ปรากฏเป็นภาพและข่าวอย่างชัดเจนว่าในเวทีข้างถนนของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ออกมาชุมนุมยืดเยื้อขับไล่รัฐบาล จนสร้างความเดือดร้อนรำคาญอย่างกว้างขวางนั้น ได้มีผู้บริหารพรรค ส.ส. และ ส.ส.สอบตกของพรรคประชาธิปัตย์เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องทั้งบนเวทีและหลังเวทีการชุมนุมมากมายหลายคน รวมไปถึงกระแสข่าวลือที่อ้างว่าพรรคประชาธิปัตย์ยังมีส่วนร่วมในการวางแผน สนับสนุนจัดหาผู้ร่วมชุมนุมและสนับสนุนเงินทุนด้วย
โดยประเด็นดังกล่าวได้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่องถึงอุดมการณ์ในอดีตของพรรคการเมืองเก่าแก่อย่างพรรคประชาธิปัตย์ มีการมองไปถึงการรับไม่ได้กับความพ่ายแพ้จากการเลือกตั้ง และยังมีการตั้งข้อสงสัยว่าเป็นการเห็นแก่ประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง มากกว่าประโยชน์ของพี่น้องประชาชน และชาติบ้านเมืองหรือไม่
จี้ ปชป.เลิกหนุนพันธมิตรฯ
ท่ามกลางข้อกังวลและสงสัยดังกล่าว เมื่อตอนสายวันที่ 9 มิถุนายน ที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มประชาชน ที่ระบุว่าเป็นเครือข่ายสมาพันธ์ผู้นำชุมชนคลองเตย สวมเสื้อสีขาวประมาณ 200 คน พร้อมรถเครื่องขยายเสียง นำโดย นายสมพิศ ผอบเพชร ประธานเครือข่ายฯ เปิดการชุมนุมและกล่าวปราศรัยผ่านเครื่องขยายเสียง ที่หน้าที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์
พร้อมกันนี้ก็ได้ชูแผ่นป้ายโจมตีพรรคประชาธิปัตย์ด้วยข้อความต่างๆ อาทิ "ปชป.หยุดสนับสนุนพันธมิตร" "อภิสิทธิ์อย่าลวงโลก" "อย่าเล่นการเมืองสกปรก" "ปชป.อย่าเป็นอีแอบ" "ปชป.หยุดอยู่เบื้องหลังพันธมิตร" "ปชป.อย่าสั่งให้ ส.ส.สนับสนุนม็อบ" "อย่าแบ่งแยกแผ่นดิน" เป็นต้น
จากนั้น นายจุรินทร์ มาลาขาว พ่อค้าเสื้อผ้าย่านคลองเตย ได้เป็นตัวแทนเครือข่ายฯ เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกต่อพรรคประชาธิปัตย์ โดยมี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้รับหนังสือดังกล่าว ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมพอใจและสลายตัวกลับไป
ทวงถามอุดมการณ์ประชาธิปไตย
สำหรับเนื้อหาในจดหมายเปิดผนึกดังกล่าวระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองที่เคยประกาศว่าเชื่อมั่นในระบบรัฐสภา คืออุดมการณ์ประชาธิปไตยที่ทั่วโลกยอมรับ แต่พฤติกรรมของ ส.ส.ในพรรคได้ละทิ้งอุดมการณ์ความถูกต้อง โดยสนับสนุนวิธีการนอกกฎหมาย เช่น การตั้งรัฐอิสระ เมืองพันธมิตรฯ ผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 1 และมาตรา 28 ละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่นและเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐธรรมนูญ อีกทั้งผิดมาตรา 63 ชุมนุมโดยมีอาวุธ ตั้งกลุ่มนักรบศรีวิชัยที่มีกำลัง 300 คน
นอกจากนี้ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน และคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ส.ส.กรุงเทพ พรรคประชาธิปัตย์ ยังเข้าร่วมเป็นแกนนำชุมนุมเพื่อโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และการชุมนุมส่งผลให้ประชาชนเกิดความเดือดร้อนรุนแรง ทั้งเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงทำลายภาพลักษณ์ของประเทศ ซึ่งเครือข่ายฯ เกรงว่าการชุมนุมดังกล่าวจะนำไปสู่การรัฐประหาร
แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมระบุว่าไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใด และการสวมเสื้อสีขาวก็เพื่อแสดงถึงความสันติ แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกลุ่มริบบิ้นสีขาวของนายปริญญา เทวนฤมิตรกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ชมนายกฯ ใช้สันติวิธีแก้ปัญหาม็อบ
ด้าน ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน หัวหน้าคณะทำงานศูนย์ติดตามและวิเคราะห์การชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวว่าขณะนี้ทางศูนย์ฯ ได้ทำหนังสือถึง นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคและผู้บริหารพรรคได้ทราบถึงเหตุการณ์ ต่อความเป็นไปในรอบสัปดาห์เกี่ยวกับข้อเท็จจริง ข้อพิจารณาและข้อเสนอแนะ สรุปการที่นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคได้รับฟังความคิด ท่านยืนยันจะใช้วิธีการแก้ปัญหาโดยสันติวิธี
ซึ่งเราขอสนับสนุนแนวทางนี้เพราะทำให้การชุมนุมดีขึ้นอย่างมากและมีเสียงสะท้อนจากประชาชนเป็นอย่างดีกับแนวทางที่นายกรัฐมนตรีไม่พูด ไม่ให้ความสำคัญ ไม่ให้ราคากับการชุมนุมของพันธมิตรฯ ที่สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน ส่งผลให้แกนนำพันธมิตรฯ ไม่พอใจเพราะไม่มีเรื่องโจมตีบนเวทีได้ ถือเป็นแนวทางที่ถูกต้องแล้ว
แม้จะมีเสียงเรียกร้องจากประชาชนให้จัดการกลุ่มพันธมิตรฯ ด้วยวีธีการต่างๆ จะทำให้คนได้เห็นธาตุแท้ของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ที่ต้องการให้การชุมนุมยืดเยื้อเพราะต้องการใช้สถานการณ์นี้เผยแพร่ความเชื่อตามลัทธิจำลอง ที่เป็นพลังหลักในการดึงใจให้มีคนมาร่วมชุมนุมและเมื่อมีการแข่งขันบอลยูโร ก็มีการนำจอทีวีขนาดใหญ่มาติดตั้งให้ชม พร้อมมีการจัดคอนเสิร์ต เท่าที่ดูการชุมนุม ยิ่งนานก็ยิ่งไร้สาระ ถ้าจะมาสร้างความเดือดร้อน ก็ควรกลับไปดูบอลที่บ้านดีกว่า
จี้ “อภิสิทธิ์”ลาก ส.ส.กลับพรรค
รท.กุเทพ ยังเรียกร้องไปถึงพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค จะว่าอย่างไร จะยอมรับหรือไม่ ขอให้พูดให้ชัดเจนเพราะนายอภิสิทธิ์พูดเสมอว่ายึดมั่นในระบบรัฐสภาจริง ก็ขอให้ไปดึงหูนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน กลับมายังสภาด้วย แต่หากชุมนุมยืดเยื้อคนที่รับกรรมก็คือเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ทำหน้าที่ตามกฎหมาย อยากให้รัฐบาลมาให้กำลังใจให้มากเพราะมีความอดกลั้นอดทน ซึ่งจะต้องพยายามเจรจาต่อไป
เมื่อถามว่ากรณีมีข่าวว่า นายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน พรรคพลังประชาชน แกนนำกลุ่มมหาประชาชนร่วมพิทักษ์ประชาธิปไตย ภาคเหนือ ระบุว่าจะมีการระดมคนทั่วประเทศเข้ามาขับไล่พันธมิตรฯ นั้น ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า ยังไม่ทราบข่าว แต่ที่ผ่านมา ส.ส.กลุ่มดังกล่าวก็ดำเนินตามแนวทางของพรรค เมื่อพรรคมีแนวทางที่ไม่เผชิญหน้าก็ได้ยุติ แต่การยุติ ไม่ได้หมายความว่าตายไปแล้ว ยังมีมวลชนนั่งรออยู่ที่บ้าน เรื่องนี้ถือเป็นความคิดเห็นส่วนตัว พรรคจะไม่เข้าไปก้าวก่ายสิทธิส่วนบุคคล เพราะรัฐธรรมนูญได้ระบุว่า เป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส.ที่จะดำเนินการอะไรก็ได้ พรรคไม่มีสิทธิไปยุ่งเกี่ยว เมื่อพรรคประชาธิปัตย์มีสมาชิก มีแฟนๆ พรรคพลังประชาชนก็มีสมาชิกและมีแฟนๆ เช่นกัน
ห่วงเงินบริจาคม็อบไม่โปร่งใส
ด้าน นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน หนึ่งในคณะทำงานศูนย์ติดตามฯ กล่าวถึงกรณีที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ได้ตอบโต้พระพยอมพร้อมให้ผู้ชุมนุมโห่ไล่นั้น ตนคิดว่าเป็นวิธีการที่ไม่เหมาะสมในฐานะชาวพุทธ แม้นายสนธิจะนับถือสมณะโพธิรักษ์ที่คณะสงฆ์ไม่ยอมรับก็ตาม
นายจตุพร กล่าวตั้งข้อสังเกตที่ยังคาใจเกี่ยวกับเรื่องเงินและการรับบริจาคเงินของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่แบ่งเงินบริจาคเป็น 2 กอง แบ่งเป็นเงินสนับสนุนการชุมนุม และเงินเดือนให้กับพนักงานเอเอสทีวี โดยในส่วนนี้อาจไม่เหมาะสมกับจริยธรรมของสื่อมวลชน เป็นเรื่องที่ไม่ควรกระทำในฐานะสื่อ ซึ่งสื่ออื่นๆ จะทำบ้างได้หรือ จึงอยากเรียกร้องสมาคมสื่อฯ เข้ามาตรวจสอบ เพราะก่อนหน้านี้สมัยชุมนุมขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรได้ไปพูดที่สหรัฐว่าใช้เงินส่วนตัวไป 400 ล้านบาท ไม่นับเงินบริจาคกว่า 10 ล้านบาท ทั้งๆ ที่นายสนธิบอกว่าล้มละลาย ก็มีการตั้งคำถามเอาเงิน 400 ล้านมาจากไปไหน
ติง “วีระ สม”ส่อหมิ่นศาล
นายจตุพร ยังกล่าวถึงกรณี นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชั่นฯ ออกมาระบุว่านายสมัครพยายามวิ่งเต้น ไม่ให้มีการอ่านคำพิพากษาในชั้นอุทธรณ์ในคดีที่มีการหมิ่นประมาท นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าฯ กทม.เนื่องจากนายสมัครทราบข้อมูลว่าศาลอุทธรณ์จะพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นว่าการพูดอย่างนี้ นายวีระ กำลังจะหมิ่นศาล เพราะในกระบวนการยุติธรรม ไม่มีใครสามารถไปวิ่งเต้นอะไรได้ เรื่องนี้นายวีระ ควรใช้ความคิดมากกว่านี้ เพราะเรื่องดังกล่าวคงไม่มีใครเข้าไปแทรกแซงศาลได้
อย่างไรก็ตามนายจตุพรยังฝากไปถึง พล.ต.จำลอง ด้วยว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นอาจมาจาก 73 ปีที่ใช้ชื่อ "จำลอง" เพราะไม่ใช่ของจริง ถ้าจะให้แก้ปัญหาได้คงต้องเปลี่ยนชื่อเป็น “จริง ศรีเมือง”
ทหารรับห่วงชุมนุมบานปลาย
ทางด้าน พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ โดยปฏิเสธว่าการหารือวันนี้ไม่มีการหารือประเด็นทางการเมือง รวมถึงการทำหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ที่ยังมีปัญหา โดยการประชุมที่มีขึ้นวันนี้เป็นการหารือถึงการพัฒนากองทัพในภาพรวม
อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ยอมรับว่า มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ทางการเมือง โดยเฉพาะการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ยืดเยื้อมากว่า 2 สัปดาห์ ขณะเดียวกันเชื่อว่าทุกฝ่ายมีความห่วงใยเช่นเดียวกัน ส่วนสถานการณ์จะบานปลายหรือไม่ ระบุว่า อยู่ที่คนจะช่วยกันมองอนาคตประเทศและช่วยกันแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่ ส่วนกองทัพนั้น ยืนยันว่า ยังไม่ได้มีการหารือถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการนำ พ.ร.บ.ความมั่นคง มาใช้สลายการชุมนุม
ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ยังได้ปฏิเสธแสดงความเห็นถึงข้อเสนอของ พล.อ.สุจินดา คราประยูร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เสนอให้มีการยุบสภา และจัดการเลือกตั้งใหม่ รวมถึงกรณีการหาคนกลางมาเป็นผู้ประสานความเข้าใจเพื่อแก้วิกฤติบ้านเมืองขณะนี้ โดยกล่าวเพียงว่า ไม่อยู่ในฐานะที่จะแสดงความเห็นได้ และคงเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม
หญิงเป็ดหน้าบานม็อบให้กำลังใจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะเดียวกันกลุ่มพันธมิตรฯ ก็ยังคงเกิดหน้าแผนดาวกระจาย โดยไม่สนใจความเดือดร้อนของประชาชน โดยได้พาคนเดินทางไปให้กำลังใจข้าราชการ คตส. โดย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง หนึ่งในแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวว่าการเดินทางไปให้กำลังใจข้าราชการ คตส. เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ถูกตรวจสอบความถูกต้อง
ส่วนกรณีที่มีข้อเสนอให้รัฐบาลขยายเวลาการทำงานของ คตส.ออกไปอีก 1 ปีนั้น เชื่อว่ารัฐบาลจะไม่ทำตามข้อเสนอดังกล่าว ทั้งนี้สำหรับการยกระดับอารยะขัดขืนรัฐ ที่จะใช้ระดับความเข้มข้นในการชุมนุม ซึ่งจะใช้มาตรการที่เรียกว่า สิทธิที่จะไม่เชื่อฟังรัฐบาลนั้น ต้องหารือกับแกนนำก่อน พร้อมยืนยันยังไม่มีใครยื่นข้อเสนอสมานฉันท์มาให้
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่า สตง. ได้รับรองม็อบด้วยตัวเอง และออกอาการยิ้มหน้าบานจนเห็นได้ชัด พร้อมกับจัดขนมขบเคี้ยวไว้คอยต้อนรับด้วย
ตร.คุมเข้มรับมือดาวกระจาย
ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจในสายวันเดียวกันนี้ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. ได้ลงนามคำสั่งในหนังสือด่วนที่สุดที่ 0016.125/88886 ถึงนายตำรวจระดับรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รองผบช.น.)และผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1-9 ผู้บังคับการตำรวจ 191 ผู้บังคับการตำรวจจราจร ให้ปฏิบัติตามแผนรักษาความสงเรียบร้อยและจัดการจราจรในการชุมนุมบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ทำเนียบรัฐบาล รัฐสภาและสถานที่ราชการสำคัญที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะเคลื่อนไหวไปในพื้นที่ต่างๆ ตามแผนยุทธศาสตร์ดาวกระจาย และดูแลความสงบเรียบร้อยรักษาความปลอดภัยโดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมที่มีการจัดกิจกรรมบริเวณหน้ารัฐสภา ระหว่างที่มีการเปิดประชุมสภา สมัยวิสามัญ เพื่อให้การปฏิบัติในการรักษาความสงบเรียบร้อยและจัดการจราจรในการชุมนุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ขอให้ผู้บังคับบัญชาทุกหน่วยดำเนินการตามแผนมกรา 50 ซึ่งเป็นแผนปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยพื้นที่ กทม.ของ บช.น.อย่างเคร่งครัด ขณะเดียวกันให้ทุกหน่วยเพิ่มความเข้มในการสืบสวน หาข่าวติดตามพฤติการณ์กลุ่มบุคคลที่อาจก่อความไม่สงบ หรืออาจส่งผลกระทบต่อการรักษาความสงบเรียบร้อยอย่างใกล้ชิด
สั่งหน่วยปราบจลาจลเตรีมพร้อม
ผบช.น. ยังกำชับสั่งการผู้ปฏิบัติทุกหน่วยให้เพิ่มความถี่ในการออกตรวจตราเฝ้าระวังพื้นที่สำคัญต่างๆ ในพื้นที่รับผิดชอบ ป้องกันการฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์หรือก่อความวุ่นวาย โดยเฉพาะ สน.ที่มีพื้นที่รับผิดชอบเส้นทางที่จะผ่านเข้าพื้นที่ลานพระราชวังดุสิต คือ สน.สามเสน สน.ดุสิต สน.นางเลิ้ง สน.ใกล้เคียง ให้ตั้งจุดตรวจค้น สังเกตการณ์ เฝ้าระวัง บริเวณเส้นทางดังกล่าว ตั้งแต่เวลา 06.00 น.วันที่ 9 มิ.ย.นี้เป็นต้นไป พร้อมสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายต่างๆ จำนวน 10 นาย เป็นชุดเคลื่อนที่เร็วประจำ สามารถเข้าระงับเหตุการณ์ความไม่สงบในเขตพื้นที่รับผิดชอบได้ทันทีและให้กองบังคับการที่ยังมิได้รับมอบหมายให้จัดกำลังตำรวจปราบจลาจลเข้าร่วมปฏิบัติตามภารกิจนี้ ให้จัดเตรียมกำลัง ปจ. กองบังคับการละ 1 กองร้อย 150 นาย เตรียมพร้อมไว้ ณ ที่ตั้งของแต่ละหน่วยด้วย พร้อมปฏิบัติการได้ทันทีเมื่อได้รับคำสั่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บก.ตปพ. บก.น.7 และ บก.น.8 ให้เพิ่มความเข้มในการเตรียมความพร้อมของกำลัง ปจ.ให้พร้อมปฏิบัติการได้ทันที
สกัดม็อบไม่ให้ไปรัฐสภา
สำหรับการการรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณรัฐสภาและพื้นที่ต่อเนื่องนั้น ผบช.น. กล่าวว่า ให้ถือปฏิบัติวันที่ 9 มิถุนายน ตั้งแต่เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป จนกว่าจะเสร็จสิ้นภารกิจ โดยดำเนินการตามแนวทางที่กำหนด ดังนี้ บก.น.8 จัดตั้งกองรักษาการณ์ขึ้นบริเวณอาคารจอดรถ สวนสัตว์ดุสิต ฝั่งตรงข้ามอาคาร รัฐสภา
โดยมอบให้ ผกก.สน.ดุสิต ประสานการปฏิบัติกับผู้เกี่ยวข้องให้เรียบร้อย และดำเนินการให้เสร็จสิ้นก่อนเวลา 07.30 น.จัดเตรียมแผงเหล็กตั้งวางไว้บริเวณเกาะกลางถนนอู่ทองใน ด้านหน้ารัฐสภา ตั้งแต่แยกอู่ทองใน ถึงบริเวณพระที่นั่งอภิเษกดุสิต ผกก.สน.ดุสิต จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจ 10 นายปฏิบัติภารกิจบริเวณประตูทางเข้าสวนสัตว์ดุสิต ฝั่งด้านถนนพระราม 5 และประตูทางเข้าสนามเสือป่า ด้านถนนศรีอยุธยา โดยให้ประสานกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสวนสัตว์ สำนักพระราชวัง และผู้เกี่ยวข้อง เพื่อขอความร่วมมือป้องกันมิให้กลุ่มผู้ชุมนุมใช้เป็นทางผ่านไปยังรัฐสภาเป็นอันขาด
ส่งสายสืบปะปน-หาข่าว
นอกจากนี้ยังสั่งการให้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรพร้อมรถจักรยานยนต์ 2 คัน ขับตรวจตระเวนบนถนนอู่ทองในตั้งแต่แยกอู่ทองใน ถึงบริเวณปั๊ม ปตท.สนามเสือป่า ประสานขอรับการสนับสนุนยานพาหนะประเภทต่างๆ เช่นรถดับเพลิง รถบรรทุกน้ำ รถสุขา รถพยาบาล จาก กทม. กำหนดจุดจอดให้เรียบร้อย
เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจกรณีมีเหตุการณ์ต่างๆ จัดเจ้าหน้าที่บันทึกภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหวเหตุ การณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นไว้ตลอดเวลาโดยให้ถือปฏิบัติตามแนวทางที่กำหนดไว้ ซึ่งได้กำหนดแนวทางกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมแบ่งกลุ่มย่อยไปจัดกิจกรรมยังสถานที่ต่างๆ กรณีกลุ่มผู้ชุมนุมสามารถเข้าไปในบริเวณถนนอู่ทองใน หน้ารัฐสภาได้ ให้จัดเจ้าหน้าฝ่ายสืบสวน ปะปนกับกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อหาข่าวและติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด