WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, December 9, 2008

แป่ววว‘หนีทหาร’ไม่ใช่สาระสำคัญ!

ที่มา ประชาทรรศน์

เรียงหน้าวิพากษ์นายกฯ คนใหม่ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ระบุหนีทหารเป็นเรื่องไม่สง่างาม ไม่ควรรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แม้ว่าจะมีการเผยแพร่รูปแต่งเครื่องแบบติดยศ แต่ที่มาก็ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย มีเอกสารกลาโหมชี้ชัดถึงกระบวนการขั้นตอนที่ไม่ชอบมาพากล “เสธ.แดง” ช่วยแฉซ้ำ เป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยแค่ชื่อแต่ไม่เคยมาสอน ขณะที่เจ้าตัวรวมไปถึงโฆษก ทบ.มาแปลก แค่หนีทหารไม่ใช่สาระสำคัญ

การพลิกขั้วการเมืองเพื่อจัดตั้งรัฐบาลกำลังเป็นที่ถูกจับตามองอย่างกว้างขวาง ทั้งจากบรรดาพรรคการเมืองด้วยกันเองและประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะประเด็นของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่หากเป็นขั้วพรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาล ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะได้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี

ในขณะที่เสียงคัดค้านนายอภิสิทธิ์ ก็หนาหูเช่นเดียวกัน ทั้งจากข้อกังวลสงสัยถึงจุดยืนประชาธิปไตย และท่าทีทางการเมืองที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่พบว่ามีสมาชิกของพรรคเข้าไปเกี่ยวข้องกับการชุมนุมผิดกฎหมายดังกล่าว โดยที่นายอภิสิทธิ์ กลับไม่เคยมีทีท่าว่าไม่เห็นด้วย หรือตักเตือนลูกพรรคเลย

ใส่ชุดทหารก็ผิดกฎหมาย

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน สมาชิกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์นำรูปนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ใส่ชุดทหารมายืนยันไม่ได้หนีทหารว่า ขั้นตอนที่นายอภิสิทธิ์ใส่ชุดทหารนั้นผิดกฎหมาย โดยเฉพาะกรณีที่นายอภิสิทธิ์ไปสมัครเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยจปร.ก็ผิดกฎหมาย

ทั้งตัวนายอภิสิทธิ์และผู้ที่รับเข้าเป็นทหาร จะเห็นว่านายอภิสิทธิ์ไม่มีใบสด.43 เหมือนชายไทยทั่วไปที่ผ่านการเกณฑ์ทหารแล้ว ซึ่งวันนี้ตนได้นำเอกสารรายงานผลการสอบสวน กรณีนายอภิสิทธิ์เข้ารับราชการโรงเรียนนายร้อยจปร. มาเพื่อเตรียมยื่นให้นายสมชาย เพศประเสริฐ ประธานคณะกรรมาธิการทหาร รวมทั้งคาดว่าจะยื่นต่อพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ด้วย

“หากคุณอภิสิทธิ์สามารถชี้แจงเรื่องการหนีเกณฑ์ทหาร และมีใบสด.43 มายืนยัน ผมก็พร้อมจะยกมือโหวตให้คุณอภิสิทธิ์เป็นนายกฯอีกคนหนึ่ง” นายจตุพร กล่าว

ต้องแจงสังคมเพื่อความสง่างาม

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคพลังประชาชน กล่าวว่าการตรวจสอบ เป็นเรื่องธรรมดา เพราะตอนที่คนอื่นขึ้นเป็นรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังตรวจสอบเลย ดังนั้นเมื่อพรรคประชาธิปัตย์จะได้ขึ้น ก็ต้องมีการตรวจสอบกัน
คนอื่นเวลาชี้แจงปัญหาไม่ได้ พรรคประชาธิปัตย์ก็เคยกล่าวหา คราวนี้พรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องชี้แจ้งให้ได้ ส่วนที่มีการออกมาพูดกันอย่างกว้างขวางเรื่องของวุฒิภาวะ และวัยวุฒิของนายอภิสิทธิ์นั้น มองว่าเรื่องอายุไม่น่าจะมีปัญหา เพียงแต่ดูว่าช่วงที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ท้วงติง ตำหนิคนอื่นไว้มาก พอมาตอนนี้ปัญหาต่างๆ ก็จะกลับมาหาตัวเองจากคนอื่นบ้าง
ด้านวุฒิภาวะจะพอไม่พอก็ขอให้ดูกันตอนนี้ ว่าสามารถอธิบายเรื่องการหนีเกณฑ์ทหารให้ประชาชนฟังได้อย่างไร และเป็นที่แน่นอนเรื่องของความสง่างามของผู้ที่จะขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าใครทำผิดกฎหมายแล้วมาเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ไม่มีความสง่างาม

นายสุทินกล่าวต่อไปว่า การเกณฑ์ทหารนั้น เป็นการวัดความเฉลียวฉลาดของชายไทย เป็นการวัดใจความเสียสละเพื่อชาติ ฉะนั้นนายอภิสิทธิ์ต้องอธิบายต่อสังคม

นายกฯต้องไม่ทำอะไรผิดกฎหมาย

ทางด้านนายสุทธิชัย จรูญเนตร ส.ส.อุบลราชธานี พรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกรณีเดียวกัน ว่าในแง่ของคุณสมบัติผู้ที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีก็ถือว่าต้องไม่กระทำผิดกฎหมาย การเกณฑ์ทหารก็เป็นข้อหนึ่งที่นายกรัฐมนตรีหรือส.ส.ต้องทำให้ถูกต้อง

ทั้งนี้นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ กล่าวว่าไม่ทราบข้อมูลเรื่องการหนีเกณฑ์ทหารของนายอภิสิทธิ์ จึงไม่สามารถออกความเห็นได้ ส่วนเรื่องการที่นายอภิสิทธิ์จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่ยังไม่มีความแน่ชัด อาจจะได้เป็นหรือไม่ได้เป็นก็ได้

“ผู้ที่จะถูกเสนอชื่อได้นั้น กฎหมายระบุว่าต้องเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้นถ้าใครมีคุณสมบัติก็มีสิทธิเสนอชื่อเป็นนายก และถ้าเสียงเกินกึ่งหนึ่งก็ได้เป็นนายก คุณอภิสิทธิ์ได้รับการเสนอชื่อแต่อาจจะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีก็ได้” นายบุญจงกล่าว

ในขณะเดียวกัน เมื่อถามไปยังส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวินถึงเรื่องนายอภิสิทธิ์ละเว้นการเกณฑ์ทหาร ซึ่งอาจจะทำให้ขาดคุณสมบัติการเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ได้กล่าวปฏิเสธความเห็น โดยนายวีระวัฒน์ โอสถานุเคราะห์ ส.ส.กาฬสินธุ์ พรรคพลังประชาชน กล่าวว่าตนไม่ทราบเรื่องราวและข้อมูลทั้งหมด จึงไม่ขอตอบ

เช่นเดียวกับนายมนต์ไชย ชาติวัฒนศิริ ส.ส.บุรีรัมย์ จากพรรคเดียวกันที่กล่าวว่าตนเป็นเพียงส.ส.เล็กๆ ไม่ขอวิจารณ์เรื่องดังกล่าวดีกว่า นอกจากนี้ นายนิสิต สินธุไพร อดีตส.ส.ร้อยเอ็ด และอดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน ก็ได้ปฏิเสธให้ความเห็นในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน

ต้องเอาสด.43ออกมาโชว์ให้ชัด

นพ.เหวง โตจิราการ หนึ่งในแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะต้องแสดงเอกสาร สด.43 ให้ประชาชนพี่น้องชาวไทยได้รับทราบ แต่ถ้านายอภิสิทธิ์ไม่มีหลักฐานดังกล่าว ก็แสดงว่า มีความน่าสงสัยที่ว่านายอภิสิทธิ์ได้มีการหลบเลี่ยงการคัดเลือกทหาร

“ทางสัสดีเขตพระโขนงได้มีการออกหมายเลขเพื่อเข้ามาทำการคัดเลือกทหาร คุณอภิสิทธิ์ต้องออกมาแสดงความชัดเจนในเรื่องดังกล่าวให้ปรากฏว่าเรื่องที่มีการถูกกล่าวอ้างเป็นเรื่องจริงหรือว่าแค่ถูกกล่าวอ้างเท่านั้น แต่ถ้าเรื่องกล่าวอ้างดังกล่าวเป็นเรื่องจริง ผมถือว่าคุณอภิสิทธิ์ไม่มีความสง่างามในการที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี”

นพ.เหวง กล่าวต่อไปว่าการเกณฑ์ทหารถือว่าเป็นหน้าที่ของประชาชนชาวไทย การที่ออกมาพยายามเบี่ยงเบนประเด็นมีส่วนของนายอภิสิทธิ์ ที่เคยเป็นอาจารย์พิเศษ ไปสอนที่ จปร. นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทาง จปร. ต้องสรรหาบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถมาเป็นอาจารย์ แต่นี่มันคนละประเด็นกันกับเรื่องที่จะออกมาแสดงหลักฐานว่าเคยผ่านการเกณฑ์ทหารมาหรือไม่

ถูกกล่าวหาตลอดว่าหนุนม็อบ

ส่วนประเด็นที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันในส่วนของนายอภิสิทธิ์ เวชาชาชีวะที่จะมาเป็นพรรคในการจัดตั้งรัฐบาลนั้น ไม่มีความสง่างามในการที่จะมาจัดตั้งรัฐบาล เพราะถูกโจมตีมาโดยตลอดว่าเป็นพรรคที่มีความใกล้ชิดกับกลุ่มพันธมิตรฯ นพ.เหวงกล่าวถึงประเด็นดังกล่าวว่า "โดยความเห็นส่วนตัวผมมองว่า พรรคประชาธิปัตย์ยังไม่แสดงท่าทีที่ชัดเจนว่าการกระทำของกลุ่มพันธมิตรฯ มีความผิดฐานที่ไปยึดสนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง และทำเนียบรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ต้องแสดงท่าทีว่าการกระทำดังกล่าวของกลุ่มพันธมิตรฯ มีความผิด ร่วมถึงการที่ สมาชิกของพรรค นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ที่เป็นส.ส.ระบบสัดส่วนเป็นหนึ่งในแกนนำของกลุ่มพันธมิตรฯ ทางพรรคเองไม่เคยมีการแสดงท่าทีหรือตำหนิติเตียนการกระทำของนายสมเกียรติเลย ทำให้ตีความเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ ถึงแม้ว่าทางพรรคจะไม่ให้การสนับสนุนแต่ก็ไม่เคยออกมาปฏิเสธแต่อย่างไร วันนี้ทางพรรคประชาธิปัตย์ต้องออกมาตอบในท่าทีดังกล่าวได้แล้ว

แฉ!ติดยศแต่ก็หนีสอนตลอด

ด้านพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบกให้สัมภาษณ์กรณีเรื่องการหนีทหารของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่า เมื่อครั้งที่ตนย้ายจากเสนาธิการกรมทหารม้าที่1รักษาพระองค์เข้ามาที่โรงเรียนนายร้อยจปร. ขณะเดียวกันนายอภิสิทธิ์ก็ได้เข้ามาบรรจุเป็นอาจารย์สอนนักเรียนนายร้อยจปร.โดยใช้ปริญญาโท รับยศร้อยโทแต่ไม่ได้มาปฏิบัติหน้าที่แต่อย่างใด เป็นการบรรจุเข้ามาเพื่อให้ได้รับยศทางทหาร และไม่ต้องเข้าคัดเลือกรับราชการทหารตามหมายเกณฑ์เท่านั้น เป็นการบรรจุเข้ามาแล้วก็ลาออกไป

อย่างไรก็ตามประเด็นสำคัญก็คือการเข้ารับราชการทหารของนายอภิสิทธิ์ในครั้งนั้น เมื่อไม่ได้มีการติดยศ และไม่ได้มาอบรมตามขั้นตอนของกระบวนการที่ถูกต้อง จึงถือว่านายอภิสิทธิ์ไม่ได้มีสิทธิ์ที่จะยกเว้นการเข้าคัดเลือกรับราชการทหารตามหมายเกณฑ์

ทางด้าน พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ถึงการตรวจสอบนายอภิสิทธิ์ว่า เรื่องนี้เป็นเรืองของกรมสารบรรณ ซึ่งต้องไปสอบถามในส่วนนั้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตนมองว่าเป็นการเล่นเกมการเมือง ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร

“ยกเว้ณเขาขอโทษประชาชน ว่าที่ผ่านมาเขาได้มีจุดยืนมีความคิดเห็นที่ไม่เป็นประชาธิปไตยอยู่หลายเรื่อง กลับตัวกลับใจ ก็พอคุยกันได้”

อย่าวัดรักชาติที่การเกณฑ์ทหาร

ด้าน นายโคทม อารียา นักวิชาการ กล่าวว่า ตนไม่อยากให้คนทั่วไปมองนายอภิสิทธิ์ มีจุดด้อยในเรื่องไม่ผ่านการเกณฑ์ทหาร เพราะในสถานการณ์แบบนี้ต้องมองถึงความตั้งใจในการเข้ามาทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองมากกว่าการขุดคุ้ยเรื่องในอดีตที่ไม่เป็นเรื่องสำคัญขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์เพื่อทำลายความชอบธรรมของฝั่งตรงข้าม

“ความรักชาติของคนเราไม่ได้วัดกันที่เรื่องนั้นเพียงเรื่องเดียว ผมก็ไม่ได้เกณฑ์ทหารเพราะมีความจำเป็นต้องไปเรียนต่างประเทศ แต่ผมก็สามารถทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองอย่างเต็มที่ ดังนั้นขอร้องอย่านำเรื่องนี้ไปโจมตีกันทางการเมืองเลย”

นายโคทมกล่าวด้วยว่า แม้พรรคประชาธิปัตย์จะได้จัดตั้งรัฐบาล แต่ตนมองว่าไม่สามารถลดความขัดแย้งไปได้ เนื่องจากฝ่ายเสื้อแดงจะออกมาต่อต้านเหมือนที่เสื้อเหลืองกระทำทุกประการ ซึ่งจะทำให้ความขัดแย้งสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีวันจบ

ไม่หวั่นไหวถูกแฉหนีทหาร

ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังคงยืนยันเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล โดยกล่าวถึงความชัดเจนในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลว่า ตนคิดว่าได้มีการยืนยันจากทุกพรรคและทุกกลุ่มที่มีการแถลงข่าวไปแล้ว ฉะนั้นเราจะเดินหน้าในการดำเนินการต่อไปตามขั้นตอน พร้อมทั้งยืนยันว่าไม่รู้สึกหวั่นไหวหลังถูกออกมาแฉเรื่องหนีทหาร

“มั่นใจว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลได้ แม้จะมีความพยายามอย่างหนักที่จะกดดันในทุกรูปแบบ เพื่อให้กลุ่มส.ส.ที่สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์หันกลับไปสนับสนุนพรรคเพื่อไทย แต่ยังมั่นใจในจิตสำนึกของส.ส.ว่าจะทำเพื่อชาติ”

เมื่อถามถึงโควตาคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "โดยหลักเมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลผมก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกพรรคที่เข้ามาร่วมในการทำงานร่วมกัน คงไม่มีปัญหาอะไร สำหรับพรรคประชาธิปัตย์คงไม่มีเรื่องของโควตาว่าใครมี ส.ส. เท่าไรหรือมีตำแหน่งอะไรเพราะพรรคไม่มีระบบนี้ พรรคจะพิจารณาจากบุคคลที่มีความเหมาะสมกับงานต่างๆ ที่พรรคจะรับผิดชอบ ซึ่งถือเป็นแนวทางของพรรค"

ถกแกนนำเพื่อนเนวินวันนี้

เมื่อถามว่าเป็นห่วงหรือไม่ว่าในวันเปิดประชุมสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีจะมีการเคลื่อนไหวกดดันของกลุ่มเสื้อแดง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าเร็วเกินไปที่จะไปคาดการณ์ว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้จะเกิดขึ้นหรือไม่ โดยเป็นหน้าที่ของผู้เกี่ยวข้องที่จะดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ทั้งนี้ใครจะใช้สิทธิ์ชุมนุมตามรัฐธรรมนูญเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ โดยเจ้าหน้าที่คงมีหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อย

ขณะที่ในวันเดียวกันนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินสายพบแกนนำพรรคการเมืองหลายพรรค ไม่ว่าจะเป็นนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย นายสมศักดิ์ และนางอนงค์วรรณ เทพสุทิน แห่งพรรคมัชฌิมาธิปไตยเดิม และยังมีข่าวว่าในวันที่ 9 ธันวาคม จะเดินสายไปพบแกนนำพรรครวมใจไทยฯ ในเวลา 12.00 น. จากนั้นเวลา 14.00 น. จะไปพบแกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน

“เทพเทือก” มั่นใจมาร์คถึงฝั่ง

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์เชื่อว่าจะได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล นอกจากจะรวบรวมเสียงได้เกิน 260 คนแล้ว ยังเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยไม่กล้ายุบสภา เพราะมีปัญหาเกี่ยวกับข้อกฎหมายหลายอย่าง ทั้งประเด็นของพรรคที่ ส.ส.เข้าไปสังกัดใหม่ต้องผ่านการเลือกตั้ง หรือเคยส่ง ส.ส.ลงเลือกตั้งหรือไม่ ประเด็นระยะเวลาสังกัดพรรคของ ส.ส.ใหม่เท่าใด

รวมทั้งสถานภาพของ ส.ส.สัดส่วน จะสิ้นสุดตามการยุบพรรคด้วยหรือไม่ ซึ่งเป็น 3 เหตุผลที่พรรคเพื่อไทยไม่กล้ายุบสภา ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์จะชิงความได้เปรียบในการยื่นขอเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี โดยมั่นใจว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 และไม่ห่วงว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะปิดล้อมรัฐสภา