WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, December 8, 2008

การเมืองชักเย่อ

ที่มา thaifreenews

บทความ โดย ปูนนก

สมัยเด็กจะเคยเล่นการเล่นท้องถิ่นชนิดหนึ่งก็คือเล่น ชักเย่อ และเชื่อว่าทุกคนคงรู้จักการเล่นชนิดนี้ จะว่าไปก็สนุกดีถ้าจำนวนคนและพละกำลังของทั้งสองฝ่ายที่คอยดึงเชือกที่ปริมาณเท่า ๆ กัน เพราะจะยื้อยุดกันไปมาระหว่างเชือกเส้นเดียวกันเพื่อเอาชัยชนะต่ออีกฝ่ายหนึ่งให้ได้ เชือกเป็นอุปกรณ์สำคัญในการเล่น ชักเย่อ นี้ และต้องเป็นเชือกที่มีความแข็งแรงและคงทนพอสมควรเพื่อมิให้การดึงเชือกไปมาระหว่างทั้งสองฝ่ายนั้น ทำให้เชือกขาดกลางไปเสียก่อน

หลังจากการพักรบในสนามรบนอกเวที โดยที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคการเมืองพร้อม ๆ กันทั้ง 3 พรรคทำให้รัฐบาลนายกสมชาย วงศ์สวัสดิ์ สิ้นสภาพไป และม๊อบ พธม. ก็ประกาศยุติการยึดครองสนามบินและสถานที่ทุกแห่ง (พร้อมทั้งมีข้อกล่าวหาการก่อการร้ายสากลติดตัวไปด้วย) ทำให้สนามรบได้ย้ายจากเวทีกลางถนนไปอยู่ในรัฐสภาแทน เป็นการต่อสู้กันทางข้อกฎหมายและการตีความรัฐธรรมนูญ เป็นการต่อสู้ในทางสภาเพื่อสรรหาตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่ และรัฐบาลใหม่ในการบริหารประเทศ

พรรคร่วมรัฐบาลที่ประกอบด้วย พรรคพลังประชาชน, พรรคชาติไทย, พรรคมัฌชิมาธิปไตย, พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา, พรรคเพื่อแผ่นดิน, และพรรคประชาราช ทั้ง 6 พรรคนี้ต่างก็ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่จะมีขึ้นในขณะนี้ คงไม่ต้องพูดถึงพรรคพลังประชาชน, พรรคชาติไทย, พรรคมัฌชิมาธิปไตย ที่ถูกยุบพรรคไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งทำให้ ส.ส. ของพรรคต่างก็ต้องแตกกระจายออกไปเพื่อสังกัดพรรคใหม่ภายใน 60 วัน ตามรัฐธรรมนูญ

ถ้ามองการเมืองด้วยใจเป็นธรรมอย่างยิ่งแล้ว ก็คงจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การล้มรัฐบาลนายกสมัคร สุนทรเวช และนายกสมชาย วงศ์สวัสดิ์ที่ผ่านมาภายในระยะเวลาไม่ถึงปีนี้ เกิดขึ้นจากผลงานของสิ่งที่เรียกว่า ตุลาการภิวัฒน์ โดยมีกลุ่ม พธม. และ พรรคประชาธิปัตย์ เป็นแนวร่วมและแรงผลักดันสำคัญ รัฐบาลทั้งสองรัฐบาลที่ผ่านมาไม่สามารถบริหารราชการแผ่นดินให้เป็นไปอย่างราบรื่นได้ ด้วยการขัดขวางของ พธม. และการใช้เกมส์การเมืองในการตีความรัฐธรรมนูญอย่างจับผิดในทุกการเคลื่อนไหวของ พรรคประชาธิปัตย์ และ สว. สรรหา บางส่วน

ด้วยเหตุที่ว่า เผด็จการอมาตยาธิปไตย ต้องการอย่างยิ่งที่จะให้ได้มาซึ่งอำนาจรัฐในการปกครองประเทศตามรัฐธรรมนูญ แต่ที่ผ่านมาก็เป็นที่ทราบกันอย่างชัดเจนหลายปีมาแล้วว่า ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศต่างก็ไม่ต้องการให้พรรคที่เป็นร่างทรงของอมาตย์ ซึ่งก็คือ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ขึ้นมาเป็นรัฐบาล ซึ่งเห็นได้จากการเลือกตั้งที่ผ่านมา 3 4 ครั้งหลังสุด พรรคประชาธิปัตย์พ่ายแพ้อย่างหมดรูป ดังนั้นอมาตยาธิปไตยโดยอาศัยอำนาจนอกรัฐธรรมนูญ จึงใช้เลห์เพทุบายทุกวิธีในการล้มรัฐบาลที่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศเลือกมาให้จงได้ และพยายามที่จะทำลายโครงสร้างการรวมตัวกันอย่างเข้มแข็งของประชาชน (พรรคการเมือง) ลงอย่างสิ้นเชิงเพื่อที่จะไม่ให้เหลือเอาไว้ในการแข่งขันหรือต่อสู้กับ พรรคของอมาตย์ต่อไป

ขณะนี้ยังไม่มีพระราชกฤษฎีกา ให้เปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อเลือกสรรตัวนายกรัฐมนตรี แต่ก็มีกระแสข่าวมากมายออกมาทางสื่อต่าง ๆ ว่า มีการพยายามจับขั้วทางการเมืองกันอย่างเข้มข้นเพื่อที่จะได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ โดยมีขั้วการเมืองที่แยกชัดเจนอยู่สองขั้วคือ ขั้วของพรรคเพื่อไทย (พรรคพลังประชาชนเดิม) กับขั้วของพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งมีเสียงในสภาอยู่เพียงแค่ 165 เสียงนั้น มีข่าวลือหนาหูว่าถึงกับทุ่มทุนซื้อตัว ส.ส. จากพรรคอื่นที่แตกออกมาด้วยจำนวนเงินสูงถึงคละ 40 ล้านบาท เพราะจะต้องมีเสียงของ ส.ส. ในมือให้ได้มากถึง 224 เสียง นั่นก็หมายความว่าจะต้องได้ ส.ส. เพิ่มขึ้นมาอีกถึง 39 เสียงเป็นอย่างน้อย

ส.ส. นั้นมาจากคำว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งโดยปกติจะได้รับตำแหน่งนี้ก็ต่อเมื่อผ่านการเลือกตั้งมาจากประชาชนเมื่อมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วประเทศ พูดง่าย ๆ ก็คือ ประชาชนเป็นผู้ให้เกียรติอันนี้ ประชาชนผู้หย่อนบัตรลงคะแนนเลือกตั้งเป็นผู้กำหนดว่า ใคร ควรจะได้ตำแหน่ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้ทรงเกียรติ นี้ และจากเหตุการณ์วิกฤตทางการเมืองที่ผ่านมา ประชาชนทั้งชาติในประเทศไทยต่างก็ได้รับรู้ ได้เห็นอย่างแจ่มแจ้งและลึกซึ้งว่า ใครบ้างที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังและสนับสนุนให้กลุ่มนอกกฎหมายเหล่านี้ออกมาทำลายชาติ และเศรษฐกิจของไทยให้ย่อยยับลงไปกับมือ โดยที่กฎหมายไม่สามารถทำอะไรได้เลย

ภาพที่ปรากฏทางสื่อทุกเมื่อเชื่อวัน แสดงให้เห็นถึงความเลวร้ายของอำนาจนอกระบบที่กดขี่คนไทยทั้งชาติ โดยที่กฎหมาย และผู้รักษากฎหมายไม่สามารถทำอะไรได้เลย แม้คำสั่งศาล ก็ไร้ความหมายสำหรับกลุ่มนอกกฎหมายเหล่านี้ และกลุ่มเหล่านี้แหละที่เป็นกระบวนการเดียวกันอย่างปฏิเสธไม่ได้สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ เพราะได้ส่ง ส.ส. ของตัวเอง คือ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ไปร่วมชุมนุมตั้งแต่ต้น ซึ่งที่จริงน่าจะเรียกว่า พรรคเพื่อพันธมิตร มากกว่า

ประเด็นเวลานี้ก็คือ ส.ส. ที่จะโหวตเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีที่จะมีขึ้นนี้ ต่างก็มีอิสระที่จะสามารถโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องขึ้นต่อมติพรรค และ ส.ส. ทุกคนก็ทราบดีว่า เมื่อจะเข้ามาทำงานการเมือง ศรัทธาที่ประชาชนมีให้นั้นเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด และท่ามกลางกระแสความสนใจการเมืองของประชาชนที่เชี่ยวกรากขนาดนี้ การที่นักการเมืองคนใดจะทำตัวสวนกระแสความต้องการของประชาชนนั้นก็คือ การฆ่าตัวตายของอนาคตทางการเมือง ดี ๆ นีึ่เอง

เวลานี้ ใครต่อใครก็พยายามดึงตัว ส.ส. ให้เข้ามาในสังกัดของตัวเองให้ได้มากที่สุด เพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี โดยแต่ละฝ่ายก็ทุ่มเทกำลังภายในสุดกำลังเพื่อให้ขั้วของตัวเองได้เสียงพอในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เหมือนเกมส์ชักเย่อ ที่พยายามดึงกันไปดึงกันมาเพื่อให้ฝ่ายตัวเองได้รับชัยชนะ ในฐานะประชาชนธรรมดาที่เฝ้่าติดตามการเมืองและคอยให้การสนับสนุนนั้น สิ่งที่ทำได้ก็คือ

  1. ประชาชนที่สนับสนุนพรรคการเมืองและฝ่ายประชาธิปไตย ต้องพยายามสื่อและแสดงให้ ส.ส.ในจังหวัดของตนได้รับรู้ถึงความต้องการของประชาชนในท้องถิ่นว่าต้องการสิ่งใด เพราะ ส.ส. ย่อมต้องฟังเสียงประชาชนอยู่แล้ว
  2. ในฐานะประชาชนผู้ปกป้องผลประโยชน์ของชาติ จะต้องรวบรวมหลักฐานการเกี่ยวพันกันอย่างเหนียวแน่นระหว่าง พรรคประชาธิปัตย์, กองทัพ, ศาล, และผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ ที่มีต่อ พธม. เพื่อแสดงว่ากลุ่มคนเหล่านี้เกี่ยวข้องกัน และเข้ามามีบทบาทในการทำลายประชาธิปไตยอย่างไร จากนั้นก็นำหลักฐานเหล่านั้นไปยื่นต่อ UN เพื่อฟ้องในฐานะ “ผู้ก่อการร้ายสากล ร่วมกับนายแพทย์เหวง โตจิราการ เพื่อให้องค์กรระหว่างประเทศยื่นมือเข้ามามีบทบาทในการกดดัน กลุ่มผู้มีอิทธิพลนอกรัฐธรรมนูญให้เคารพกติกาสากล
  3. ถ้าท่านเลือกที่จะอยู่ฝ่ายประชาธิปไตยที่เคารพกติกาสากล การชุนมุมของคนเสื้อแดงก็คือสิ่งที่ท่านควรทำ เพื่อร่วมกันแสดงพลังให้นานาชาติและคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศได้รับทราบถึงความต้องการของคนไทยที่เป็นชาวรากหญ้าจำนวนมาก ดังนั้นการชุมนุมในวันที่ 13 ธันวาคม ที่จะถึงนี้ที่สนามศุภชลาศัย จึงขอให้ทุกท่านออกไปร่วมชุมนุมกันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยยังต้องดำเนินต่อไปอีก สงครามยังไม่จบเร็วนักดังนั้นพี่น้องทุกท่านยึดมั่นในหลักการและยุทธศาสตร์การต่อสู้ให้มั่นคงต่อไป อย่าเพิ่งท้อถอย ประชาธิปไตยรอเวลาได้ครับ แต่เผด็จการอมาตยาธิปไตยรอเวลาไม่ได้ การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอาจจะแพ้ได้หลายสมรภูมิก็ไม่เป็นไร แต่ในที่สุดแล้วถ้าประชาธิปไตยชนะเพียงครั้งเดียว อมาตยธิปไตยจะแพ้ทั้งสงคราม

ปูนนก