ที่มา ประชาทรรศน์
การพลิกขั้วการเมืองเพื่อจัดตั้งรัฐบาลกำลังเป็นที่ถูกจับตามองอย่างกว้างขวาง ทั้งจากบรรดาพรรคการเมืองด้วยกันเองและประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะประเด็นของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่หากเป็นขั้วพรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาล ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะได้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี
ในขณะที่เสียงคัดค้านนายอภิสิทธิ์ ก็หนาหูเช่นเดียวกัน ทั้งจากข้อกังวลสงสัยถึงจุดยืนประชาธิปไตย และท่าทีทางการเมืองที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่พบว่ามีสมาชิกของพรรคเข้าไปเกี่ยวข้องกับการชุมนุมผิดกฎหมายดังกล่าว โดยที่นายอภิสิทธิ์ กลับไม่เคยมีทีท่าว่าไม่เห็นด้วย หรือตักเตือนลูกพรรคเลย
ใส่ชุดทหารก็ผิดกฎหมาย
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน สมาชิกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์นำรูปนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ใส่ชุดทหารมายืนยันไม่ได้หนีทหารว่า ขั้นตอนที่นายอภิสิทธิ์ใส่ชุดทหารนั้นผิดกฎหมาย โดยเฉพาะกรณีที่นายอภิสิทธิ์ไปสมัครเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยจปร.ก็ผิดกฎหมาย
ทั้งตัวนายอภิสิทธิ์และผู้ที่รับเข้าเป็นทหาร จะเห็นว่านายอภิสิทธิ์ไม่มีใบสด.43 เหมือนชายไทยทั่วไปที่ผ่านการเกณฑ์ทหารแล้ว ซึ่งวันนี้ตนได้นำเอกสารรายงานผลการสอบสวน กรณีนายอภิสิทธิ์เข้ารับราชการโรงเรียนนายร้อยจปร. มาเพื่อเตรียมยื่นให้นายสมชาย เพศประเสริฐ ประธานคณะกรรมาธิการทหาร รวมทั้งคาดว่าจะยื่นต่อพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ด้วย
“หากคุณอภิสิทธิ์สามารถชี้แจงเรื่องการหนีเกณฑ์ทหาร และมีใบสด.43 มายืนยัน ผมก็พร้อมจะยกมือโหวตให้คุณอภิสิทธิ์เป็นนายกฯอีกคนหนึ่ง” นายจตุพร กล่าว
ต้องแจงสังคมเพื่อความสง่างาม
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคพลังประชาชน กล่าวว่าการตรวจสอบ เป็นเรื่องธรรมดา เพราะตอนที่คนอื่นขึ้นเป็นรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังตรวจสอบเลย ดังนั้นเมื่อพรรคประชาธิปัตย์จะได้ขึ้น ก็ต้องมีการตรวจสอบกัน
คนอื่นเวลาชี้แจงปัญหาไม่ได้ พรรคประชาธิปัตย์ก็เคยกล่าวหา คราวนี้พรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องชี้แจ้งให้ได้ ส่วนที่มีการออกมาพูดกันอย่างกว้างขวางเรื่องของวุฒิภาวะ และวัยวุฒิของนายอภิสิทธิ์นั้น มองว่าเรื่องอายุไม่น่าจะมีปัญหา เพียงแต่ดูว่าช่วงที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ท้วงติง ตำหนิคนอื่นไว้มาก พอมาตอนนี้ปัญหาต่างๆ ก็จะกลับมาหาตัวเองจากคนอื่นบ้าง
ด้านวุฒิภาวะจะพอไม่พอก็ขอให้ดูกันตอนนี้ ว่าสามารถอธิบายเรื่องการหนีเกณฑ์ทหารให้ประชาชนฟังได้อย่างไร และเป็นที่แน่นอนเรื่องของความสง่างามของผู้ที่จะขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าใครทำผิดกฎหมายแล้วมาเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ไม่มีความสง่างาม
นายสุทินกล่าวต่อไปว่า การเกณฑ์ทหารนั้น เป็นการวัดความเฉลียวฉลาดของชายไทย เป็นการวัดใจความเสียสละเพื่อชาติ ฉะนั้นนายอภิสิทธิ์ต้องอธิบายต่อสังคม
นายกฯต้องไม่ทำอะไรผิดกฎหมาย
ทางด้านนายสุทธิชัย จรูญเนตร ส.ส.อุบลราชธานี พรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกรณีเดียวกัน ว่าในแง่ของคุณสมบัติผู้ที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีก็ถือว่าต้องไม่กระทำผิดกฎหมาย การเกณฑ์ทหารก็เป็นข้อหนึ่งที่นายกรัฐมนตรีหรือส.ส.ต้องทำให้ถูกต้อง
ทั้งนี้นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ กล่าวว่าไม่ทราบข้อมูลเรื่องการหนีเกณฑ์ทหารของนายอภิสิทธิ์ จึงไม่สามารถออกความเห็นได้ ส่วนเรื่องการที่นายอภิสิทธิ์จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่ยังไม่มีความแน่ชัด อาจจะได้เป็นหรือไม่ได้เป็นก็ได้
“ผู้ที่จะถูกเสนอชื่อได้นั้น กฎหมายระบุว่าต้องเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้นถ้าใครมีคุณสมบัติก็มีสิทธิเสนอชื่อเป็นนายก และถ้าเสียงเกินกึ่งหนึ่งก็ได้เป็นนายก คุณอภิสิทธิ์ได้รับการเสนอชื่อแต่อาจจะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีก็ได้” นายบุญจงกล่าว
ในขณะเดียวกัน เมื่อถามไปยังส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวินถึงเรื่องนายอภิสิทธิ์ละเว้นการเกณฑ์ทหาร ซึ่งอาจจะทำให้ขาดคุณสมบัติการเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ได้กล่าวปฏิเสธความเห็น โดยนายวีระวัฒน์ โอสถานุเคราะห์ ส.ส.กาฬสินธุ์ พรรคพลังประชาชน กล่าวว่าตนไม่ทราบเรื่องราวและข้อมูลทั้งหมด จึงไม่ขอตอบ
เช่นเดียวกับนายมนต์ไชย ชาติวัฒนศิริ ส.ส.บุรีรัมย์ จากพรรคเดียวกันที่กล่าวว่าตนเป็นเพียงส.ส.เล็กๆ ไม่ขอวิจารณ์เรื่องดังกล่าวดีกว่า นอกจากนี้ นายนิสิต สินธุไพร อดีตส.ส.ร้อยเอ็ด และอดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน ก็ได้ปฏิเสธให้ความเห็นในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน
ต้องเอาสด.43ออกมาโชว์ให้ชัด
นพ.เหวง โตจิราการ หนึ่งในแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะต้องแสดงเอกสาร สด.43 ให้ประชาชนพี่น้องชาวไทยได้รับทราบ แต่ถ้านายอภิสิทธิ์ไม่มีหลักฐานดังกล่าว ก็แสดงว่า มีความน่าสงสัยที่ว่านายอภิสิทธิ์ได้มีการหลบเลี่ยงการคัดเลือกทหาร
“ทางสัสดีเขตพระโขนงได้มีการออกหมายเลขเพื่อเข้ามาทำการคัดเลือกทหาร คุณอภิสิทธิ์ต้องออกมาแสดงความชัดเจนในเรื่องดังกล่าวให้ปรากฏว่าเรื่องที่มีการถูกกล่าวอ้างเป็นเรื่องจริงหรือว่าแค่ถูกกล่าวอ้างเท่านั้น แต่ถ้าเรื่องกล่าวอ้างดังกล่าวเป็นเรื่องจริง ผมถือว่าคุณอภิสิทธิ์ไม่มีความสง่างามในการที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี”
นพ.เหวง กล่าวต่อไปว่าการเกณฑ์ทหารถือว่าเป็นหน้าที่ของประชาชนชาวไทย การที่ออกมาพยายามเบี่ยงเบนประเด็นมีส่วนของนายอภิสิทธิ์ ที่เคยเป็นอาจารย์พิเศษ ไปสอนที่ จปร. นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทาง จปร. ต้องสรรหาบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถมาเป็นอาจารย์ แต่นี่มันคนละประเด็นกันกับเรื่องที่จะออกมาแสดงหลักฐานว่าเคยผ่านการเกณฑ์ทหารมาหรือไม่
ถูกกล่าวหาตลอดว่าหนุนม็อบ
ส่วนประเด็นที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันในส่วนของนายอภิสิทธิ์ เวชาชาชีวะที่จะมาเป็นพรรคในการจัดตั้งรัฐบาลนั้น ไม่มีความสง่างามในการที่จะมาจัดตั้งรัฐบาล เพราะถูกโจมตีมาโดยตลอดว่าเป็นพรรคที่มีความใกล้ชิดกับกลุ่มพันธมิตรฯ นพ.เหวงกล่าวถึงประเด็นดังกล่าวว่า "โดยความเห็นส่วนตัวผมมองว่า พรรคประชาธิปัตย์ยังไม่แสดงท่าทีที่ชัดเจนว่าการกระทำของกลุ่มพันธมิตรฯ มีความผิดฐานที่ไปยึดสนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง และทำเนียบรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ต้องแสดงท่าทีว่าการกระทำดังกล่าวของกลุ่มพันธมิตรฯ มีความผิด ร่วมถึงการที่ สมาชิกของพรรค นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ที่เป็นส.ส.ระบบสัดส่วนเป็นหนึ่งในแกนนำของกลุ่มพันธมิตรฯ ทางพรรคเองไม่เคยมีการแสดงท่าทีหรือตำหนิติเตียนการกระทำของนายสมเกียรติเลย ทำให้ตีความเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ ถึงแม้ว่าทางพรรคจะไม่ให้การสนับสนุนแต่ก็ไม่เคยออกมาปฏิเสธแต่อย่างไร วันนี้ทางพรรคประชาธิปัตย์ต้องออกมาตอบในท่าทีดังกล่าวได้แล้ว
แฉ!ติดยศแต่ก็หนีสอนตลอด
ด้านพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบกให้สัมภาษณ์กรณีเรื่องการหนีทหารของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่า เมื่อครั้งที่ตนย้ายจากเสนาธิการกรมทหารม้าที่1รักษาพระองค์เข้ามาที่โรงเรียนนายร้อยจปร. ขณะเดียวกันนายอภิสิทธิ์ก็ได้เข้ามาบรรจุเป็นอาจารย์สอนนักเรียนนายร้อยจปร.โดยใช้ปริญญาโท รับยศร้อยโทแต่ไม่ได้มาปฏิบัติหน้าที่แต่อย่างใด เป็นการบรรจุเข้ามาเพื่อให้ได้รับยศทางทหาร และไม่ต้องเข้าคัดเลือกรับราชการทหารตามหมายเกณฑ์เท่านั้น เป็นการบรรจุเข้ามาแล้วก็ลาออกไป
อย่างไรก็ตามประเด็นสำคัญก็คือการเข้ารับราชการทหารของนายอภิสิทธิ์ในครั้งนั้น เมื่อไม่ได้มีการติดยศ และไม่ได้มาอบรมตามขั้นตอนของกระบวนการที่ถูกต้อง จึงถือว่านายอภิสิทธิ์ไม่ได้มีสิทธิ์ที่จะยกเว้นการเข้าคัดเลือกรับราชการทหารตามหมายเกณฑ์
ทางด้าน พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ถึงการตรวจสอบนายอภิสิทธิ์ว่า เรื่องนี้เป็นเรืองของกรมสารบรรณ ซึ่งต้องไปสอบถามในส่วนนั้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตนมองว่าเป็นการเล่นเกมการเมือง ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร
“ยกเว้ณเขาขอโทษประชาชน ว่าที่ผ่านมาเขาได้มีจุดยืนมีความคิดเห็นที่ไม่เป็นประชาธิปไตยอยู่หลายเรื่อง กลับตัวกลับใจ ก็พอคุยกันได้”
อย่าวัดรักชาติที่การเกณฑ์ทหาร
ด้าน นายโคทม อารียา นักวิชาการ กล่าวว่า ตนไม่อยากให้คนทั่วไปมองนายอภิสิทธิ์ มีจุดด้อยในเรื่องไม่ผ่านการเกณฑ์ทหาร เพราะในสถานการณ์แบบนี้ต้องมองถึงความตั้งใจในการเข้ามาทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองมากกว่าการขุดคุ้ยเรื่องในอดีตที่ไม่เป็นเรื่องสำคัญขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์เพื่อทำลายความชอบธรรมของฝั่งตรงข้าม
“ความรักชาติของคนเราไม่ได้วัดกันที่เรื่องนั้นเพียงเรื่องเดียว ผมก็ไม่ได้เกณฑ์ทหารเพราะมีความจำเป็นต้องไปเรียนต่างประเทศ แต่ผมก็สามารถทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองอย่างเต็มที่ ดังนั้นขอร้องอย่านำเรื่องนี้ไปโจมตีกันทางการเมืองเลย”
นายโคทมกล่าวด้วยว่า แม้พรรคประชาธิปัตย์จะได้จัดตั้งรัฐบาล แต่ตนมองว่าไม่สามารถลดความขัดแย้งไปได้ เนื่องจากฝ่ายเสื้อแดงจะออกมาต่อต้านเหมือนที่เสื้อเหลืองกระทำทุกประการ ซึ่งจะทำให้ความขัดแย้งสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีวันจบ
ไม่หวั่นไหวถูกแฉหนีทหาร
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังคงยืนยันเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล โดยกล่าวถึงความชัดเจนในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลว่า ตนคิดว่าได้มีการยืนยันจากทุกพรรคและทุกกลุ่มที่มีการแถลงข่าวไปแล้ว ฉะนั้นเราจะเดินหน้าในการดำเนินการต่อไปตามขั้นตอน พร้อมทั้งยืนยันว่าไม่รู้สึกหวั่นไหวหลังถูกออกมาแฉเรื่องหนีทหาร
“มั่นใจว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลได้ แม้จะมีความพยายามอย่างหนักที่จะกดดันในทุกรูปแบบ เพื่อให้กลุ่มส.ส.ที่สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์หันกลับไปสนับสนุนพรรคเพื่อไทย แต่ยังมั่นใจในจิตสำนึกของส.ส.ว่าจะทำเพื่อชาติ”
เมื่อถามถึงโควตาคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "โดยหลักเมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลผมก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกพรรคที่เข้ามาร่วมในการทำงานร่วมกัน คงไม่มีปัญหาอะไร สำหรับพรรคประชาธิปัตย์คงไม่มีเรื่องของโควตาว่าใครมี ส.ส. เท่าไรหรือมีตำแหน่งอะไรเพราะพรรคไม่มีระบบนี้ พรรคจะพิจารณาจากบุคคลที่มีความเหมาะสมกับงานต่างๆ ที่พรรคจะรับผิดชอบ ซึ่งถือเป็นแนวทางของพรรค"
ถกแกนนำเพื่อนเนวินวันนี้
เมื่อถามว่าเป็นห่วงหรือไม่ว่าในวันเปิดประชุมสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีจะมีการเคลื่อนไหวกดดันของกลุ่มเสื้อแดง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าเร็วเกินไปที่จะไปคาดการณ์ว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้จะเกิดขึ้นหรือไม่ โดยเป็นหน้าที่ของผู้เกี่ยวข้องที่จะดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ทั้งนี้ใครจะใช้สิทธิ์ชุมนุมตามรัฐธรรมนูญเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ โดยเจ้าหน้าที่คงมีหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อย
ขณะที่ในวันเดียวกันนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินสายพบแกนนำพรรคการเมืองหลายพรรค ไม่ว่าจะเป็นนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย นายสมศักดิ์ และนางอนงค์วรรณ เทพสุทิน แห่งพรรคมัชฌิมาธิปไตยเดิม และยังมีข่าวว่าในวันที่ 9 ธันวาคม จะเดินสายไปพบแกนนำพรรครวมใจไทยฯ ในเวลา 12.00 น. จากนั้นเวลา 14.00 น. จะไปพบแกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน
“เทพเทือก” มั่นใจมาร์คถึงฝั่ง
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์เชื่อว่าจะได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล นอกจากจะรวบรวมเสียงได้เกิน 260 คนแล้ว ยังเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยไม่กล้ายุบสภา เพราะมีปัญหาเกี่ยวกับข้อกฎหมายหลายอย่าง ทั้งประเด็นของพรรคที่ ส.ส.เข้าไปสังกัดใหม่ต้องผ่านการเลือกตั้ง หรือเคยส่ง ส.ส.ลงเลือกตั้งหรือไม่ ประเด็นระยะเวลาสังกัดพรรคของ ส.ส.ใหม่เท่าใด
รวมทั้งสถานภาพของ ส.ส.สัดส่วน จะสิ้นสุดตามการยุบพรรคด้วยหรือไม่ ซึ่งเป็น 3 เหตุผลที่พรรคเพื่อไทยไม่กล้ายุบสภา ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์จะชิงความได้เปรียบในการยื่นขอเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี โดยมั่นใจว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 และไม่ห่วงว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะปิดล้อมรัฐสภา