ที่มา ประชาทรรศน์
คอลัมน์ : สามเหลี่ยมดินแดง
* หนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์ ฉบับประจำวันจันทร์ที่ 8 ธันวาคม 2551 จงรัก ภักดีราช ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วฟ้าเมืองไทย ได้โปรดคุ้มครองและปัดเป่าพระอาการประชวรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้มลายหายไป และขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนคนไทย ทุกท่านได้โปรดตั้งจิตอธิษฐานให้พ่อหลวงของคนไทย มีพระพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์ โดยเร็ว เป็นศูนย์รวมดวงใจของไทยทั้งชาติ ไปตลอดกาลนานเทอญ
* ในวันที่บ้านเมืองไม่เข้มแข็ง ประชาชนก็ขวัญหนี เมื่อได้ฟัง พระราชดำรัสของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระประชวร จนกระทั่งไม่สามารถเสด็จฯ ออก ณ ศาลาดุสิดาลัย พระราชทานพระบรมราโชวาทแก่ประชาชนคนไทย ที่เฝ้ารอ ก็ทำให้หัวใจที่อ่อนล้า แทบสิ้นแรง
* ในวันที่พ่อหลวงทรงพระประชวร จงรัก ภักดีราช อยากจะขอวิงวอนให้คนไทยทุกคน ไม่ว่าจะฝั่งฝ่ายใด หรืออยู่สีใด ได้โปรดหยุดภารกิจเพื่อตนและพวกพ้อง แล้วหันมา ทำความดีถวายในหลวง ร่วมมือกันสร้างสรรค์จรรโลงบ้านเมืองของเราที่เสียหายยับเยินจากน้ำมือของผู้ไม่เคารพและไม่รักษากฎหมาย ให้กลับคืนสู่สภาพปกติโดยเร็ว เพื่อให้ทรงสบายพระราชหฤทัย อันจะเป็น วิธีการช่วยทุเลาพระอาการประชวร ที่ดีที่สุด
* แม้จะเรียกร้อง วิงวอนให้คนไทยกลับคืนสู่ความสมานฉันท์ แต่การกระทำความผิดของกลุ่มคนที่ไม่เคารพกฎหมาย และ การละเว้นปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานของรัฐที่ไม่รักษากฎหมาย ไม่ปกป้องทรัพย์สินของแผ่นดิน ปล่อยให้สถานที่ราชการถูกทำลายอย่างย่อยยับ เป็นสิ่งที่ไม่สามารถละเว้น หรือปล่อยให้ผ่านเลยไปได้ ต้องดำเนินการลงโทษตามกฎหมายให้เข็ดหลาบ
* ไม่แน่ใจว่า สาวกของ โกตั๊บ–โกเต๊กซ์ เห็นสภาพความเสียหายของประเทศไทย เศรษฐกิจพังพินาศ นักท่องเที่ยวต่างชาติหายไปมากกว่า 50% นานาชาติ ไม่ไว้วางใจ และ ความพินาศยับเยินของทำเนียบรัฐบาล ที่มีสภาพใกล้เคียงกับคลังแสงย่อยๆ ทั้ง มีด ไม้ ปืน ระเบิด นานาชนิดแล้ว ยังภาคภูมิใจกับชัยชนะบนซากปรักหักพังของประเทศไทย อยู่อีกหรือไม่ และยังคิดว่าสมควรจะกระทำการเช่นนี้ซ้ำเดิมอีกครั้งหรือไม่
* พฤติกรรมของ ขบวนการพันธมิตรฯ ที่กระทำชำเราประเทศไทย และข่มขืนใจคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศ ที่ปรากฏให้เห็นนี้ มิอาจเรียกได้ว่า กู้ชาติ หากแต่เป็น กัดกร่อนชาติ มากกว่า และหากใครยังหลงเชื่อว่าเป็นการชุมนุมโดยสันติ สงบ ปราศจากอาวุธ และความรุนแรง ตามแนวทางอหิงสา ก็ต้องว่า โง่บัด... และ บ้าฉิบ...
* จงรัก ภักดีราช บอกได้เลยว่า สถานการณ์การเมืองวันนี้ อยู่ในระดับไฟมอดเชื้อ แต่ยังพร้อมจะคุ และลุกโชนได้ตลอดเวลา ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลรักษาการ หรือ รัฐบาลใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ ควรจะต้องเร่งรีบหาทางดับไฟกองนี้ ไฟที่เคยเผาผลาญประเทศ ให้ดับสนิท อย่าทิ้งไว้ให้คุไฟลามติดเชื้อ เผาไหม้บ้านเมืองได้อีก ต้องรีบฉกฉวยโอกาสที่ สังคมกำลังพะอืดพะอม และรับไม่ได้กับความเสียหายจากน้ำมือของพันธมิตรฯ ที่สุดแสนจะเหิมเกริม จัดการให้เสร็จในม้วนเดียว อย่าปล่อยให้ยืดเยื้อ
* ณ พื้นที่ตรงนี้ แม้ว่าสถานการณ์บ้านเมืองจะเปลี่ยนแปลงไป แต่ จงรัก ภักดีราช กับ ชาวประชาทรรศน์ ยังคงเห็นเป็นภารกิจสำคัญที่จะต้องกดดันให้รัฐบาล จัดการกับพันธมิตรฯ นำพันธมิตรฯ กลับมาอยู่ภายใต้กฎหมาย เสมอเท่ากับประชาชนทุกคนในประเทศนี้
* ในวาระที่พรรคประชาธิปัตย์ จะเป็นรัฐบาลใหม่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ สมใจอยาก ลองเอ่ยปากให้ได้ยินสักคำ ว่าจะทำอย่างไรกับหัวขบวนพันธมิตรฯ ที่ชื่อ สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ละเมิดกฎหมาย ก่อกรรมทำเข็ญต่อประเทศชาติ โดยมีพยานหลักฐานปรากฏไปทั่ว หากเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว เอาผิดลงโทษ ส.ส.ลูกพรรค ไม่ได้ ก็ อย่าไปแถลงนโยบายให้ประชาชนเคารพกฎหมายเลยดีกว่า และควรจะแนะนำ ให้สมเกียรติ เปลี่ยนชื่อเป็น อภิสิทธิ์ (ตัวจริง) ไปเลยก็แล้วกัน
* ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ประเทศไทยในปี พ.ศ.2551 มีนายกรัฐมนตรี ถึง 3 คน อันเป็นผลมาจากการที่ขบวนการตุลาการภิวัตน์เดินสวนทางกับขบวนการประชาธิปไตย ด้วยการสร้างบรรทัดฐานใหม่ของกระบวนการยุติธรรม ให้ยึดถือ วิจารณญาณขององค์คณะผู้วินิจฉัยและตีความกฎหมาย มากกว่าตัวบทกฎหมาย และยึดถือสถานการณ์บ้านเมืองในวันตัดสินคดี มากกว่าพยานหลักฐาน ณ วันเกิดเหตุ
* แม้จะ พูดไปทำไมมี หรือ ฟื้นฝอยหาตะเข็บ ไม่ควรทำ แต่ก็ไม่ควรข้ามประเด็นที่อัยการ ได้บันทึกคำให้การของพยานโจทก์ ไว้ในสำนวนการพิจารณาของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ว่า พยานไม่เคยให้การสักครั้งเดียวว่า ผู้กระทำความผิด ที่ชื่อ ยงยุทธ ติยะไพรัช กระทำการโดยสมคบ หรือ รู้เห็นร่วมกับกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน แต่ประเด็นนี้กลับไม่ถูกนำมาพิจารณา และ กรรมการบริหารพรรคทุกคน ก็ถูกตัดสิทธิถ้วนหน้า ทั้งๆ ที่ไม่ได้กระทำ และ ไม่ได้รู้เห็นกับการกระทำความผิด แม้แต่น้อย
* จริง เท็จ ไม่รู้ แต่จนถึงวันนี้ ยังไม่ได้ยิน ยงยุทธ ติยะไพรัช พูดอะไรสักคำ หลังจากที่เพื่อนพ้องน้องพี่ ต้องเดือดร้อนถ้วนหน้ากว่า 200 คน เพราะใบแดงใบนั้นใบเดียว ตรงกันข้ามกลับเห็นอาการ เข้ามายุ่มย่ามในพรรคเพื่อไทย จนทำให้ ส.ส.หลายคนหวาดหวั่นหัวใจว่า จะมีอะไรผิดพลาดอีกหรือไม่ พรรคเพื่อไทยจะเดินทางสายเดียวกับพรรคพลังประชาชนหรือไม่
* การพลิกข้าง เปลี่ยนขั้วของ กลุ่มเพื่อนเนวิน ไม่น่าจะมีเหตุจากความขัดแย้งหรือการต่อรองตำแหน่งทางการเมือง หากแต่น่าจะมีเรื่องราวสลับซับซ้อนมากกว่าที่ปรากฏให้ได้เห็นและได้ยิน เพราะกลุ่มนี้เป็นหัวหอกของการสู้รบเพื่อทักษิณ มาตลอด การตัดสินใจเปลี่ยนข้างครั้งนี้ หากไม่เหลืออดจริงๆ คงไม่แตกหักขนาดนี้ แต่ที่ได้ยินมาจากปากแกนนำของกลุ่มนี้ “ไม่ไปเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์อย่างแน่นอน”