ที่มา Thai E-News
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
ที่มา คุณป๋าเจ้าเก่า บอร์ดเสรีไทย
8 ธันวาคม 2551
หมายเหตุไทยอีนิวส์:คนไทยจำนวนมากกังขาสงสัยพฤติการณ์พรรคการเมืองเก่าแก่อย่างประชาธิปัตย์ว่าทำไมพรรคการเมืองนี้ชอบฉวยโอกาส และเป็นไม้มือให้กับเผด็จการทหาร กลุ่มจารีตนิยมอย่างโจ่งแจ้ง อย่างล่าสุดส่งลูกพรรคอย่างนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ไปร่วมกับพันธมิตรขับไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และพยายามก่อวีรกรรม"งูเห่าภาค2"ขึ้นอีก บทความตีแผ่เปิดโปงชิ้นนี้ อาจทำให้ประชาชนผู้รักชาติรักประชาธิปไตยได้เข้าใจที่ไปความเป็นมาของกลุ่มก๊วนการเมืองนี้อย่างถึงแก่น
-ก่อตั้ง6 เมษายน 2489 ตรงกับวันจักรี มีม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นแกนนำก่อตั้ง มีนายควง อภัยวงศ์ เป็นหัวหน้าพรรค โดยจุดประสงค์เพื่อฟื้นฟูซากเดนศักดินาให้กลับมาเรืองอำนาจอีกหน ภายหลังคณะราษฎร์เปลี่ยนแปลงการปกครอง2475
-หลังกรณีร.8สวรรคตเมื่อ9 มิถุนายน 2489 สมาชิกพรรคบางรายไปตะโกนในโรงหนังว่า”ปรีดีฆ่าในหลวงร.8” จากนั้นเปิดอภิปรายยำใหญ่รัฐบาลหลวงธำรงฯ7วัน7คืน แต่โค่นรัฐบาลไม่ลง
-เกิดรัฐประหาร8พ.ย.2490 คณะรัฐประหารได้ให้ประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นแนวร่วมพันธมิตรช่วยให้เกิดการรัฐประหารหนนั้น ตั้งรัฐบาลร่างทรง นายควงขึ้นเป็นนายกฯ และไม่กี่เดือนก็โดนจี้ออกกลางทำเนียบ เพราะหัวหน้าคณะรัฐประหารจะขึ้นเป็นซะเอง นายควงกับชาวพรรคประชาธิปัตย์ก็ยอมให้แต่โดยดี
-เป็นฝ่ายค้านอดอยากปากแห้งในยุคจอมพลป.เป็นรัฐบาล หม่อมคึกฤทธิ์เลยต้องไปออกหนังสือพิมพ์สยามรัฐด่าเช้าด่าเย็น เหน็บว่าจอมพล.ปเป็น"โจโฉยกฯตลอดกาล" แต่ก็ไม่ระคายผิวจอมพล
-พรรคประชาธิปัตย์เว้นวรรคทางการเมืองในยุคจอมพลสฤษดิ์ทำรัฐประหารพ.ศ.2500 ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นกองหน้าทวงคืนประชาธิปไตยแต่อย่างไร และเว้นวรรคยาวมาจนถึงราวปี2511 ร่วมๆ10 ปี ดังนั้นหากใครจะนับอายุพรรคนี้ว่ายืนยาว60กว่าปี กรุณานำจำนวน10ปีนี้ไปลบออกด้วย เพื่อให้ถูกต้องตรงความเป็นจริง
-พรรคประชาธิปัตย์มาโผล่อีกทีตอนจอมพลถนอมเปิดให้เลือกตั้งในปีพ.ศ.2511 ครั้นพอจอมพลถนอมยึดอำนาจตัวเอง พรรคประชาธิปัตย์ก็เว้นวรรคทางการเมืองไป มีสมาชิกพรรคไม่กี่คนเคลื่อนไหวคัดค้านในนามส่วนตัว เช่น นายอุทัย พิมพ์ใจชน แต่พรรคนั้นไม่รับรู้อะไรด้วย
-เป็นรัฐบาลในปี2518 โดยหม่อมเสนีย์ ปราโมช เป็นอยู่ไม่กี่วันก็โดนหม่อมน้องที่ออกไปตั้งพรรคกิจสังคมใช้นโยบายประชานิยมเขี่ยตกเก้าอี้
-กลับมาเป็นรัฐบาลอีกทีในกลางปี2519 ก็เกิดเหตุการณ์6ตุลาฯ แทนที่จะระงับเหตุร้าย แต่รัฐบาลประชาธิปัตย์ก็กลับหลอกแกนนำนักศึกษานำโดยสุธรรม แสงปทุมไปพบที่บ้านหม่อมพี่ แต่ไปไม่ถึงให้ตำรวจลากเข้าคุกซะก่อน ส่วนที่ธรรมศาสตร์ก็มีการปราบปรามนักศึกษาอย่างโหดเหี้ยม ส่วนนายกฯหม่อมพี่เป็นแค่ฤาษีเลี้ยงลิงไปพลางๆ และโดนยึดอำนาจในวันที่6ตุลาคม2519นั้นเอง แต่พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร ตัวนายกฯเสนีย์ถูกทหารกุมตัวเอาไว้ในค่ายทหารระยะหนึ่ง พอเหตุการณ์ควบคุมได้ก็ถูกปล่อยตัวออกจากค่ายทหารไปเงียบๆ ขณะที่มีการฆ่าฟันปราบปรามนักศึกษาอย่างรุนแรง
-ช่วงปี2523เกิดบรรยากาศสะตอสามัคคีขึ้น เมื่อประชาธิปัตย์กลายเป็น”พรรคของเรา คนของเรา”ของชาวปักษ์ใต้ เมื่อสนับสนุนค้ำจุนบัลลังก์พลเอกเปรม ขวัญใจคนปักษ์ใต้ในเวลานั้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่รัฐบาลเปรม1ยันเปรม5 แม้ว่าบางคราวเช่นปี2529พรรคประชาธิปัตย์ชนะเลือกตั้งท่วมท้น นายพิชัย รัตตกุล หัวหน้าพรรคเวลานั้นก็ไม่อาจกล้าหาญเป็นนายกฯ แต่ยอมศืโรราบให้พลเอกเปรม แต่ก็ได้แลกกับการอุ้มลูกชายคือดร.โจขึ้นเป็นรัฐมนตรี จนเกิดบรรยากาศแตกแยกในพรรคของกลุ่ม10มกราฯ นำโดยไข่มุกดำวีระ มุสิกพงษ์และคณะ
-เมื่อพลเอกเปรมถูกกดดันให้ลงจากตำแหน่งในพ.ศ.2531 และรัฐบาลชาติชายรีบยกขึ้นหิ้งเป็นรัฐบุรุษ พรรคประชาธิปัตย์ก็ได้ร่วมเป็นรัฐบาลในครม.ชาติชาย สร้างผลงานฉาวโฉ่กรณีสวนป่ากิตติฯให้กับ”สนั่น ป่าลั่น”เลขาธิการพรรคในขณะนั้น ก่อนจะหักในกับชาติชาย แล้วเกิดการรัฐประหาร23ก.พ.2534
-ในการเลือกตั้งพ.ศ.2535หลังพฤษภาทมิฬ ประชาธิปัตย์อาศัยวลี”จำลองพาคนไปตาย”และชูว่าชวน หลีกภัย”เชื่อมั่นในระบบรัฐสภา เข้ามาเป็นรัฐบาล ซ้ำยังนำรูปของนายปรีดี พนมยงค์กับรูปนายป๋วย อึ๊งภากรณ์ ซึ่งเคยได้รับผลกระทบจากการกระทำของชาวพรรคประชาธิปัตย์ขึ้นมาโฆษณาหลอกลวงคนไทยด้วยว่า พรรคประชาธิปัตย์เห็นด้วยกับแนวทางสันติวิธีของทั้ง2ท่านนี้(ทั้งที่มีหลักฐานชัดเจนว่า2ท่านนี้ต้องไปตายในต่างแดนทั้งคู่ก็เพราะผลพวงจากการกระทำของประชาธิปัตย์ทั้งนั้น) แต่ไม่นานก็ถูกตีตกเวทีด้วยเรื่องสปก.ของเลขาธิการพรรคเทพเทือก
-ในการเลือกตั้งคราวต่อมา พรรคชาติไทยชนะการเลือกตั้งเป็นรัฐบาล แต่ชาวพรรคประชาธิปัตย์ก็นำเอกสารปลอมมากล่าวหาเรื่องสัญชาตินายบรรหารและบิดา เล่นกันถึงโคตรเหง้า ไม่ได้เกี่ยวกับผลงานหรือนโยบายใดๆ จนนายบรรหารลาออกและยุบสภาฯ
-ในการเลือกตั้งปี2538 พรรคความหวังใหม่ของพลเอกชวลิตมาแรง พรรคประชาธิปัตย์สร้างกระแสเกลียดชังและไม่น่าไว้วางใจพลเอกชวลิตหลายเรื่อง ตบท้ายด้วยสโลแกน”ไม่เลือกเรา เขามาแน่” แต่ในที่สุดเขาก็มาจริงๆ โดยนายชวนใช้วาทะเชือดเฉือนว่า”ฝ่าม่านสีม่วงของบิ๊กจิ๋ว”เข้ามาเป็นรัฐบาลไม่ไหว
-หลังวิกฤตเศรษฐกิจปี2540 พลเอกชวลิตลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปลายปี พรรคประชาธิปัตย์สร้างตำนาน”งูเห่า”ขึ้นมา ด้วยการฉกลูกพรรคประชากรไทยของนายสมัคร สุนทรเวชมาหลายคนเพื่อให้เสียงสนับสนุนพอเพียงในการตั้งรัฐบาล ตัดหน้าพลเอกชาติชายไปแบบคนอึ้งทั่วประเทศ นายชวนคัมแบ็คเป็นนายกฯอีกครั้ง ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ลงทุกด้าน มือดีทางเศรษฐกิจที่หามาประดับพรรคอย่างธารินทร์กับศุภชัยก็กินเกาเหลากันไป คนรุ่นใหม่อย่างนายอภิสิทธิ์ได้นั่งตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักฯชนิดที่เป็นรัฐมนตรีที่โลกลืม
-เมื่อสบจังหวะนายชวนประเมินว่าพรรคประชาธิปัตย์มีความได้เปรียบทางการเมืองก็ประกาศยุบสภาในปี2543 เตรียมการการเลือกตั้ง และมีวาระซ่อนเร้นให้นายกล้าณรงค์ จันทิก อดีตลูกพรรคประชาธิปัตย์ ในนามปปช.ไปเล่นงานทักษิณ ชินวัตรที่ทำท่าจะเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง แต่ก็สกัดทักษิณไม่อยู่
-ทักษิณเป็นนายกฯสมัยแรกในปี2544 และเป็นกระแสต่ำอย่างแท้จริงของพรรคประชาธิปัตย์ จนคนในพรรคส่วนหนึ่งนำโดยสนั่น ป่าลั่น ต้องออกไปตั้งพรรคมหาชนขึ้นใหม่มาสู้ เพราะชื่อประชาธิปัตย์ขายไม่ออก และต้องแพ้การเลือกตั้งในต้นปี2548ให้ทักษิณอย่างย่อยยับ
-ประชาธิปัตย์ยุคอภิสิทธิ์สืบตำนานเป็นพันธมิตรแนบแน่นกับทหารเหมือนครั้งยุคหม่อมน้อง+นายควงสมัยแรกเริ่มตั้งพรรคอีกครั้ง ด้วยการขัดขวางการเลือกตั้ง2เม.ย.2549ทุกวิถีทาง และเป็นผลบั้นปลายให้เกิดรัฐประหาร19กันยาฯ2549 จากนั้นก็แสดงความเป็นพันธมิตรที่แนบแน่นกับทั้งเผด็จการทหาร กลุ่มแกนนำพันธมิตรฯ และสื่อ(ซึ่งแทบทุกสื่อมีสะตอสามัคคีกุมอยู่เป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นค่ายเนชั่น ผู้จัดการ เดลินิวส์ ไทยรัฐ มติชน รวมทั้งทีวี วิทยุต่างๆ)จนคว่ำรัฐบาลจากการเลอกตั้ง2คณะคือรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ แล้วร่วมมือสมคบคิดกันว่าต่อไปต้องให้ประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาลบ้างเพื่อไม่ให้บ้านเมืองวุ่นวาย
-ดร.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล นักวิชาการภาควิชาประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อดีตผู้นำนักศึกษายุค6ตุลาฯเขียนบทความชิ้นหนึ่งในสถานการณ์ล่าสุดที่ประชาธิปัตย์กำลังมีพฤติการณ์"งูเห่าภาค2"ว่ารัฐบาลประชาธิปัตย์ จะเป็นความอัปยศและความไม่ยุติธรรมครั้งใหญ่ของประเทศไทยดังนี้
ผมเสนอว่า ต้องพยายามช่วยกันรวบรวมและเผยแพร่ข้อมูลว่า
ที่ผ่านมา ประชาธิปัตย์ ได้ร่วมมือ สนับสนุน ให้ท้ายพันธมิตรอย่างไรบ้าง
ไม่เพียงแต่กรณีที่ สมเกียรติ เป็น สส.บัญชีรายชื่อของพรรคเท่านั้น
แต่การเข้าร่วมด้วยในรูปแบบอื่นๆ การให้ท้ายในรูปแบบอื่นๆ
ประเภท พันธมิตร ชงเรื่อง ประชาธิปัตย์รับลูกมาเล่นต่อในสภา โดยเฉพาะเรื่องหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เรื่องปลุกกระแสคลั่งชาติ
พันธมิตร ชง เรื่อง หมิ่นฯ ปชป. เสนอให้เพิ่มโทษ ขยาย ม.112 และแก้ พรบ.คอมพิวเตอร์
พันธมิตร ชง เรื่อง เขาพระวิหาร ปชป. เอามาอภิปรายต่อในสภา
ดังนั้น การละเมิดกฎหมายอย่างโจ่งแจ้ง และทำความเสียหายแก่เศรษฐกิจของประเทศนับหมื่นล้านบาท ของพันธมิตร
จึงเป็นความรับผิดชอบของประชาธิปัตย์ด้วย
การที่ประชาธิปัตย์จะได้จัดตั้งรัฐบาล จึงเป็นการให้รางวัลคนที่ทำผิดกฎหมาย ทำความเสียหายแก่ส่วนรวม ให้รางวัลกับการแบล็กเมล์ นั่นเอง
คุณป๋าเจ้าเก่าได้สรุปในบทความด้วยว่า เรื่องราวทั้งหมดที่ผมถลกหนังพรรคนี้ก็เพื่อจะบอกว่า อย่าใหลหลงไปกับวาทะกรรมที่ว่า
1.พรรคประชาธิปัตย์ยึดมั่นในระบบรัฐสภา หรือยึดหลักประชาธิปไตย เพราะพรรคนี้นับแต่ตั้งต้น ระหว่างกลาง และบั้นท้ายสุดนั้น หาได้ใกล้เคียงกับสิ่งที่พวกเขาอวดโอ้โฆษณาแม้แต่นิด
2.พรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบันทางการเมือง ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ อย่างที่รู้กันว่าพรรคนี้ตั้งขึ้นด้วยอุดมการณ์เฉพาะกิจเพื่อทำลายล้างคณะราษฎร์ สนับสนุนค้ำจุนซากเดนศักดินา และเป็นเบี้ยให้ขุนศึกเผด็จการมาทุกยุค
3.พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคของประชาชาติไทยทั้งมวล ซึ่งผิดเพราะเขาประกาศตัวชัดเจนมานานนับหลายสิบปีแล้วว่า”พรรคของเรา(ชาวใต้) คนของเรา(คนปักษ์ใต้)” และไม่ว่าคนใต้คนนั้นจะดีเลวอย่างไร พรรคนี้ก็พร้อมจะอุดหนุน และขอแรงอุดหนุนจากพวกสะตอสามัคคีด้วยกันทั้งในแวดวงสื่อ แวงวงวิชาการ แวดวงขุนศึก(ทั้งนี้ผมหมายถึงเฉพาะพวกสะตอสามัคคี ส่วนคนปักษ์ใต้ที่คิดถึงหลักการประชาชาติไทยมาก่อน ภูมิภาคมาทีหลังนั้น ผมต้องกราบขออภัย ผมไม่ได้ว่าแบบเหมารวม)
4.พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายพรรคเทพ นอกนั้นเป็นฝ่ายมาร -ซึ่งผิด เพราะตลอดเวลาของพรรคการเมืองนี้ไม่เคยเล่นงานปฏิปักษ์หรือคู่แข่งขันทางการเมืองแบบใสสะอาด หรือแข่งขันที่นโยบาย แต่ไปเอาประเด็นอ่อนไหวที่ยังไม่ชัดแจ้งไปกล่าวร้าย เช่นกรณี”ปรีดีฆ่าในหลวง”, กรณี”เอกสารปลอมสัญชาตินายบรรหาร” ,กรณี”ฝ่าด่านสีม่วงบิ๊กจิ๋ว” หรือล่าสุดกรณี”ทักษิณโกงชาติ” เป็นต้น แต่พอประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลนั้นถูกเล่นงานมักมีหลักฐานชัดแจ้งทั้งกรณีสนั่นป่าลั่น,กรณีสปก.,กรณีปรส. เป็นต้น
5.ประชาธิปัตย์เป็นเสาเอกของระบบรัฐสภา ซึ่งผิดสิ้นเชิง เพราะประชาธิปัตย์จะเก่งก็แต่กับรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งเท่านั้น และเข้าตำราตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จทุกกรณี
แต่กับเวลาเผด็จการทหารมา ประชาธิปัตย์จะหายตัวไร้ร่องรอย หรือสวมรอยร่วมมือกับเผด็จการมาตลอดประวัติศาสตร์ของพรรคนี้