ที่มา ประชาทรรศน์
คอลัมน์ : โต๊ะข่าวประชาทรรศน์
หลายคนคงกำลังใจจดจ่อกับการตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งประชาชนคาดหวังกันว่า รัฐบาลที่กำลังจะก่อกำเนิดขึ้นมาใหม่นั้นเป็นรัฐบาลที่ตั้งใจทำเพื่อชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริง
ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ประเทศชาติบอบช้ำมามากแล้ว ประชาชนทั้งสองฝ่ายขัดแย้งกันอย่างหนัก ทั้งๆ ที่เป็นคนไทยด้วยกัน
จากประเทศที่ได้ชื่อว่า “สยามเมืองยิ้ม” กลายเป็นเมืองอันตรายในสายตาชาวโลก สื่อเทศจัดให้ประเทศไทยอยู่ในอันดับ 7 ของประเทศที่อันตรายมากที่สุดในโลก
นานาชาตินับ 10 ประเทศยังประกาศเตือนพลเมืองของตัวเองให้งด หรือระมัดระวังในการเดินทางมาประเทศไทยเพราะเสี่ยงต่อความไม่ปลอดภัย
บรรดาบริษัทจัดอันดับเครดิตความน่าเชื่อถือ ก็เรียงคิวลดเครดิตประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง
ที่หนักหนาสาหัสคือ “การยึดสนามบินสุวรรณภูมิ” ทำให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ต้องประกาศหยุดให้บริการตั้งแต่เวลา 22.00 น. วันที่ 25 พฤศจิกายน
กระทั่ง พันธมิตรฯ สลายการชุมนุม และมีการเปิดใช้สนามบินเที่ยวแรกเมื่อบ่ายวันที่ 3 ธันวาคม ก่อนเปิดใช้อย่างเต็มรูปแบบวันที่ 5 ธันวาคม
ตลอด 8 วันความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งในส่วนของภาคราชการและเอกชน มีการประเมินเบื้องต้นคิดเป็นมูลค่ามหาศาล
ในภาพรวม สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้ประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นหลังจากกลุ่มพันธมิตรฯ ปิดสนามบินว่า ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม นักท่องเที่ยวจะหายไปประมาณ 1.58 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 6 หมื่นล้านบาท
ธุรกิจขนส่งทางอากาศเสียหาย 3.2 พันล้านบาท ธุรกิจการขนส่งผู้โดยสารภายในการท่าอากาศยานเสียหาย 2.8 หมื่นล้านบาท
ธุรกิจภายในสนามบินเสียหาย 2.2 พันล้านบาท รวมทั้งความเสียหายที่ยังประเมินไม่ได้อีก 1.4 หมื่นล้านบาท รวมความเสียหายแล้วอยู่ที่ประมาณ 1.46 แสนล้านบาท
เรื่องความเสียหายต่างๆ เหล่านี้ ไม่ว่าพรรคไหนจะเป็นรัฐบาล พวกเราในฐานะคนไทยที่ต้องเสียภาษีทุกคนควรจะออกมาฟ้องร้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ไม่ควรปล่อยให้เรื่องผ่านไป โดยที่แกนนำพันธมิตรฯ ยังคงลอยหน้าลอยตาในสังคม เพราะคนเหล่านี้ถือเป็นบุคคลทำลายชาติ ไม่ใช่คนกู้ชาติ
ประชาชนได้เห็นแกนนำพันธมิตรฯ ออกเอเอสทีวี ประกาศชัยชนะ พร้อมกับยกหางตัวเองว่าเป็น “ฮีโร่” แล้วรับไม่ได้
พวกนี้คือคนที่เห็นแก่ตัวอย่างที่สุด เพราะได้หลอกประชาชนไปตายเกือบ 10 ศพ แต่ตัวเองกลับมาเล่าวีรกรรมตัวเองอย่างสนุกสนาน
เวลานี้ขอให้ประชาชนช่วยกันเฝ้าจับตาคนเหล่านี้ให้ดีว่าจะทำอะไรให้ชาติบ้านเมืองบ้าง
รัฐบาลใหม่ที่กำลังจะเข้ามาไม่ควรจะปล่อยปละละเลยประเด็นนี้ ซึ่งสำคัญมากพอๆ กับปัญหาเศรษฐกิจ
รัฐบาลใหม่ควรเร่งตั้งทีมเศรษฐกิจที่น่าเชื่อถือ ดึงคนนอกที่มีความรู้ความสามารถที่เป็นผลดีต่อภาพรวม และเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลใหม่ต้องทำคือ สร้างความเชื่อมั่นให้กลับมาโดยเร็ว
อย่าลืมว่า เศรษฐกิจโลกปี 2552 จะส่งผลกระทบถึงไทยแน่นอน เอกชนจึงสนับสนุนให้จัดตั้งรัฐบาลที่มีความสามารถขึ้นมาบริหารประเทศโดยเร็ว
ช่วงเวลานี้ ถือเป็นช่วงที่ทุกฝ่ายต้อง “ร่วมมือร่วมใจกัน” คลี่คลายปัญหาความขัดแย้ง อย่ามาแบ่งแยกว่า “เสื้อแดง” หรือ “เสื้อเหลือง”
อยากให้ทุกคนได้ตระหนักในพระราชดำรัสของพ่อหลวงที่ทรงพระราชทานในยามที่บ้านเมืองเกิดวิกฤติ คนไทยขัดแย้ง แตกแยก รบราฆ่าฟันกันเอง จนบาดเจ็บและเสียชีวิต
พระองค์ทรงพร่ำเตือนให้คนไทยหันหน้าเข้าหากัน จะมัวแต่มาเอาแพ้เอาชนะกันทำไม เพราะถึงที่สุดไม่มีใครชนะ มีแต่ชาติจะพ่ายแพ้...