ที่มา ไทยรัฐ
แปลกใจว่า แทนที่จะขับไล่ทักษิณออกจากประเทศไทยไปแล้ว ประเทศไทย จะดีขึ้น กลับแย่ลงทั้งเศรษฐกิจ การเมืองและสังคม มีความแตกต่างที่เห็นชัด เพราะฉะนั้นยิ่งจะดิ้นล้มคนคนเดียว มากขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งจะทำให้ประเทศไทยเข้าใกล้คำว่าหายนะเข้าไปทุกที
การวิพากษ์วิจารณ์อะไรตรงไปตรงมา แม้จะมีเหตุผลมีการพิสูจน์ได้ด้วยข้อเท็จจริง แต่กลับถูกมองว่าเป็นข้างโน้นข้างนี้ จะต้องเข้าข้างใดข้างหนึ่ง จะต้องประจบสอพลอ ถึงจะเป็นคนดี ถ้าเข้าข้างนั้นก็จะเป็นถูก ถ้าเข้าข้างนี้เป็นคนเลว
ปัญหาเลยเกินเยียวยา
ความนิยมในตัวผู้นำประเทศไหนก็มีกันทั้งนั้น แต่ไม่ใช่ ผูกขาด ทำดีคะแนนนิยมก็ขึ้น ดำเนินนโยบายผิดพลาดคะแนนก็ตก เช่นเดียวกัน ความรักชาติก็ไม่ใช่ว่า จะต้องใส่เสื้อสีนี้จึงจะรักชาติ ใส่เสื้อสีนั้นจะต้องไม่รักชาติ ถ้าคนกลุ่มนี้ถึงจะรักชาติ คนกลุ่มโน้นไม่รักชาติ
พยายามจะผูกขาดความรักชาติเอาไว้คนเดียว
ถ้าติดตามข้อเขียนผมมาโดยตลอดจะเข้าใจสิ่งเหล่านี้ ผมเคยดักคอว่า ระวังระบบการเมืองจะพัง ระวังกลไกประเทศจะเดินไม่ได้ ระวังจะตกเป็นเหยื่อ ซึ่งจะมีแต่การต่อรองเรื่องของผลประโยชน์ การเมืองจะอ่อนแอ ยึดประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าประโยชน์ประชาชน
วันนี้สถานการณ์กำลังเป็นอย่างนั้นจริงๆ สภาล่มแล้วล่มอีก ส.ส.-ส.ว.แบ่งข้างอยู่กันอย่างศัตรูคู่อาฆาต ไม่ใช่ตัวแทนประชาชนอีกต่อไป แต่เป็นตัวแทนขั้วอำนาจ เพราะฉะนั้น บรรยากาศการประชุมในสภา จึงไม่ใช่การทำหน้าที่ของตัวแทนประชาชน ต่อไปนี้จะมีการถ่ายทอดสดการประชุมสภาก็ควรจะมีการจัดเรตติ้ง มีคำเตือนสำหรับเด็กและเยาวชน ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
ประเทศไทยจะอยู่กันอย่างไร
ไปกันน้ำขุ่นๆเหมือนใกล้จะเสียกรุง มีอะไรก็รีบฉกฉวยเอาเป็นของตัวเอง ในยามที่เกิดวิกฤติสองเด้งสามเด้งอย่างนี้ ยังมีการเสนอขึ้นเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งของ ส.ส.และ ส.ว.กันหน้าตาเฉย
พฤติกรรมปัจจุบันควรจะขอขึ้นเงินเดือนตัวเองหรือไม่ อย่างไร ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณ จะผลาญงบประมาณกันอย่างไร จะกู้ยืมเงินมาอย่างไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ และกลับทำให้เครดิตประเทศลดลง ก็ว่ากันตามสะดวก
แต่ระบอบการปกครองประเทศที่ล้มเหลว เป็นแก่นแท้ของปัญหา ไม่มีใครฟังใคร ไม่มีกรรมการ ไม่มีผู้ใหญ่ ไม่มีเด็ก มือใครยาวสาวได้สาวเอา ผมเคยพูดไว้นานแล้วว่า จะสิ้นชาติ และวันนี้กำลังเดินไปสู่หนทางนั้น จะร้องเพลงชาติไทยยังคนละคีย์ ศัตรูประชิดทุกด้าน
ระวังจะสิ้นชาติจริงๆ.
หมัดเหล็ก