ที่มา Thai E-News
by Hamish McDonald Asia-Pacific Editor
The Sydney Morning Herald
December 16,2008
แปลเป็นไทยโดยคุณ bbb
สถาบันถูกทำลายโดยชนชั้นสูง
บทวิเคราะห์
การเลือกตั้งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้ถูกเสนอชื่อจากพรรคฝ่ายค้านมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทยเมื่อวานนี้เป็นเครื่องหมายชัยชนะของชนชั้นสูงของประเทศ ที่โบกสะบัดสีของราชวงศ์ในระหว่างการต่อสู้เพื่อได้มาซึ่งอำนาจ ด้วยวิธีทำให้บ้านเมืองปั่นป่วนวุ่นวาย
การต่อสู้ของพวกเขานั้นทำเพื่อที่จะรักษาไว้ซึ่งสถาบันอันเป็นที่เคารพของประเทศซึ่งมีกษัตริย์ภูมิพล อดุลยเดชเป็นสัญลักษณ์ จากแผนการแย่งชิงอำนาจจากนักธุรกิจผู้ทรงอิทธิพลที่กำลังลี้ภัยและเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร
แต่เมื่อมองกลับไปถึงการเคลื่อนไหวต่างๆ โดยกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าขวาจัด (Royalist) ใน 3 ปีที่ผ่านมา นักประวัติศาสตร์ในอนาคตอาจจะลงความเห็นว่าพวกเขาทำลายหรือไม่ก็เกือบจะทำลายสถาบันกษัตริย์เพื่อที่จะปกป้องมันไว้
เวชชาชีวะซึ่งเป็นผลพลอยจาก Etonและ Oxford เป็นหนึ่งในพวกผู้ดีไทยที่จบจาก "โรงเรียนเก่าแก่" ซึ่งจะโน้มน้าวคนนอกว่าทุกอย่างกำลังเข้าที่เข้าทาง แต่รากฐานของระบอบการเมืองไทยกำลังสั่นคลอน
ทักษิณไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีเลิศของความดีมีศีลธรรม เขารวยเป็นพันล้านมาจากการเล่นเกมส์สัมปทานของรัฐ และใช้เงินบางส่วนนั้นในการติดสินบนคนยากจนในชนบท ในระหว่างที่เขาเป็นผู้นำรัฐบาลก็ได้ลดอำนาจสถาบันที่ตรวจสอบการใช้อำนาจไม่ถูกต้อง เขาอนุญาตให้อดีตตำรวจฆ่าตัดตอนผู้ค้ายาเสพติดและสนับสนุนการจัดการอย่างเข้มงวดต่อความไม่สงบของชาวมุสลิมในภาคใต้ถึงขั้นที่ว่าชาวมาเลย์นั้นอาจไม่ยอมรับการปกครองจากกรุงเทพอีกเลยก็ได้
แต่ถึงกระนั้นเขาก็ได้รับการเลือกตั้งอีกครั้ง และหลังจากที่เขาถูกเด้งออกจากตำแหน่งโดยกองทัพไทยเมื่อปี 2006 และหนีไปอยู่ต่างประเทศหลังจากถูกข้อกล่าวหาคอร์รัปชั่น ตัวแทนของเขาก็ยังได้รับเลือกตั้งอีกหนในเดือนธันวาคม 2007 และถึงแม้ว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์โดยการตัดสินที่น่าแคลงใจของศาล ตัวแทนของเขาเหล่านั้นคงจะได้รับชัยชนะต่อไปเมื่อไหร่ก็ตามที่มีการลงคะแนนอีก
การดำเนินการกำจัดทักษิณให้ออกจากอำนาจและไม่ให้กลับมานั้นได้ทำลายอำนาจอื่นๆของไทยทั้งหมด: ตุลาการ, ทหาร และสถาบันพระมหากษัตริย์
ทหารสั่นคลอนเพราะหลังจากหลังจากยึดอำนาจในปี 2006 เพราะพวกเขาแสดงให้เห็นว่าไม่สามารถที่จะขับเคลื่อนประเทศที่เป็นกึ่งอุตสาหกรรมและมีเศรษฐกิจที่เปิด
ตุลาการสั่นคลอนเพราะเข้มงวดอย่างไร้เหตุผลกับฝ่ายทักษิณ – เช่นการตัดสิทธิ์ตัวแทนคนแรกที่มาจากการเลือกตั้ง สมัคร สุนทรเวชจากการทำรายการทำกับข้าว แต่ในขณะเดียวกันก็อนุญาตให้อีกฝ่ายยึดทำเนียบรัฐบาล
ส่วนสถาบันนั้นสั่นคลอนเพราะยอมรับการเมืองข้างถนนของกลุ่มที่เรียกตัวเองผิดๆว่าพันธมิตรเพื่อประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งต้องการส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้งแค่ 30% ในสภาและให้กองทัพสามารถที่จะมีอำนาจมาแทรกแซงรัฐบาลที่ถูกมองว่าไม่สะอาดหรือบริหารไม่ดี
กษัตริย์ภูมิพลไม่ได้ออกมาคัดค้านการใช้สีเหลืองของกลุ่มพันธมิตรตลอดเวลาที่โอบล้อมกรุงเทพและต่อมายึดสนามบิน 2 แห่งรวมถึงการปล้นสะดมและการใช้อาวุธที่ร้ายแรงมากขึ้น และเมื่อหนึ่งในผู้ประท้วงเสียชีวิต จากการระเบิดของแก๊สน้ำตา พระราชินีก็ได้เสด็จไปงานศพของเธอและทรงเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด และการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างผู้พิพากษาที่หลุดออกมาก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขาดำเนินการโดยได้รับสัญญาณจากทางราชวงศ์เพื่อยุบพรรคของทักษิณ
ครูชาวออสเตรเลียที่ไม่มีใครรู้จัก และเป็นนักเขียนที่เขียนให้กับหนังสือพิมพ์กรีก Neo Kosmos ชื่อ Harry Nicolaides อายุ 41 ปี ได้ถูกจำคุกตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม ด้วยข้อหาที่ร้ายแรงของไทยคือ หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ (les majeste) :ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุดถึง 15 ปี ในปี 2005 เขาได้เขียนไว้ว่า
(เซ็นเซอร์)
ซึ่งไม่เป็นการฉลาดเลยสำหรับใครก็ตามที่ต้องการมาเยือนประเทศไทย แต่มันก็แค่หนังสือนวนิยายที่ตีพิมพ์โดยส่วนตัวแค่ 50 เล่ม และขายได้เพียงแค่ 7 เล่ม
ผู้ปกป้องสถาบันทั้งหลายควรจะกลับไปมองผลเสียหายซึ่งได้กระทำขึ้นเอง และควรเตรียมหาวิธีที่จะทำให้องค์รัชทายาท Prince Vajiralongkorn นำทิศทางของสถาบันให้มีความมั่นคงอย่างมีดุลยภาพกับระบอบประชาธิปไตยมากกว่า