ที่มา ไทยรัฐ
การเมืองภาคพลิกขั้ววิกฤติ "รอบใหม่" ไม่จบสิ้น
หลังจากผ่านพ้นการฉลองเทศกาลปีใหม่กันไปแล้ว
บรรยากาศร้อนแรงทางการเมือง ปัญหาความแตกแยกทางความคิดในสังคมไทย ก็ผุดขึ้นมาให้เห็นทันที
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพรรคประชาธิปัตย์พลิกขั้วมาเป็นรัฐบาล พรรคเพื่อไทยต้องกลายเป็นฝ่ายค้าน
การเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก็ร้อนแรงขึ้นเป็นลำดับ
แต่งานนี้ เปลี่ยนจากม็อบเสื้อเหลือง มาเป็นม็อบเสื้อแดง
ที่ออกมาแผลงฤทธิ์ ขยายผลต่อเนื่องจากปลายปีที่แล้วที่มีการระดมพลคนเสื้อแดงปิดล้อมอาคารรัฐสภา
ขัดขวางไม่ให้รัฐบาลแถลงนโยบาย
ทำให้นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ต้องสั่งเลื่อนการประชุม และสุดท้ายต้องเปลี่ยนสถานที่ให้รัฐบาลไปแถลงนโยบาย ที่ห้องประชุมกระทรวงการต่างประเทศ
มาคราวนี้ กลุ่มม็อบเสื้อแดงก็ใช้ยุทธศาสตร์เดียวกับม็อบเสื้อเหลือง เคลื่อนไหวกดดัน หวังล้มรัฐบาล
แต่ยุทธวิธีต่างกัน เพราะม็อบเสื้อแดงเน้นใช้วิธีจรยุทธ์ กลุ่มย่อย
ล่าสุด เปิดปฏิบัติการฮือฮาให้เห็นที่จังหวัดลำปาง กลุ่มคนเสื้อแดงรวมกลุ่มขับไล่ ขว้างปาไข่ไก่ใส่หน้านายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ที่ไปช่วย ลูกพรรคปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.
ไข่แตกโดนหน้าเต็มเปา
และเมื่อไปที่จังหวัดลำพูน กลุ่มม็อบเสื้อแดงก็ปฏิบัติการขว้างถุงพลาสติกบรรจุเลือดหมูใส่รถตู้ของนายชวน จนรถเลอะเทอะไปทั้งคัน
ที่จังหวัดอุบลราชธานี กลุ่มคนเสื้อแดงมีการเคลื่อนไหวต่อต้านนายกฯอภิสิทธิ์ ที่จะไปร่วมงานศพยายเนียม พันธุ์มณี เจ้าของแหวนหมั้นเขยอีสาน
ขณะเดียวกัน กลุ่มม็อบเสื้อแดงในกรุงเทพฯก็ใช้วิธีจรยุทธ์ บุกไปที่ทำเนียบรัฐบาล ชูป้าย ชูตีนตบ โห่ไล่ ขว้างไข่เข้าไปในบริเวณทำเนียบฯ
หวิดโดนหัวนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายก-รัฐมนตรี ที่กำลังทำพิธีสักการะศาลพระภูมิเจ้าที่ ไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด
ที่จังหวัดสมุทรปราการ ม็อบเสื้อแดงเตรียมถุงใส่น้ำปลาร้า เล่นงานอดีตนายกฯชวน ที่ไปช่วยลูกพรรคหาเสียงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.แต่คลาดกัน
เลยเปิดศึกกับชาวบ้านที่แสดงความไม่พอใจ ขว้างถุงปลาร้าและขวดน้ำเข้าใส่กัน เหม็นคละคลุ้งไปหมด
ส่วนที่จังหวัดปทุมธานี แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ที่ไปช่วยลูกพรรคหาเสียงเลือกตั้งซ่อม ก็โดนกลุ่มคนเสื้อแดงปาไข่ ใส่รถเละเทะ
ม็อบเสื้อแดงเอาคืน ป่วนรัฐบาลประชาธิปัตย์
อย่างไรก็ตาม การชุมนุมเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง จะมีความรุนแรงขยายวงกว้างออกไปหรือไม่
ยังต้องรอดูสถานการณ์หลังการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. วันที่ 11 มกราคม
เพราะต้องยอมรับว่า ในช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้งซ่อม ส.ส. 22 จังหวัด 26 เขต 29 คน แทนตำแหน่งที่ว่างลงจากกรณีการยุบพรรคพลังประชาชน และพรรคชาติไทย
เป็นตัวแปรสำคัญ ที่ทำให้มีการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล เข้มข้นร้อนแรง
เพราะจำนวนเสียง ส.ส.จากการเลือกตั้งซ่อมคราวนี้ มีผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคประชาธิปัตย์ และการช่วงชิงทางการเมืองของฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทย
เนื่องจากจำนวน ส.ส.ซีกรัฐบาลขณะนี้ มีอยู่ 235 เสียง ฝ่ายค้าน 198 เสียง ไม่ได้ทิ้งห่างกันมากนัก ตรงนี้เป็นเงื่อนไขหนึ่งที่ทำให้พื้นที่ที่มีการเลือกตั้งซ่อม มีการเคลื่อนไหวที่ร้อนแรงของม็อบเสื้อแดง
รวมไปถึงการตั้งป้อมขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ ของรัฐมนตรีในการไปปฏิบัติภารกิจในภาคเหนือและภาคอีสาน
ขณะเดียวกัน เมื่อหันมาทางรัฐบาลภายใต้การนำของนายกฯอภิสิทธิ์ สิ่งที่เห็นชัดเจนหลังจากแถลงนโยบายแล้ว ก็คือ
มีความมุ่งมั่น ตั้งหลักทำงานเต็มที่ พยายามเรียกร้อง ขอความร่วมมือจากประชาชนทุกภาคส่วน ในการแก้ปัญหาของประเทศที่รุมเร้าสารพัดวิกฤติ
ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความแตกแยกของคนในชาติ ปัญหาเศรษฐกิจรอวันเผาจริง ปัญหาเลิกจ้าง คนว่างงาน รวมไป ถึงปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
เน้นนโยบายชัดเจน ไม่ใช้มาตรการรุนแรงกับกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาล
พยายามหาทางเจรจากับแกนนำม็อบเสื้อแดงทุกกลุ่มทุกภาค รวมไปถึงประกาศพร้อมที่จะเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ
ออดอ้อนขอความเห็นใจ
ขอเวลาให้รัฐบาลได้ทำงานแก้ปัญหาประเทศให้เดินหน้าไปได้ในภาวะวิกฤติ
ส่วนการเดินหน้าแก้ปัญหาก็พยายามทำงานแข่งกับเวลา แข่งกับปัญหาอย่างเต็มที่ เห็นได้จากการออกมาตรการแก้ปัญหาต่างๆอย่างต่อเนื่อง
ไล่ตั้งแต่การเปิดแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2552 ใช้วงเงิน 3 แสนล้านบาท
กำหนดกรอบแนวทางการใช้จ่ายเงินงบประมาณกลางปี 2552 ที่จะขอเพิ่มอีก 1 แสนล้านบาท โดยมีกลุ่มเป้าหมายที่จะได้ประโยชน์ 9 กลุ่ม คือ
1. เกษตรกร 2. แรงงานนอกภาคเกษตรกร 3. ผู้ปกครองนักเรียน นักศึกษา 4. ผู้สูงอายุ 5. ผู้มีรายได้น้อย 6. เอกชน 7. ภาครัฐ 8. ท่องเที่ยว 9. ผู้มีรายได้ประจำ
รวมทั้งการต่ออายุ 6 มาตรการ 6 เดือน ช่วยเหลือค่าครองชีพของประชาชน ประเภทน้ำประปา ไฟฟ้า รถเมล์ รถไฟ ฟรี ยืดออกไปอีก 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์
ขณะเดียวกัน ก็เดินหน้าปรับโครงสร้างการบริหารงานแก้ไข ปัญหาความไม่สงบพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และแต่งตั้งรัฐมนตรีดูแลรับผิดชอบเป็นการเฉพาะ
วางแพลน เดินหน้าแก้ปัญหาของประเทศอย่างเต็มที่
แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องลงสนามทำงานภาคปฏิบัติ ก็ต้องเผชิญกับปัญหาทั้งในสภาและนอกสภา
เพราะในขณะที่รัฐบาลตั้งลำเดินหน้าทำงาน ทางด้านฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทย ที่เพิ่งโดนพลิกขั้วมาหมาดๆ ไม่ยอมให้เวลารัฐบาลตั้งตัว
เปิดฉากตรวจสอบแบบเข้มข้นทันที
ด้วยการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนอกสภา โจมตีนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี เป็นรายกระทรวง
นายกฯอภิสิทธิ์โดนอัดเรื่องที่มาจากการพลิกขั้ว หนีทหาร ลอกนโยบายประชานิยม
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย นายวีระชัย วีระเมธีกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม นายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม
โดนชำแหละพฤติกรรมความไม่เหมาะสมเรียงตัว
โดยเฉพาะคนที่ร่วมทำงานด้วยกันมาก่อน แล้วมาพลิกเปลี่ยนขั้วเปลี่ยนข้าง ย่อมรู้ไส้รู้พุงกันดี
นอกจากนี้ ฝ่ายค้านก็ยังเดินเกมยื่นเรื่องให้องค์กรอิสระตรวจสอบ การทำหน้าที่ของรัฐบาลหลายเรื่องหลายกรณี ในขณะที่การเมืองนอกสภา กลุ่มม็อบเสื้อแดงก็ออกมาเคลื่อนไหวจรยุทธ์ต่อต้านรัฐบาลในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคอีสาน
เหตุการณ์อยู่ในวังวนเดิมๆ เพียงแต่เปลี่ยนจากม็อบเสื้อเหลือง มาเป็นม็อบเสื้อแดง
กลุ่มเสื้อเหลืองเคยทำยังไง กลุ่มเสื้อแดงก็เอาบ้าง
อ้างที่มาของรัฐบาลชุดนี้ไม่ถูกต้องชอบธรรม
และสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของรัฐบาลที่ชัดเจนแล้ว ก็คือ
ต้องย้ายสถานที่ประชุมอาเซียนซัมมิตที่จะมีขึ้นในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ จากกรุงเทพฯไปจัดที่หัวหิน
เพราะม็อบเสื้อแดงขู่จะยกพลมาปิดล้อม
ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีหลายคนไปปฏิบัติภารกิจในจังหวัดทางภาคเหนือและภาคอีสาน ก็เจอปัญหาม็อบเสื้อแดงต่อต้าน ชูตีนตบขับไล่
ก่อให้เกิดปัญหาการทำงานติดขัด ขาดความคล่องตัว
ที่ผ่านมา นายกฯอภิสิทธิ์เคยออกมาระบุในช่วงจัดตั้งครม.ว่า การเมืองต้องเดินไปได้ก่อน ถึงจะแก้ปัญหาวิกฤติของประเทศได้
ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ต้องยอมเสียสละตำแหน่ง สละกระทรวงหลักสำคัญๆ
เพื่อให้การเมืองเดินไปได้ เพื่อให้รัฐบาลทำงานแก้ปัญหาของประเทศได้
มาถึงวันนี้ รัฐบาลมีเสียงข้างมากในสภาฯสามารถทำงานได้ มีนโยบาย มีแผนงาน
มีเครื่องไม้เครื่องมือ กลไกอำนาจรัฐพร้อม
แต่นอกสภาฯยังมีปัญหาม็อบเสื้อแดงต่อต้าน ทำให้การทำงานแก้ปัญหาของประเทศติดขัด ไม่ลื่นไหล
ที่สำคัญ การเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงที่สะท้อนปฏิกิริยาต่อต้านรัฐบาลในหลายรูปแบบ โดยเฉพาะการขว้างไข่ ระบายอารมณ์
แน่นอน ปรากฏการณ์เช่นนี้ ถ้าเกิดจากอารมณ์โกรธตามธรรมชาติ เวลาอาจจะช่วยเยียวยาให้ความรู้สึกไม่พอใจบรรเทาเบาบางลงได้
เพราะทุกคนก็รู้ว่าประเทศชาติบอบช้ำมามาก หากปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป ทุกคนในประเทศก็ต้องรับเคราะห์กรรมด้วยกันทุกคน
แต่หากเป็นอารมณ์เกลียดที่ถูกปลุกปั่น เพิ่มแนวร่วม เพิ่มตัวเร่ง ให้กลายเป็นความเคียดแค้นชิงชัง
มันก็ยิ่งอันตราย ฉุดประเทศดิ่งเหว.
“ทีมการเมือง”