ที่มา ประชาทรรศน์
คอลัมน์ : คิดในมุมกลับ
โดย พญาเย็น
สงสารบรรดาข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ในทำเนียบรัฐบาลอย่างที่สุด หลังจากการสลายตัวของ “โจรโพกผ้าเหลือง” ก็พบว่าข้าวของในทำเนียบทั้งเสียหาย ยับเยิน และถูกยกเค้าออกไปเป็นจำนวนมาก...
ใช้คำว่า “ยกเค้า” นั่นแหละถูกแล้ว เพราะหลายห้องทำงานของหลายคนถูก “กวาด” ไปเสียเกลี้ยง จนไม่อยากเชื่อเลยว่านี่หรือฝีมือ “กองโจรมหาอำนาจ” ที่อ้างว่าตัวเองมีอุดมการณ์เพื่อชาติเป็นการชี้นำ...
แต่กู้ชาติกันคนละชิ้นสองชิ้นแบบนี้ เห็นทีก็ไม่ไหวเหมือนกันนะพี่น้อง...
หลังจากนี้ กระบวนการยุติธรรมและเจ้าหน้าที่ตำรวจคงต้องเร่งสะสางงานกองเท่าภูเขาเลากา ลำพังคดีที่ประชาชนแจ้งความจับพันธมิตรฯ นับตั้งแต่ข้อหาเบาๆ อย่างทำให้เสียทรัพย์ ไปจนถึงข้อหาหนักๆ อย่างทำร้ายร่างกายหรือฆาตกรรม ถ้าเอาเอกสารรับแจ้งความมาวางตั้ง เผลอๆ ใช้พื้นที่หนึ่งโรงพักเต็มๆ ก็ยังเก็บได้ไม่ถึงครึ่ง
ใครหลายคนคงใจร้อนอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรัดดำเนินการให้เร็วๆ เพราะเจ็บแค้นใจที่ถูกพันธมิตรฯ กระทำมายาวนานนับปี ซึ่งเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ก็คงอยากให้เป็นเช่นนั้น เพราะมันเกี่ยวพันกับความน่าเชื่อถือที่ต่างประเทศเขากำลังจับตา...
ถามว่าถ้าต่างชาติไม่ไว้ใจและกาหัวให้เราเป็นประเทศบ้านป่าเมืองเถื่อนจะเกิดอะไรขึ้น คำตอบง่ายๆ ที่พอนึกออกตอนนี้ก็คือ ระดับบุคคล นักท่องเที่ยว ก็คงเลือกไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง เช่น มาเลเซีย บาหลี เวียดนาม ลาว ระดับการลงทุน ก็เริ่มมีหลายธุรกิจแล้วที่ออกมายอมรับว่าระงับแผนการขยายการลงทุนในไทย และเตรียมย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศข้างเคียง ระดับมหกรรมหรือเวทีประชุมนานาชาติต่างๆ ที่ปกติหลายประเทศต้องแข่งขันกันเพื่อให้ได้สิทธิในการเป็นเจ้าภาพจัดงาน (เพื่อชื่อเสียงและเงินทองที่จะไหลมาสู่ประเทศเรา เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้คนกินดีอยู่ดีถ้วนหน้า) ต่อไปนี้ก็เท่ากับว่าประเทศไทยมีชนักติดหลัง แม้จะพร่ำพูดซ้ำๆ ว่าต่อไปสนามบินจะปลอดภัย 100% แต่ถามว่าถ้าเราเป็นคนชาติอื่น จะเชื่อถือคำพูดนี้มากน้อยสักแค่ไหน จะไว้ใจได้อย่างไรในเมื่อถามคนไทยในประเทศก็ยังยอมรับเลยว่าม็อบพวกนั้นทรงอิทธิพล และกฎหมายทำอะไรไม่ได้
นี่คือความเสียหายที่ “คนไทย” ต้องกลายเป็นผู้รับผิดชอบร่วมกัน ส่วนสิ่งที่ “พันธมาร” ต้องรับผิดชอบ หากอยากให้รวดเร็วปานจรวดก็คงได้แต่สวดมนต์ให้บาปกรรมจัดการกันเอาเอง