ที่มา ประชาทรรศน์
คอลัมน์ : ละครชีวิต
โดย ลวดหนาม
หลังจากพยายามกันมาตั้งแต่หลังเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ในที่สุด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีสมดังตั้งใจ
ผมขอแสดงความยินดีด้วยความจริงใจ แต่ก็ไม่รู้นะครับว่า เจ้าตัวจะรู้สึกภาคภูมิใจกับตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีคนที่ 27 มากน้อยแค่ไหน
แต่เอาเท่าที่ไปได้ยินได้ฟังมา ประชาชนเขาด่ากันทั่วซอยว่า “ไร้ศักดิ์ศรี” ปล้นอำนาจประชาชน ได้ยินมาแทบหูชา
ประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อำนาจอยู่ในมือประชาชน หากรัฐบาลไหนมีประชาชนนิยมชมชอบมากก็อยู่ได้นาน
แต่ในเมืองไทย อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้เสมอ เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างเป็นกระบวนการ แต่ผมมิอาจเขียนให้ใครต่อใครทราบ เพราะมันซับซ้อนเกินกว่าที่เราจะเข้าใจ
บอกตามตรงว่ารู้สึกแย่ ในฐานะที่ร่วมต่อสู้กับ “เผด็จการ” ยืนหยัดรักษาประชาธิปไตย และยิ่งได้ยินเสียงประชาชนทั้งประเทศช่วยกันด่าเผด็จการ ก็ยิ่งทำให้รู้สึกแย่เข้าไปอีก
เพราะไม่รู้ว่าต่อไปนี้ ประเทศไทยจะเกิดอะไรขึ้น ในเมื่อไม่มีการยอมรับฟังเสียงประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ
ผมเชื่อแน่ว่า “คนเสื้อแดง” ไม่มีทางยอมรับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์แน่นอน เพราะคนในฝั่งพรรคประชาธิปัตย์ไม่ค่อยมีมือบริหารที่มีวิสัยทัศน์
ดังนั้น ผมจึงไม่ค่อยมั่นใจ ประชาธิปัตย์ ที่เขียนแบบนี้เพราะหากย้อนกลับไปดูข้อเขียนของผม เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ที่เขียนถึงงานระดมทุนใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ “เชื่อมั่นประเทศไทย มั่นใจประชาธิปัตย์” ที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี
ผมเคยเขียนด่าพรรคประชาธิปัตย์ไว้ และในวันนี้ก็จะยังคงด่าต่อไป ไม่ได้กลืนน้ำลายเหมือนที่ท่านผู้อ่านเขียนจดหมายเข้ามาด่าสารพัด
นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ของไทยคาดการณ์ถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2552 ที่จะได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกอย่างเต็มๆ
มีการคาดการณ์ว่า ในปีหน้าการส่งออกของไทยจะลดลง มีอัตราการเติบโตไม่เกิน 10% ผู้ประกอบการหลายๆ รายอาจต้องปิดกิจการลง เนื่องจากไม่สามารถทนฝ่า “มรสุมทางเศรษฐกิจ” ในครั้งนี้ไปได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันที่ธุรกิจส่วนใหญ่ของไทยจะเป็นธุรกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่สายป่านไม่ยาวไกลเหมือนบริษัทใหญ่ๆ ซึ่งผู้ประกอบการที่เป็นธุรกิจเอสเอ็มอี ก็คงหนีไม่พ้นผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจในครั้งนี้
นอกจากนี้ สภาเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ระบุว่า ในปี 2552 จะมีคนว่างงานกว่า 2 ล้านคน ซึ่งในจำนวนนี้จะรวมบัณฑิตที่จบการศึกษาในต้นปี 2552 ประมาณ 7 แสนคน
ทั้งหมดนี้คือปัญหาเพียงบางส่วนที่คนไทยต้องเผชิญในปีหน้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล มี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี
คนจน คนรากหญ้า ชาวไร่ชาวนาจะลืมตา อ้าปากได้มากน้อยแค่ไหน เพราะจากประสบการณ์ในอดีตพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยใส่ใจปัญหาคนจนเลย
ดังนั้นขอให้ “คนเสื้อแดง” ช่วยกันจับตารัฐบาลนายอภิสิทธิ์ให้ดี หากบริหารประเทศจนล่มจมก็ต้องช่วยกันให้รางวัลกับพวกเขา ในฐานะตัวแทนของประชาชน!