ที่มา ประชาทรรศน์
"ในหลวง" ทรงลงพระปรมาภิไธยแต่งตั้งนายกฯคนที่ 27 "อภิสิทธิ์"เปิดใจภารกิจแรกยุติศึกเหลือง-แดง กร้าวใครที่คิดร้ายต่อบ้านเมืองถือเป็นศัตรู ประกาศสานต่อโครงการรักษาฟรี กองทุนชุมชน ยืนยันรับฟังทุกเสียงของประชาชน
วันนี้ (17 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เดินทางเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อนำรายชื่อนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการแล้ว หลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงลงพระปรมาภิไธย แต่งตั้ง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ คนที่ 27 แล้ว
ด้าน นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับพระบรมราชโองการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ว่า รู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกฯ ตนสำนึกเสมอว่า เกิดมาเป็นข้าแผ่นดินต้องสนองคุณแผ่นดิน สำนึกตลอดว่า แผ่นดินร่วมเย็นตลอดมาเพราะพระบารมี ขอยืนยันตรงนี้ในฐานะนายกรัฐมนตรี ยืนยันรัฐบาลที่ตนเป็นผู้นำจะปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์"ฃ
"ขอบคุณเพื่อนสมาชิกในสภาฯ พี่น้องประชาชนที่ให้กำลังใจทำให้ตนมายืนตรงนี้ได้ อย่างไรก็ตาม ทราบดีถึงสถานการณ์การเมืองที่ไม่ปกติ หรือเรียกว่าเป็นสถานการณ์วิกฤต แต่เมื่อเป็นนักการเมืองในวิถีทางประชาธิปไตย เมื่ออาสาสมัครมาทำงานแล้วจะไม่หนีปัญหา หรือปฏิเสธความรับผิดชอบ เมื่อเสียงส่วนใหญ่สนับสนุนตนมาตามวิถีทางประชาธิปไตยและตามกระบวนการรัฐสภา"
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า หน้าที่เบื้องต้นคือการยุติการเมืองที่ล้มเหลว การเมืองที่ล้มเหลวคือต้นเหตุความชัดแย้ง ส่งผลให้การแบ่งฝ่าย แบ่งภาค แบ่งสีเกิดขึ้น การขจัดการเมืองที่ล้มเหลวคือการนำความสมัครสมานสามัคคีคืนมา อาศัยความยุติธรรม เป็นรัฐบาลภายใต้การนำนิติธรรม นิติรัฐ บังคับใช้กฎหมายเสมอภาพ อย่างไรก็ตาม ยืนยันทำงานให้คนไทยทุกคน ไม่ว่าเลือกหรือไม่เลือกตน ไม่ว่าสนับสนุนหรือไม่ หากท่านไม่คิดร้ายต่อบ้านเมือง ก็ไม่ถือเป็นศัตรู งานใดเป็นประโยชน์แม้เป็นของรัฐบาลก่อน ก็จะไม่ทิ้ง สานต่อ ไม่ว่าโครงการรักษาฟรี กองทุนในชุมชนต่างๆ
"ทราบดีว่า ปัญหาเร่งด่วนในใจประชาชนคือปัญหาเศรษฐกิจ การฟื้นฟูเศรษฐกิจจึงเป็นงานสำคัญ ตั้งใจดูแลเกษตรกรเต็มที่ ไม่ให้รับผลกระทบจากราคาพืชผลตกต่ำ ส่วนประชาชนนอกภาคเกษตรจะมีงานทำรายได้และโอกาส จะทำทุกวิถีทางเพื่อลดภาระค่าครองชีพ ตามแนวทางวาระประชาชน ทันทีที่แถลงนโยบายต่อสภา จะนำเสนอแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ครอบคลุมทุกสาขา"
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกัน แม้ว่าบ้านเมืองจะมีวิกฤตอย่างไร เราจำเป็นต้องแก้ปัญหาระยะยาวด้วย ไม่ปล่อยให้ปัญหาหมักหมมหรือตกค้าง โดยเฉพาะงานศึกษา ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนค้มค่าสุดของประเทศ รวมถึงโครงการพื้นฐานต่างๆ เช่น พัฒนาแหล่งน้ำ ถนน การคมนาคม การสื่อสาร อินเตอร์เน็ต พลังงานทดแทน ไม่เพียงแต่อยากให้เราฝ่าวิกฤตหรือแข่งขันประเทศอื่น แต่อยากเห็นประเทศไทยเป็นต้นแบบพัฒนาตามประชาธิปไตยที่มีคุณภาพยั่งยืน นอกจากนี้ ตนกำลังจะดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน อยากให้เพื่อนอาเซียนมั่นใจการนำของเรา ในฐานะประธานการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่จะมีเร็วที่สุด
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า ในฐานะนักการเมืองอาชีพ ตนได้รับโอกาสสูงสุด จากประชาชนตามวิถีทางประชาธิปไตยอยู่ในการเมืองมา 16 ปี เป็นผู้แทน 7 สมัย เคยเป็นรัฐมนตรี ผู้นำฝ่ายค้านในสภา ปัจจุบันตำแหน่งหัวหน้าพรรคการเมือง ความรู้ประสบการณ์ทั้งหมดจะนำมาใช้บนพื้นฐานความซื่อสัตย์เพื่อส่วนร่วม ยืนยันจะไม่ละทิ้งอุดมกรณ์การทำงาน และปล่อยสิ่งเหล่านั้นให้สูญหายกับการใช้อำนาจ หลือปล่อยสิ่งไม่ดีเกิดขึ้นในบ้านเมือง
"ผมไม่ลืมพี่น้อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ลืมว่าความใฝ่ฝันของพี่น้อง คือความสันติสุข ความสงบสุขที่รอคอยคือความสุขของท่าน ผมไม่ลืมพี่น้องชาวเหนือเมื่อครั้งที่มีโอกาสไปเยี่ยมเยียนหลายคครั้งในยามทุกข์ ยามสุข ที่ประสบภัยพิบัติหลายครั้ง และยังจำได้ว่ามีเด็กหนุ่มคนหนึ่งวิ่งตามรถแห่หาเสียงตะโกนบอกว่าอยากฝากบ้านเมืองให้ผมดูแล ส่วนพี่น้องชาวอีสาน ผมได้ทราบทุกข์สุขของท่าน ไม่ลืมวันที่ปั้นข้าวเหนียวที่ไร่มันสัมปะหลังและอดที่จะเอ่ยถึงไม่ได้ คือคุณนายเนียน ที่ อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี ที่ได้มอบแหวนวงนี้(ชูแหวน)ให้ผม และได้หมั้นผมกับคนอีสานไว้แล้ว วันนี้ผมได้ทำงานให้คนอีสานของท่านและจะทำงานร่วมกับท่านด้วยความซื่อสัตย์"
นายอภิสิทธิ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า เห็นว่าคนหนึ่งคนไม่สามารถแก้ไขทำให้คนรักตน เห็นด้วยหรือสนับสนุนตนได้ทุกคน แต่ยืนยันว่า จะฟังเสียงทุกคน ทำงานให้ทุกคน ทำงานของผมพิสูจน์ความตั้งใจทำงานให้กับพี่น้องประชาชนทุกคนนและพิสูจน์ทุกอย่าง