ที่มา ไทยรัฐ
อย่านอนหลับทับสิทธิ์อย่ารับสินบนซื้อเสียง เรียงหน้าไปลงคะแนนทั้งผู้ว่าฯ กทม.-ส.ส. 29 คน รัฐบาลแก้เศรษฐกิจแต่ที่ออกมาว่ากันว่ายังไม่จ๊าบ กลับเป็นว่าไปมั่วการเมืองมากกว่า
ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้ตรงล็อกพอดิบพอดีที่ประชาชนคนไทยจะต้องไปใช้สิทธิเลือกตั้งแยก แยกออกเป็น 2 ระดับ
ระดับท้องถิ่นแต่เป็นถิ่นใหญ่เมืองหลวงของประเทศ การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ หลังจากที่ “อภิรักษ์ โกษะโยธิน” ได้ลาออกไปเพราะพิษรถดับเพลิง
ระดับชาติแต่ไม่ครบทุกเขต ทุกจังหวัด เพราะเป็นการเลือกตั้งซ่อมจำนวน 29 คน ที่ถูกยุบพรรค แต่ผลการเลือกตั้งก็มีผลต่อการเมืองทั้งระบบเช่นกัน
ตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.นั้นในปัจจุบันถือว่า เป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญมาก เพราะกรุงเทพฯ เป็นเมืองใหญ่ คนมาก ปัญหามาก ต้องสร้างต้องเสริมอีกแยะ
ใครอาสาเข้ามาทำงานนี้จึงต้องเป็นระดับ นายกฯน้อย...ที่มีความรู้ความสามารถ เก่ง การ กล้าตัดสินใจ ซื่อสัตย์สุจริต ทำงานเป็นบริหารเป็น
เท่าที่ดูรายชื่อผู้สมัคร ดูนโยบาย เที่ยวนี้ ค่อนข้างจะดีและเป็นโอกาสให้คนกรุงเทพฯมีตัวเลือกมากขึ้น โดยเฉพาะนโยบายของผู้สมัคร ที่เต็งๆค่อนข้างจะเจาะลึกในรายละเอียดและเป็นรูปธรรมมากขึ้น
เมื่อมีโอกาสดีก็ควรจะเลือก “ของดี” ให้เข้ามาทำงาน
อีกด้านการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. 29 คน 22 จังหวัด ในวันเดียวกันนี้ ก็มีความสำคัญเช่นกัน เพราะจะต้องได้ ส.ส.ให้ครบเพื่อเข้ามาทำหน้าที่
เช่นกันการจะเลือกผู้สมัครคนไหน พรรค ไหนก็มีผลต่อการเมืองทั้งระบบ
ยิ่งรัฐบาลเสียงปริ่มนํ้าอย่างนี้จะออกหัว ออกก้อยอย่างไรยังไม่มีใครรู้ได้
แต่สำหรับคนไทยที่มีสิทธิลงคะแนนเลือกตั้งก็ต้องคิด ไตร่ตรอง และตัดสินใจอย่าง รอบคอบเพื่อเลือกผู้สมัครคนใด พรรคใด
ข้อสำคัญอย่าไปนอนหลับทับสิทธิ์ อย่าไปรับอามิสสินจ้าง
การเมืองประเทศนี้นั้นปัญหาการ “ซื้อเสียง” ยังเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญที่ทำให้ระบบการเมืองไม่สามารถเดินหน้าได้อย่างสร้างสรรค์
เมื่อเอา “เงิน” ซื้อเสียง เข้าไปก็ต้อง ถอนทุนคืน
วัฏจักรที่เป็นวงจรแห่งความเลวร้ายมัน จึงเกาะกินการเมืองไทยมาตลอด
แม้บางพรรค บางคนที่เชื่อมั่นใน “นโยบาย” ว่าสามารถเข้าถึงชาวบ้านได้ ได้รับความ นิยมได้ แต่เบื้องหลังเสียงสนับสนุนยังต้องใช้ “เงิน”
แทนที่จะหลุดพ้นจากการใช้ “เงิน” เพื่อ ซื้อเสียงโดยใช้ “นโยบาย” เข้ามาแทนที่ แต่ ก็ยังไม่ดิ้นหลุดไปจากวงจรอุบาทว์ไปได้
เพราะเชื่อว่า “เงิน” ซื้อได้ทุกอย่าง
ซื้ออำนาจ ซื้อประเทศ ซื้อคนไทยได้
แต่เอาเข้าจริงแม้เงินจะซื้อทุกอย่างได้ แต่ก็ได้เพียงแค่ขณะหนึ่ง ระยะเวลาหนึ่ง สถานการณ์หนึ่งเท่านั้น ไม่จีรังยั่งยืน แต่มันจะเป็นอนิจจังมากกว่า
ว่ากันถึงรัฐบาลหลังจากออกแขก ไหว้ครู กันแล้ว ก็ต้องเดินหน้าทำงาน โดยเฉพาะการ แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่มีนโยบายออกมาบ้างแล้ว
แต่ดูเหมือนว่ายังไม่มีอะไรฮือฮาเท่าที่ควร ไม่เต็มหมัด มีเสียงบอกว่ายังไม่ถึงใจเกรงว่าจะแก้ปัญหาไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นแรกๆคงยังไม่ได้ดูตัวเลข ครอบคลุม แต่พอเข้าไปเปิดดูกลับบ่จี๊ เพราะรายได้ไม่เข้าเป้า ก็ต้องหาวิธีและช่องทางใหม่ แก้ปัญหา
พูดง่ายๆมันลึกกว่าคิด มันยากกว่า ที่คาดหมาย
หัวเลี้ยวหัวต่อการเมืองอย่างนี้รัฐบาลต้องเจองานหนักแน่ นอกจากเศรษฐกิจแล้วปัญหาการเมืองที่คิดว่าจะสงบง่ายๆ
เอาเข้าจริงไม่ง่ายและยังท้าทายกันอย่าง แหลมคม อยู่ที่ว่าใครจะพลาดท่าก่อนเท่านั้น
ยิ่งรัฐบาลชุดนี้แม้จะรู้ดีตรงจุดนี้อันตราย แต่มิวายจะช่างพูด ช่างตอบโต้เหลือเกิน นายกฯก็พูดเช้า สาย บ่าย ค่ำ รัฐมนตรี ปชป. ก็ชอบล่อเป้า
นี่แค่ยกที่ 1 แล้วจะยืนถึงยกที่ 5 หรือ?
ลิขิต จงสกุล