยิ่งจังหวะการเมืองมันให้หลุด “คุก” การเมืองเมื่อใด อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น.
“สายล่อฟ้า”