WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, June 10, 2008

สภาสนามหลวง เตรียมทำหนังสือถึงราชเลขาธิการ กรณีพันธมิตรฯอ้างเบื้องสูง

* ‘สภาสนามหลวง’ กังวลประชาชนสับสน
“สภาสนามหลวง” เตรียมทำหนังสือถึงสำนักพระราชวังและราชเลขาธิการ สอบถามกรณีกลุ่มพันธมิตรฯ แอบอ้างเบื้องสูง ตั้งแต่เสื้อเหลือง ผ้าพันคอฟ้า มาจนถึงน้ำดื่ม “จิตรลดา” เป็นห่วงเกรงประชาชนจะเกิดความสับสน “นักวิชาการ” หนุน ระบุเป็นการปกป้องสถาบัน ไม่ให้ใครมาทำแปดเปื้อน พร้อมจี้ “อภิสิทธิ์” เรียก ส.ส. กลับเข้าพรรค อย่าให้มีส่วนสนับสนุนม็อบทั้งระดมทุน ระดมคน ด้าน “พระพยอม” เตือนผู้ปกครองไม่ควรนำลูก หลาน ร่วมการชุมนุมกับพันธมิตรฯ เพราะมีแต่ถ้อยคำหยาบคาย หวั่นเด็กจำไปเป็นตัวอย่าง

การชุมนุมยืดเยื้อของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ทำท่าจะหมดมุกในการชุมนุมหลังจากบิดเบือนประเด็นอย่างต่อเนื่อง พบว่าได้มีความพยายามที่จะอ้างถึงสถาบันเบื้องสูงอีกครั้ง ซึ่งว่ากันว่าเป็นความพยายามดิ้นเฮือกสุดท้ายในการดึงคนออกมาร่วมการชุมนุม

แฉพรรคเก่าแก่หนุนม็อบพันธมิตร
จากกรณีดังกล่าว นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ ประธานสภาสนามหลวง ได้เปิดเผยบนเวทีที่ท้องสนามหลวง เมื่อคืนวันที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา ต่อหน้าประชาชนผู้ร่วมรับฟังนับพันคน มีความสำคัญตอนหนึ่งว่า จากการเปิดเวทีสภาสนามหลวงมาตลอด 2 สัปดาห์เต็ม จากการระดมความคิดเห็นทั้งจากพี่น้องประชาชนชาวสภาสนามหลวง รวมถึงนักวิชาการหลากหลายอาชีพที่เข้ามาเป็นวิทยากร ต่างได้ข้อสรุปในขั้นตอนเป็นที่ชัดเจน ประเด็นแรกคือ

สาเหตุที่กลุ่มพันธมิตรฯ สามารถมีทั้งกำลังพลและกำลังเงินทำให้ปิดถนนได้เกือบครึ่งเดือนได้นั้น เป็นเพราะมีพรรคการเมืองเก่าแก่ให้การสนับสนุนอย่างเปิดเผยโจ่งแจ้ง เห็นได้จากมีทั้งสมาชิกพรรคที่สอบได้และสอบตกเข้าไปร่วมชุมนุมอยู่ข้างเวทีพันธมิตรฯ อยู่มากมาย การสนับสนุนเช่นนี้ ถือเป็นการต่อสู้นอกสภา ที่ไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดกลียุคขึ้นได้ในบ้านเมือง

จี้ “อภิสิทธิ์” ดูแลลูกพรรคแตกแถว
ดังนั้น นักวิชาการของสภาสนามหลวงมีความเห็นว่า จะทำหนังสือเปิดผนึกถึง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้ใช้สิทธิ์ของความเป็นหัวหน้าพรรคเรียกสมาชิกพรรคทั้งหมดกลับเข้าพรรค และต้องห้ามมิให้สมาชิกของพรรคทั่วประเทศระดมคนและเงินเพื่อสนับสนุนพวกกลุ่มพันธมิตรฯ อีกต่อไป ซึ่งขณะนี้ได้ให้ทางฝ่ายวิชาการเตรียมร่างหนังสือเพื่อไปยื่นต่อนายอภิสิทธิ์แล้ว ส่วนจะไปยื่นเมื่อใด จะแจ้งให้ประชาชนที่มาร่วมอยู่ที่สภาสนามหลวงรับทราบต่อไป

ส่วนในประเด็นที่ 2 นายสุรชัย เปิดเผยว่า คือกรณีที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ได้แสดงท่าทีเหิมเกริม ท้าทายกฎหมายบ้านเมือง แสดงตนเป็นกบฏ อยู่กลางเมืองหลวงโดยที่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งไม่สามารถจัดการอะไรได้ เหมือนกริ่งเกรงอะไรบางอย่าง หรือแม้กระทั่งกองทัพ ซึ่งเมื่อครั้งที่แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ออกมาต่อต้านเผด็จการเพียงแค่เคลื่อนขบวนไปไม่กี่ชั่วโมงยังมีการแสดงอาการไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่เมื่อกลุ่มพันธมิตรฯ ปักหลักชุมนุมยืดเยื้อกลับไม่ท่าทีแสดงปฏิกิริยาไม่พอใจแม้แต่น้อยนิด

ฉะ!พันธมิตรแอบอ้างเบื้องสูง
ขณะที่กลุ่มพันธมิตรฯ มักจะนำสถาบันเบื้องสูงมากล่าวอ้างอย่างต่อเนื่อง ประหนึ่งสถาบันยืนอยู่ข้างพันธมิตรฯ นั้น กรณีดังกล่าวจึงส่งผลให้ประชาชนที่ติดตามสถานการณ์เกิดความสับสนและเข้าใจไขว้เขว ไปกับการอ้างของนายสนธิและแกนนำพันธมิตรฯ เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการโพกผ้าสีเหลือง ข้อความ เราจะทำเพื่อในหลวง ผ้าพันคอสีฟ้า หรือแม้กระทั่งล่าสุด ในการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เมื่อคืนวันที่ 7 มิถุนายน ยังได้นำน้ำดื่มที่ติดตรา “จิตรลดา” มาแจกจ่ายพร้อมกล่าวอ้างบนเวทีด้วยข้อความที่อาจทำให้เกิดความสับสนมากขึ้นไปอีก ทั้งที่ น้ำดื่ม จิตรลดาสามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาดโดยทั่วไป

“ถ้าดูผิวเผินเป็นเรื่องปกติโดยทั่วไป และไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะน้ำดื่มของ จิตรลดา เข้ามาแจกจ่ายให้ผู้ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เพราะสามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาด แต่ว่าบรรดาผู้ที่ขึ้นปราศรัยบนเวทีพันธมิตรฯ หลายท่านออกมากล่าวในทำนองที่ว่า น้ำขวดนี้ต้องดื่มจนหยดสุดท้าย เพราะเป็นน้ำที่ได้รับพระราชทานมาจากฟากฟ้า ซึ่งการกล่าวเช่นนี้ ก็เพื่อให้ผู้ที่มาชุมนุมเกิดความเข้าใจผิดว่า น้ำขวด จิตรลดานั้นได้รับพระราชทานมาจากสถาบันเบื้องสูงอันเป็นที่เคารพของประชาชนชาวไทย เรื่องแบบนี้ นายสนธิ นำมากล่าวอ้างบ่อยมาก จึงเป็นเรื่องที่คลางแคลงใจของคนทั้งประเทศอย่างมาก ทั้งที่ลักษณะเช่นนี้มิอาจจะเป็นไปได้” นายสุรชัย กล่าว

ทำหนังสือสอบถามราชเลขาธิการ
อย่างไรก็ตาม นายสุรชัย กล่าวด้วยว่า แม้ว่าประชาชนทั้งประเทศจะเกิดความสับสน สงสัยเพียงใด แต่ก็มิบังอาจที่จะนำความขึ้นกราบบังคมทูลถามต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะเป็นการมิบังควร แต่น่าจะทำได้ในระดับการสอบถามต่อหน่วยงานที่รับใช้ใกล้ชิดต่อเบื้องพระยุคลบาท นั่นก็คือ สำนักพระราชวังและสำนักราชเลขาธิการ ดังนั้น จึงได้ให้ฝ่ายวิชาการเตรียมการร่างหนังสือไปยัง 2 สำนักงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องดังกล่าว แต่ก็ยังคงต้องหารือกับคนอื่นๆอีกหลายคนไปพร้อมกันด้วย

ด้าน ดร.ศิลป์ ราศี นักวิชาการ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ให้สัมภาษณ์ในประเด็นเดียวกันนี้ว่า กลุ่มพันธมิตรฯเป็นกลุ่มที่กำลังพยายามอ้างเบื้องสูงมาทำลายฝ่ายหนึ่งโดยตลอด ซึ่งพวกพันธมิตรฯจะกล่าวอ้างโดยตรงไม่ได้ จึงต้องใช้สัญลักษณ์อย่างอื่นขึ้นมาแอบแฝง ซึ่งตนคิดว่าเป็นการกระทำที่มิบังควรอย่างยิ่ง เพราะในฐานะที่เป็นคนไทย หากมีความจงรักภักดีต่อสถาบัน ไม่ควรที่จะเอาเบื้องสูงลงมาแปดเปื้อนกับการต่อสู้ทางการเมือง โดยเฉพาะเมื่อคนเราหากมีความเคารพนับถือสิ่งใดสิ่งหนึ่งจะไม่เอาสิ่งเหล่านั้นลงมาให้แปดเปื้อนอย่างแน่นอน

นักวิชาการแนะพันธมิตรสู้ด้วยปัญญา
ดังนั้น การกระทำของกลุ่มพันธมิตรฯจึงเป็นการกระทำเพื่อแอบอ้าง และนี่คือการทำลายสถาบันอย่างแท้จริง

" ผมอยากจะกล่าวเตือนว่าไม่บังควรอย่างยิ่งที่จะมากระทำเช่นนี้ ซึ่งถ้าพันธมิตรฯอยากจะต่อสู้ในทางการเมือง ต้องออกมาต่อสู้อย่างตรงไปตรงมา และต้องเอาทฤษฎีหลักความรู้มาชี้แจงให้ประชาชนเกิดความเข้าใจได้เห็นได้ทราบ ไม่ควรจะเอาสถาบันที่อยู่เหนือเกล้าของคนไทยทุกคนมาทำลายฝ่ายตรงกันข้าม”

ดร.ศิลป์ กล่าวด้วยว่า ตนได้เคยกล่าวบนเวทีสภาสนามหลวงไปแล้วครั้งหนึ่ง คือหากจะมีการแก้ไขและเพิ่มเติมกฎหมายรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 291 ตนอยากจะเสนอบรรจุกฎหมายรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมไปอีก 2 มาตรา ซึ่งคือข้อ 1 ห้ามมิให้บุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดก็แล้วแต่ นำเอาสถาบันพระมหากษัตริย์มาใส่ร้ายฝ่ายตรงกันข้าม ส่วนข้อที่ 2 ห้ามมิให้ทหารเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองและหากมีการปฏิวัติรัฐประหารเกิดขึ้น ให้คำสั่ง คปค.หรือคณะปฏิวัติไม่มีผลในทางกฎหมายใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งหากมีการบรรจุไว้อย่างนี้จะเป็นป้องกันมิให้มีใครนำเอาสถาบันเข้ามาทำร้ายฝ่ายตรงกันข้าม และอาจจะสามารถป้องกันมิให้ทหารเข้ามาปฏิวัติได้ เพราะคำสั่งของพวกทหารจะไม่มีผลทางกฎหมาย

หนุนยื่นจดหมายสร้างความกระจ่าง
ส่วนที่จะมีการทำหนังสือเพื่อสอบถามไปยังสำนักพระราชวังและสำนักราชเลขาธิการนั้น ตนเข้าใจว่ากลุ่มพันธมิตรฯ นักวิชาการบางคนและพรรคการเมืองบางพรรค อ้างสถาบันมาทำร้ายฝ่ายตรงข้ามในหลายรูปแบบ โดยพยายามให้ประชาชนทุกคนเห็นว่ามีสถาบันเกี่ยวข้อง สิ่งเหล่านี้จึงทำให้ประชาชนเกิดความสับสน

เพราะฉะนั้นการที่ทางสภาสนามหลวงจะดำเนินการในเรื่องดังกล่าวก็เพื่อต้องการจะถามว่า สิ่งที่พวกพันธมิตรฯอ้างอิงนั้นเป็นจริงหรือไม่ ซึ่งหากผลออกมาเป็นเรื่องที่ไม่เป็นความจริง จะก่อให้เกิดความเข้าใจต่อพี่น้องประชาชนทั้งประเทศว่า สิ่งที่พวกพันธมิตรฯกล่าวอ้างมาทั้งหมดนั้นไม่จริงเลย แล้วประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นก็คือ จะเป็นการป้องกันสถาบันเบื้องสูงของคนไทยไม่ให้ผู้ใดมาแอบอ้างทำให้แปดเปื้อนขึ้นอีกได้

รวมทั้งจะแก้เรื่องความคลางแคลงใจที่ประชาชนทั้งหลายมีอยู่ให้หมดสิ้นไป ซึ่งตนคิดว่าเป็นเรื่องที่สามารถกระทำได้ แล้วคนไทยทุกคนก็ควรจะทำเพื่อให้สถาบันเบื้องสูงได้บริสุทธิ์จากเรื่องการเมืองด้วย

เตือน!ต้องรู้จักฟ้าสูง-แผ่นดินต่ำ
เช่นเดียวกับ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส สัดส่วน พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า เรื่องนี้มีมูลมาตั้งแต่คำพิพากษาจำคุกนายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่ใช้สถาบันเป็นเครื่องมือในการทำลายล้างทางการเมืองมาแล้ว ซึ่งศาลได้สั่งจำคุกโดยไม่ต้องมีการรอลงอาญา ซึ่งแสดงให้เห็นชัดเจนอยู่แล้วเมื่อครั้ง 19 กันยายน 2549 กลุ่มพันธมิตรฯได้ใช้วิธีการนี้เหมือนกันในการโจมตี พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ในเรื่องสถาบัน แต่ท้ายสุด อัยการสูงสุดมีความเห็นไม่สั่งฟ้องในทุกกรณี แต่กลุ่มพันธมิตรฯก็ยังพยายามที่จะปลุกปั่นให้ประชาชนหลงเชื่อในทางที่ผิดและส่งผลเสียหายต่อสถาบัน

“เพราะฉะนั้น ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าวคงต้องรีบดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยที่ต้องยึดตามคำพิพากษาของศาลเป็นตัวตั้ง ซึ่งในกรณีดังกล่าวที่พันธมิตรฯ กระทำมานั้นเป็นการแสดงความจงใจอย่างชัดเจน สิ่งที่พวกเราจะทำได้คือส่งสารให้พวกพันธมิตรฯ รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ และอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจควรออกมาพิจารณา เพราะในฐานะที่เคยเห็นพฤติการณ์ของพวกพันธมิตรฯตั้งแต่เรื่องเอาเสื้อเหลืองมาเป็นเครื่องมือ ทั้งที่เสื้อเหลืองเป็นสัญลักษณ์ของคนไทยทั้งชาติใช้ในการแสดงความจงรักภักดี ซึ่งจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้ แต่ว่าในกรณีของพันธมิตรฯ ที่ใช้เสื้อเหลืองนั้น พฤติกรรมโดยรวมก็คือ เป็นการกระทำที่ต้องการนำเอาสถาบันมาอ้างเพื่อต้องการบรรลุผลทางการเมือง” นายจตุพร กล่าว

ซัดพวกอ้างสถาบัน-สามานย์ที่สุด
ส่วนการจะทำหนังสือสอบถามไปยังสำนักพระราชวัง นายจตุพร กล่าวว่า สามารถกระทำได้ เพราะนอกเหนือจากเป็นสิทธิแล้ว การแอบอ้างของกลุ่มพันธมิตรฯ ยังก่อให้เกิดความเสียหายไปในทุกภาคส่วนด้วย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ดี เพราะที่ผ่านมา เนื้อหาสาระในการเรียกร้องของกลุ่มพันธมิตรฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อล้มล้างประชาธิปไตยโดยไม่จำกัดวิธีการ และที่สามานย์ที่สุดคือ การเอาสถาบันมาเป็นเครื่องมือการทำลายล้าง

อย่างไรก็ตาม นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกพรรคพลังประชาชน ให้ความเห็นถึงการทำหนังสือถึงสำนักพระราชวัง สำนักราชเลขาธิการ ว่า ในความเห็นส่วนตัวมีความรู้สึกไม่เห็นด้วยกับการพยายามที่จะตั้งคำถาม ซึ่งเกรงว่าจะกลายไปเป็นเครื่องมือของกลุ่มพันธมิตรฯ นำไปอ้างอิงกล่าวโจมตีอีกว่าเป็นการทำให้เกิดการเสื่อมเสียต่อสถาบัน ซึ่งไม่ควรที่จะยกเอาประเด็นนี้ขึ้นมาพูดถึงให้ประชาชนรับรู้และตัดสินใจ เพราะเชื่อว่าขณะนี้ประชาชนส่วนใหญ่รับรู้ว่าอะไรเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เรื่องราวเป็นมาอย่างไรอยู่แล้ว จึงไม่ควรที่จะตั้งคำถาม เพราะประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องที่อ่อนไหวเกินกว่าที่จะตั้งคำถามได้ ซึ่งสามารถเชื่อได้เลยโดยที่ไม่ต้องตั้งคำถามว่า สถาบันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน ยิ่งหากไปตั้งคำถามก็จะก่อให้เกิดข้อสงสัยขึ้นมา แล้วจะกลายเป็นว่าไปเข้าทางของกลุ่มพันธมิตรฯเสียมากกว่า

พระพยอมห่วงเด็กติดคำหยาบม็อบ
ขณะเดียวกันที่บริเวณตลาดสดเทศบาล 1 อ.เมือง จ.พิจิตร พระราชธรรมนิเทศ หรือพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้วและประธานมูลนิธิสวนแก้ว ได้เดินทางมาเทศน์โปรดพุทธศาสนิกชนชาวพิจิตรและรับบริจาคสิ่งของเครื่องใช้ที่ชำรุดเสียหายเพื่อนำเข้ามูลนิธิไปซ่อมแซมเพื่อทำประโยชน์ ซึ่งมีประชาชนชาวพิจิตรนำสิ่งของมาบริจาคเป็นจำนวนมาก

โดยในครั้งนี้พระพยอมได้เทศน์โปรดญาติโยมชาวพิจิตรที่สนใจรับฟังกว่า 1,000 คน ซึ่งตอนหนึ่งพูดถึงความห่วงใยต่อเยาวชนในการรับข้อมูลข่าวสารโดยเฉพาะผู้ปกครองที่นำบุตรหลานไปรับฟังการปราศรัยตามเวทีต่างๆ เนื่องจากปัจจุบันผู้ปราศรัย มักใช้คำหยาบคายในการพูดโจมตี ซึ่งกันและกัน ทำให้เด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะซึมซับ ซึ่งเป็นการปลูกฝังสิ่งที่ไม่ควรให้กับเยาวชน จึงอยากให้มีรัฐธรรมนูญที่คุ้มครองเด็ก โดยสามารถที่จะเอาผิดโดยเฉพาะผู้ปกครองที่มักนำเด็กเล็กๆ เข้าไปรับฟังการปราศรัยของเวทีต่างๆไม่ว่าจะเป็นเวทีไดก็ตามเพราะเด็กจะซึมซับและนำไปใช้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้กับพ่อแม่และทั่วไป

นอกจากนั้น พระพยอมยังฝากเตือนผู้ปกครอง ไม่ควรนำเด็กไปนั่งฟังกลุ่มม็อบพันธมิตรฯ เพราะมีทั้งคำหยาบ และนอนดึก ผู้ปกครองควรจะไปเพียงลำพัง