ประชาชนทั่วไปที่รู้ข่าวนี้ ต่างก็งงกันถ้วนหน้า งงว่า คตส. หรือคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ทำหนังสือเหมือนจะร้องเรียนต่อผู้บัญชาการทหารบกในฐานะอะไร? และด้วยเหตุผลอะไร?เพราะสถานะของผู้บัญชาการทหารบกในปัจจุบันนี้ ก็ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับ คตส. เนื่องจาก
คมช.ได้หมดสภาพไปแล้วในเรื่องนี้เมื่อมาถึงวันนี้ ก็ได้รับการยืนยันจาก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ที่ได้ออกมาเปิดเผยเป็นครั้งแรกว่า ขณะนี้ตนได้รับหนังสือจากคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) แล้วพล.อ.อนุพงษ์ เปิดเผยว่า หนังสือฉบับนั้น ทาง คตส. ได้บอกมาถึงผู้บัญชาการทหารบก เรื่องที่ถูกกองปราบปรามออกหมายเรียก โดยยอมรับว่าเห็นหนังสือดังกล่าวแล้วจริง เป็นลายมือเกี่ยวกับการแจ้งความ
ซึ่งตนไม่ได้ดูอะไรมาก เพราะไม่มีความรู้ทางกฎหมายที่จะวิเคราะห์อะไรได้ ส่วนการโทรศัพท์คุยกับ นายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส. เพียงแต่แจ้งให้ทราบเรื่องหนังสือ และ คตส. ก็ไม่ได้ขอให้ช่วยเหลืออะไร และไม่ได้ปรึกษาเรื่องการต่ออายุผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า ระยะเวลาที่เหลือ คตส. สามารถทำงานตามกรอบของอำนาจหน้าที่ได้ตามปกติจนกว่าจะครบวาระ ในความหมายของ พล.อ.อนุพงษ์ การครบวาระของ คตส. จากการต่ออายุโดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ คือ สิ้นเดือน มิ.ย. คือ วันที่ 30 มิ.ย.2551
จากคำพูดที่ออกมาแสดงความเห็นของ พล.อ.อนุพงษ์ ทำให้ประชาชนทั่วไปต่างไม่เข้าใจเหตุผลที่ นายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส. มีเหตุผลอะไร ในการต้องใช้ความพยายามในการนำจดหมายเหมือนหนังสือร้องเรียนไปถึง พล.อ.อนุพงษ์ ที่เป็นผู้บัญชาการทหารบก และไม่ได้มีตำแหน่งหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับ คตส. หรือการที่พนักงานสอบสวน จะออกหมายเรียกเรียกใครมาสอบสวนในฐานะผู้ถูกกล่าวหา
สำหรับกรณีที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชน
เพื่อประชาธิปไตย เรียกร้องให้นายทหารที่จบจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าแต่งเครื่องแบบร่วมชุมนุมนั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า
เท่าที่ทราบ พล.ต.จำลอง บอกว่าไม่ได้พูดเช่นนั้น ซึ่งการไปชุมนุม ทุกคนมีสิทธิส่วนบุคคลสามารถทำได้ แต่ต้องไม่ให้กระทบต่อการทำงาน และไม่แต่งเครื่องแบบไปในที่สาธารณะ