ที่มา ประชาทรรศน์
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านรายการ 'เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกอภิสิทธิ์' ซึ่งจัดขึ้นเป็นสัปดาห์แรกเมื่อวันที่ 18 มกราคมที่ผ่านมา ที่ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ว่าการจัดประชุมดังกล่าวเป็นการจัดประชุมของ 10 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมครั้งนี้ และขณะนี้ 9 ประเทศได้ตอบรับยืนยันการเข้าร่วมแล้ว โดยจะจัดขึ้นในวันที่ 27-28 กุมภาพันธ์ และ 1 มีนาคม ที่ ชะอำ และหัวหิน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ขอความร่วมมือกับประชาชนในการเป็นเจ้าภาพ เพื่อให้ประชาชนทั่วโลกกลับมาเห็นว่าประเทศไทยมีความพร้อมและมีความสงบ พร้อมระบุว่า การจัดงานครั้งนี้เป็นภาพลักษณ์ของประเทศไทย และคนที่เป็นเจ้าภาพคือประชาชนทั้งประเทศ
เศรษฐกิจแย่เพราะปิดล้อมสนามบิน
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงปัญหาเศรฐกิจที่เป็นปัญหาชัดเจนอยู่ในขณะนี้ว่า เริ่มต้นนั้นเกิดจากที่ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ประสบภาวะวิกฤตการเงินขึ้นจึงส่งผลกระทบไปยังหลายประเทศรวมถึงประเทศไทย ทำให้สินค้าขายไม่ได้ นักท่องเที่ยวหาย การส่งออกเกิดชะงัก ซึ่งตั้งแต่เดือนพ.ย.2551 ที่ผ่านมาการส่งออกของประเทศไทยไม่โตและลดลง 17 เปอร์เซ็นต์
ขณะที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวก็ลดลงต่อเนื่องตั้งแต่เดือนตุลาคม เนื่องจากปัญหาการชุมนุมปิดล้อมสนามบิน ด้านโรงงานต่างๆก็มีการเลิกจ้าง เมื่อธุรกิจฝืดเคือง คนมีรายได้น้อยลงก็ใช้จ่ายน้อยลงก็วนกลับมาให้ธุรกิจไปไม่ได้ และจากเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันลดลง หลายคนมองว่าเป็นเรื่องดี แต่ไม่ใช่ เพราะพืชผลการเกษตรต่างๆผูกพันกับราคาน้ำมัน ขณะนี้ราคาลดลงมาถึงครึ่งต่อครึ่ง
นายกฯคุยฟุ้งรัฐบาลทำงานรวดเร็ว
ทั้งนี้ ขอเรียนว่ารัฐบาลทำงานตั้งแต่วันแรกและทำงานเร็วมาก แถลงนโยบาย 30 ธันวาคม 2551 ซึ่งเป็นวันทำงานวันสุดท้ายของปีที่แล้ว และเมื่อแถลงเสร็จก็เรียกประชุม ครม.ต่อ เพื่อเร่งงานบางอย่าง เช่น การประชุมอาเซียน รวมถึงปัญหารับจำนำข้าวโพดที่อนุมัติรับเพิ่มในค่ำวันนั้น และปัญหาน้ำนมดิบก็นำมาบรรจุถุงแจกพี่น้องช่วงปีใหม่
จากนั้นวันที่ 5 มกราคม ซึ่งเป็นวันทำการวันแรกตนและทีมเศรษฐกิจ ก็ได้เดินทางไปพบธนาคารแห่งประเทศไทยและหน่วยงานธุรกิจต่างๆ ซึ่งพอเข้ามาทำงานได้ 8 วันก็ได้ออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งขอชี้แจงว่าอะไรทำได้และทำไม่ได้ ขณะนี้เศรษฐกิจโลกหดตัว ซึ่งหากจะให้เศรษฐกิจไทยเดินได้ เราจะไปหวังพึ่งต่างชาติไม่ได้ เพราะเขาไม่มีสตางค์ ข้อเท็จจริงคือวันนี้ต้องช่วยซึ่งกันและกัน ประชากร 65 ล้านคนโดยประมาณเป็นตลาดใหญ่พอควร หากมีการใช้จ่ายในประเทศก็จะบรรเทาได้ ตนคาดว่าหากเราผ่านครึ่งปีแรกของปีนี้โดยมีมาตรการและพี่น้องให้ความร่วมมือ เมื่อถึงครึ่งปีหลังประมาณเดือนสิงหาคม กันยายน เศรษฐกิจโลกดีขึ้นก็จะเดินหน้าไปได้
แบ่ง9กลุ่มช่วยเหลือ เชื่อกระจายทั่วถึง
ส่วนรัฐบาลจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย มีเงินทองไปซื้อของใช้สอยก็ต้องมีมาตรการเพิ่มรายได้ ทำอย่างไรให้เงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้น ลดค่าใช้จ่าย เสริมรายได้ ฟื้นฟูความเชื่อมั่นภาพลักษณ์แต่หลายคนเมื่อเกิดปัญหาขึ้นมักคิดว่ารัฐบาลจะช่วยอะไร ตนขอเรียนว่ารัฐบาลไม่มีเงิน แต่เป็นเงินภาษีของประชาชน การตัดสินใจว่าจะใช้ภาษีอย่างไรต้องดูว่าเป็นธรรมหรือไม่ อย่าให้เกิดการรั่วไหล มีวินัยการคลัง ไม่ใช้จ่ายเกินตัวตลอดไป หลายคนฟังแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลก็มีคำถามว่าทำไมให้น้อยไป ทำไมไม่ทำแบบนั้นแบบนี้ ซึ่งการอนุมัติงบประมาณเกินดุลกว่าแสนล้านนั้นใกล้กรอบที่จะใช้จ่ายได้แล้ว มีช่องว่างที่ใกล้เพดานหนี้สาธารณะน้อยมาก
อย่างไรก็ตามนายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงมาตรการเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ว่าจะแบ่งการช่วยเหลือเป็น 9 กลุ่ม คือเกษตรกร กลุ่มท้องถิ่นและชุมชน กลุ่มคนว่างงาน กลุ่มคนทำงานที่ไม่ได้อยู่ในระบบ กลุ่มผู้มีรายได้ต่ำมีงานทำแต่เงินเดือนน้อย กลุ่มผู้สูงอายุซึ่งมีจำนวนมากที่ไม่มีหลักประกันเรื่องรายได้ กลุ่มนักเรียนและผู้ปกครอง กลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และกลุ่มธุรกิจการท่องเที่ยว
เบิลกองทุนหมู่บ้านให้อีกเท่าตัว
โดยกลุ่มเกษตรกร รัฐบาลที่แล้วได้เปิดรับจำนำ 3 ชนิดคือข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง ซึ่งใกล้เต็มวงเงิน ก็ได้อนุมัติเพิ่มให้ พร้อมตรวจสอบการทุจริต ดังที่มีข่าวนำข้าวโพดจากต่างประเทศมาสวมรับการช่วยเหลือ นอกจากนี้จะช่วยยางพาราและปาล์มเพิ่มให้ ประมาณคร่าวๆ เป็นเงิน 3 หมื่นล้านบาท จากนั้นฤดูกาลผลิตหน้าต้องมาดูกันใหม่ อาจมีระบบชดเชยภัยธรรมชาติ
ส่วนกลุ่มท้องถิ่นและชุมชน ก่อนหน้านี้มีโครงการ SML ซึ่งหมู่บ้านที่เคยได้ก็จะได้ไปอีกเท่าตัว หมู่บ้านที่ยังไม่ได้จะได้ 2 ส่วนพร้อมกัน หรือเท่ากันทุกหมู่บ้าน รวมประมาณ 2 หมื่นล้านบาท เพื่อนำไปใช้จ่าย แต่ต้องใช้ให้เกิดประโยชน์จริง จึงปรับมาเป็นกองทุนเศรษฐกิจพอเพียง ให้เกิดความยั่งยืน มีเงินหมุนเวียนในพื้นฐานเศรษฐกิจอย่างแท้จริง
แบ่ง7พันล้านช่วยคนว่างงาน
กลุ่มคนว่างงานจะมีเงิน 7 พันล้านบาทเข้ามาช่วย เริ่มตั้งแต่การฝึกอบรม คนที่ยังทำงานแต่มีแนวโน้มถูกเลิกจ้าง ก็ฝึกเพิ่มให้ไม่ต้องตกงาน แต่ก่อนหน้านี้มักฝึกและหายไป แต่ขณะนี้จะติดตามให้มีงานทำจริง เด็กจบใหม่จะนำมาฝึกงานธุรการและส่งไปทำงานตามโรงเรียน เพื่อให้ครูที่ต้องทำงานธุรการได้กลับไปสอน คืนครูให้กับนักเรียน ผู้ที่ชอบอิเล็กทรอนิกส์ก็ฝึกด้านเวบไซต์แล้วอาจมาช่วยเจ้าหน้าที่จับตาเวบที่ไม่เหมาะสม
กลุ่มแรงงานนอกระบบ ก็สามารถอยู่ในโครงการนี้ได้เช่นกัน อาจฝึกแล้วออกไปสร้างงานเล็กๆ ส่วนกลุ่มผู้มีรายได้ต่ำ ไม่ว่าจะอยู่ในประกัน สังคม ข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ ให้เงินไปเลย 2 พันบาท เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่าย ซึ่งหลายประเทศทำอยู่ เพราะเป็นวิธีกระตุ้นเศรษฐกิจที่เร็วที่สุด
กลุ่มผู้สูงอายุ เปิดกว้างให้ใครก็ได้ที่มีอายุเกิน 60 ปี ที่ไม่ได้อยู่ในระบบ มีเงินช่วยเหลืออยู่แล้ว มาขึ้นทะเบียนก็จะได้เดือนละ 500 บาททุกคน
มั่นใจแจกเงินดีกว่าลดภาษี
กลุ่มนักเรียนและผู้ปกครอง ตามรัฐธรรมนูญระบุไว้อยู่แล้ว เทอมหน้าจะได้เรียนฟรีจริงตั้งแต่อนุบาลถึง ม.ปลาย, กลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม ให้ดูแลเรื่องค้ำประกันสินเชื่อต่างๆ เพราะมีเงินในระบบ ดอกเบี้ยถูก แต่สถาบันการเงินไม่ปล่อย ขณะที่กลุ่มนักท่องเที่ยว จะลดค่าธรรมเนียมต่างๆ คาดว่าในวันที่ 20 ม.ค.นี้จะทราบ
ในส่วนค่าน้ำค่าไฟก็ปรับลดมาเพื่อกระตุ้นให้เกิดการประหยัด เพราะจากรัฐบาลที่แล้วเป็นภาระมาก เนื่องจากกลายเป็นการช่วยบางกลุ่มที่สามารถดูแลตัวเองได้ และใช้แบบไม่ประหยัด ส่วนค่าก๊าซก็ยังไม่ขึ้น แต่ภาษีน้ำมันนั้นเห็นว่าราคาน้ำมันลงมามากแล้วจึงหันกลับมาเก็บภาษี แต่การขึ้นภาษีซึ่งสูงหลายบาทต่อลิตรก็จะไม่ให้กระทบประชาชน จะใช้เงินกองทุนน้ำมันเข้ามาช่วย แต่แม้จะขึ้นมาแล้วก็ยังถูกกว่าราคาเมื่อปีก่อน
ทั้งนี้นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกด้วยว่า ส่วนตัวนั้นทราบว่ามีความคิดเห็นที่หลากหลาย ยืนยันพร้อมรับฟัง บางคนบอกว่าลดแลกแจกแถมมากไปโดยเฉพาะประเด็นการอนุมัติเงินให้มนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้ต่ำกว่า 1.4 หมื่นบาท คนละ 2 พันบาทนั้น ตนมองว่าตอนนี้ภาวะไม่ปกติ บ้านกำลังไหม้จะเสียดายน้ำดับไฟไม่ได้ และจากการศึกษาในหลายประเทศ หากใช้มาตรการอื่นๆ เช่นการลดหย่อนภาษี กว่าคนจะรู้สึกว่ามีเงินเพิ่มขึ้นก็สายไปแล้ว
ทวงเวลาให้ฝ่ายค้านจัดโทรทัศน์
ขณะที่สายวันที่ 18 มกราคม นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.อยุธยา นายคณวัฒน์ วิศินสังวร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายกมล บันไดเพชร ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ แกนนำพรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงข่าว
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ตอนนี้พรรคเพื่อไทยได้เปิดเว็บไซต์ ที่ชื่อ www. ptp.or.th โดยจะมีเนื้อหาสาระ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบทความต่างๆ หรือความเคลื่อนไหวของพรรค นอกจากนี้พรรคขอเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรี ที่เคยบอกว่ายินดีที่จะเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านได้จัดรายการวิทยุเช่นเดียวกับรายการของนายกฯจะเป็นวันเสาร์ หรืออาทิตย์ก็ได้ ดังนั้นขอให้รัฐบาลได้จัดสรรเวลาให้กับฝ่ายค้านด้วย ซึ่งขออย่ามีข้อแม้โดยบอกว่าจะต้องเป็นผู้นำฝ่ายค้านเท่านั้น วันนี้การเมืองควรต้องมีฝ่ายถ่วงดุลในการตรวจสอบอำนาจรัฐ ทั้งนี้ ในส่วนของฝ่ายค้านจะมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนคนจัดรายการแล้วแต่เนื้อหาสาระในช่วงขณะนั้น
แนะรัฐบาลทำแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ
นายคณวัฒน์ กล่าวว่า จากการที่นายกฯได้พูดถึงเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แต่มีประเด็นที่พรรคเพื่อไทยมีข้อห่วงใยและอยากเสนอแนะรัฐบาลเพื่อให้รัฐบาลจัดทำแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างเป็นระบบคือ 1. ขณะนี้รัฐบาลควรให้น้ำหนักกับการใช้มาตรการทางการเงินมากกว่ามาตรการทางการคลังเพื่อแก้ไขปัญหาสภาพคล่องในภาคการผลิต เนื่องจากธนาคารแห่งประเทศไทยได้ใช้นโยบายทางการเมืองที่ผ่อนคลายลง 2. สถานการณ์ขณะนี้ภายหลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทยให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการลดอัตราดอกเบี้ยพีอาร์ลงถึง 1.75 เปอร์เซ็นต์ มาอยู่ 2เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นการใช้มาตรการทางการเงินที่ผ่อนคลายลงอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาไม่ถึง 2 เดือน รัฐบาลอาจจะไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการทางการคลังในการจัดสรรงบประมาณกลางปีจำนวนมากถึง 1.15 แสนล้านบาท ดังนั้นเพื่อรักษากรอบวินัยการคลัง รัฐบาลควรจัดทำงบเท่าที่จำเป็น 3. ควรปรับปรุงการจัดสรรงบประมาณกลางปี2552 โดยเพิ่มสัดส่วนงบลงทุนให้สูงขึ้นจากเดิมที่มีอยู่เพียง 7,663 ล้านบาท โดยให้ความสำคัญกับโครงการลงทุนระยะไม่เกินหนึ่งปีเพื่อทำให้เกิดการจ้างงาน 4.รัฐบาลควรรักษากรอบวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัดและ5.รัฐบาลควรใช้มาตรการทางการเงินและการคลังให้เหมาะสมกับสถานการณ์
เย้ย 'มาร์ค' วิจารณ์ SML แต่อัดฉีด 2 เท่า
ด้าน ร.ต.ท.เชาวริน กล่าวว่า ตนยอมรับได้กับการจัดรายการของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และอยากให้นายกฯทำต่อไปเรื่อยๆซึ่งตนจะคอยติดตาม ทั้งนี้ อยากฝากไปถึงนายกด้วยว่าอย่ามองข้ามเกษตรกรที่เป็นชาวสวนผลไม้ด้วย ส่วนในกรณีที่นายอภิสิทธิ์พูดถึงเงิน SML ซึ่งก่อนหน้านั้นสมัยที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านมักจะวิพากษ์วิจารณ์ถึงนโยบาย SML ตลอด แต่มาวันนี้กลับเห็นด้วยกับโครงการดังกล่าวพร้อมทั้งจะช่วยอัดฉีดช่วยเหลือชุมชนเป็นสองเท่ามากกว่าสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เคยริเริ่มไว้อีก ซึ่งสิ่งที่นายอภิสิทธิ์กำลังทำเป็นการเดินตามนโยบายที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เคยทำไว้ เป็นการเดินตามนโยบายเดิมของพรรคไทยรักไทย
วิทยาพร้อมทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้าน
นายวิทยา กล่าวว่า วันนี้นักธุรกิจกำลังตื่นตะหนกกับวิธีคิดของนายกฯ ที่ใช้วิธีการแจกเงิน ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยให้เงินและโอกาสในการสร้างงานของประชาชน โดยจะใช้กลไกทางนิติบัญญัติให้เต็มที่
ต่อข้อถามว่าขณะนี้พรรคฝ่ายค้านยังไม่มีผู้นำฝ่ายค้าน นายวิทยา กล่าวว่า หากไม่มีใครรับเป็นผู้นำฝ่ายค้าน ตนก็ยินดีทำหน้าที่ วันนี้สถานภาพในพรรคเมื่อ กกต. ได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องพรรคพร้อมทำหน้าที่ตรงนี้
เมื่อถามว่าการพูดอย่างนี้เหมือนกับว่าประกาศรับผู้นำฝ่ายค้านอย่างเป็นทางการ นายวิทยา กล่าวว่า ตนบอกแล้วว่าถ้าไม่เชื่อมั่นถึงขนาดไม่มีใครตนจะทำให้ก็ได้ “กลัวกันจังเลยว่าทำงานไม่ได้เพราะไม่มีผู้นำฝ่ายค้าน มีคนพร้อมอยู่แล้วเพราะมีการแบ่งโครงสร้างการทำงานกันเรียบร้อยแล้ว”
เตือนนายกฯ โดนข้อหาละเว้นฯ
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหมือนกับว่าพรรคเพื่อไทยไม่พร้อมจะตรวจสอบฝ่ายนิติบัญญัติ นายวิทยา กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ทำอะไรเลย ถ้าอย่างนั้นมาตรวจสอบมาตรา 157 ก่อนเลย ที่ระบุว่า ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ทำไมรัฐบาลไม่เร่งไปเอาคนผิดมา ยังหาคนผิดไม่ได้เลย นายกฯจะโดนเรื่องนี้เรื่องแรก ไม่โดนเรื่องอื่น ต้องไปจับตัวพวกที่ไปปิดล้อมสนามบินสุวรรณภูมิที่ทำให้ประเทศเสียหาย เพราะในฐานะนายกฯ เป็นหัวหน้ารัฐบาลควรจะต้องไปเร่งรัดเพื่อให้ใครมาดำเนินการเรื่องนี้ ไปดูว่ามีความเสียหายเกิดขึ้นหรือไม่ภาคเอกชนฟ้องมาจำนวนเท่าไร สิ่งเหล่านี้หาค่ามิได้มันมีความเสียหายที่มากกว่าหลายแสนล้านบาทเกิดขึ้น ทั้งนี้ในส่วนของพรรคจะไปเร่งตรวจสอบว่ามีภาคเอกชนที่ฟ้องร้องมีจำนวนเท่าไร
นายวิทยา กล่าวว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทยตรวจสอบพบว่าเรื่องสปก.4-01 จะมีการซื้อที่เอกชนมาทำแทนที่จะไปแก้ปัญหาเรื่องที่ดินของรัฐ ที่ดินของรัฐ 3ล้านไร่เพิ่งสำรวจไปแค่1.5ล้านไร่เท่านั้น ส่วนการที่รัฐบาลระบุว่าที่ดินของรัฐไม่เพียงพอนั้นไม่ใช่ไม่พอเพราะการแก้ปัญหาที่ดินทำกินอย่าลืมว่าปัญหาของสปก.4-01คืออะไร นั่นคือจัดที่ดินทำกินให้คนยากจน ครั้งที่แล้วก็พลาดไปแจกให้คนรวย ดังนั้นอย่าไปซื้อที่ดินที่มีโฉนดแล้วไปแจกกับประชาชนมันเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องเพราะอาจจะเข้าข่ายไปซื้อที่ของพวกตัวเอง
เสื้อแดงป่วนนายกฯจัดรายการทีวี
เช้าวันเดียวกัน กลุ่มคนเสื้อแดงราว 30 คน ชุมนุมกันที่หน้าทำเนียบรัฐบาล บริเวณประตูทางเข้าที่ 4 ฝั่งตรงข้ามสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน(กพ.) พยายามใช้เครื่องขยายเสียงพูดโจมตีรัฐบาลระหว่างที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กำลังจัดรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์" โดยยังเน้นเรื่องการเข้ามาเป็นนายกฯแบบไม่ชอบธรรม พร้อมระบุว่าการจัดรายการครั้งนี้เป็นการหลอกลวงประชาชน และเป็นการซื้อเสียงล่วงหน้า
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่กองสวนไปพบซากอีเห็น น้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัม อยู่ด้านข้างห้องผู้สื่อข่าว โดยมีรอยกัดจากสัตว์ไม่ทราบชนิดและพบรอยลากเป็นทางยาว สันนิษฐานว่าเพิ่งตายไม่นานเพราะตัวยังไม่แข็ง ทั้งนี้อีเห็นเป็นสัตว์หายาก คาดว่าหลุดมาจากเขาดิน และตายก่อนถูกสัตว์อื่นลากเข้ามา
ลือลางร้ายอีเห็นตายคาทำเนียบ
เมื่อนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทราบเรื่อง ได้เดินลงมาดูซากอีเห็นเคราะห์ร้ายตัวดังกล่าว เมื่อผู้สื่อข่าวกระเซ้าว่าการที่สัตว์หายากอย่างอีเห็นมาตายในทำเนียบ ซึ่งเป็นครั้งแรกของการจัดรายการของนายอภิสิทธิ์ จะเป็นลางร้ายอะไรหรือไม่ นายสาทิตย์ ตอบเพียงสั้นๆก่อนรีบเดินขึ้นไปพบนายกรัฐมนตรีบนตึกไทยคู่ฟ้าว่า สิ่งร้ายผ่านไป สิ่งดีจะเข้ามา
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำซากอีเห็นออกไป ซึ่งกลุ่มข้าราชการและผู้สื่อข่าววิจารณ์กันว่าเป็นเรื่องแปลกและน่าจะเป็นลางไม่ดีสำหรับรัฐบาล เพราะก่อนหน้านี้หากเกิดสิ่งผิดปกติในทำเนียบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องตัวเงินตัวทองผสมพันธุ์กัน หรืออีกาตีกัน ก็มักเกิดเหตุไม่ดีกับรัฐบาลชุดที่ผ่านมา แต่เมื่อผู้สื่อข่าวนำเรื่องดังกล่าวไปสอบถามนายกรัฐมนตรี ก็ได้รับคำตอบว่า นายสาทิตย์รายงานให้ทราบแล้ว ซึ่งสงสัยว่าไม่รู้ว่ามาจากไหนเหมือนกัน ขณะที่ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวติดตลกว่า ไม่ใช่ว่าเสื้อแดงเอามาปล่อยนะ
นักวิชาการแนะต้องดูแลวินัยด้วย
ด้าน ผศ.ดร.วิบูลพงศ์ พูนประสิทธิ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนายกสมาคมอเมริกันศึกษา กล่าวว่าสิ่งที่จะต้องระมัดระวังอย่างยิ่งก็คือ นโยบายประชานิยมของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ จะต้องสอนให้ประชาชนมีระเบียบวินัยด้วยเนื่องจากมีบทเรียนในอดีตแล้วว่าการนำเงินไปหว่านให้ประชาชนจะมีบางส่วนนำเงินไปใช้อย่างผิดวิธี
ดังนั้นรัฐบาลควรเน้นให้ข้อมูลกับประชาชนว่าเงินที่นำลงไปอัดฉีดนั้นต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่านำไปใช้ผิดวิธีด้วยการก่อหนี้ เช่น ซื้อของใช้ฟุ่มเฟือย เพราะจะทำให้เกิดผลเสียในระยะยาว รวมทั้งรัฐบาลต้องปรับแนวคิดของคนในชนบทเรื่องการประกอบอาชีพหาเลี้ยงตัวเอง ซึ่งแนวคิดของคนเหล่านี้จะทำงานก็ต่อเมื่อเงินหมดโดยไม่มีการเก็บเงินไว้ใช้ในยามจำเป็น
“คนชนบทจะมีนิสัยอย่างหนึ่งคือได้เงินจากการทำงานมาก้อนหนึ่งจากนั้นก็จะหยุดทำงานแล้วไปใช้เงินจนกระทั่งเงินหมดแล้วก็กลับมาทำงานอีก โดยไม่ได้มีการปลูกฝังให้เก็บเงินเพื่อนำมาต่อยอดและสร้างตัวเองให้มั่นคง ถือเป็นเรื่องที่รัฐบาลควรจะเข้ามาดูแล”
รากหญ้าชี้ต้องตรวจสอบให้ดี
ด้าน นายวิรัตน์ ขอเพิ่มกลาง ประธานชุมชนกุดแคน - หัวถนน อ.เมือง จ.ชัยภูมิ เปิดเผยว่า ตามแนวทางรัฐบาลปัจจุบันที่หวังจะเพิ่มเงินงบประมาณเข้าระบบรากหญ้าให้มากขึ้นนั้น ขณะที่ทางคณะกรรมการชุมชนกุดแคน - หัวถนนจากปีงบประมาณ 2551 นี้ได้รับเงิน SML มา 350,000 บาท และในปี 2552 นี้จะได้รับมาเพิ่มขึ้นอีกเป็นกว่า 600,000 บาท
“การรับเงินมาดำเนินการแล้วไม่เกิดประโยชน์ต่อประชาชนโดยรวมเงินงบประมาณแผ่นดินก็เสียเปล่า ซึ่งไม่ใช่ให้เงินมาเพื่อกระตุ้นกระจุกอยู่ในกระเป๋าคนบางกลุ่ม เพราะได้มีการ้องเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาตลอดก็ยังไม่เกิดอะไรขึ้น
ขอเรียกร้องถึงรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ที่จะเน้นเพิ่มเงินเข้าระบบรากหญ้ามากขึ้น แต่ไม่มีกระบวนการตรวจสอบที่ดี และให้ถึงมือชาวบ้านจริงๆ นโยบายก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร" นายวิรัตน์ กล่าว