WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, December 18, 2008

ความไม่โปร่งใสของมาร์คเกี่ยวกับการเกณฑ์ทหาร

ที่มา thaifreenews

ความไม่โปร่งใสของมาร์คเกี่ยวกับการเกณฑ์ทหาร

จดหมายเปิดผนึกถึงพรรคประชาธิปัตย์

20 มิ.ย.2550

เรื่อง ถามหาความชอบธรรมของผู้ที่จะเป็นหัวหน้ารัฐบาลจากหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

เรียน นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์

ด้วยปรากฏหลักฐานเป็นที่แน่ชัดว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในปัจจุบัน มีพฤติการณ์ปรากฏชัดว่า หลีกเลี่ยง ขัดขืน ไม่ไปแสดงตนเพื่อเข้ารับการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ากองประจำการ ตามที่แผนกสัสดี เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร กำหนดเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2530

การกระทำและพฤติการณ์ของนายอภิสิทธิ์ในครั้งนั้น ได้ปรากฏหลักฐานทางราชการที่บันทึกเป็นข้อความลับ ด่วนมาก ที่ คห.0421/547 ลงวันที่ 16 เมษายน พ.ศ.2542 เรื่องการตรวจสอบเอกสารการบรรจุนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เข้ารับราชการทหารที่โรงเรียนนายร้อย จปร. ที่ลงนามโดย พล.อ.ชาญ บุญประเสริฐ เสนาธิการทหารบก ทำการแทนผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น

การตรวจสอบเอกสารดังกล่าวนี้ ได้ปรากฏข้อมูลรายละเอียดของหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการบรรจุพลเรือน เข้ารับราชการเป็นนายทหารสัญญาบัตรแล้ว ปรากฏว่า ไม่สามารถจะดำเนินการบรรจุนายอภิสิทธิ์ให้เข้ารับราชการทหารได้ เนื่องจากขาดหลักฐานใบรับรองผล การตรวจเลือกฯ (สด 43) ด้วยเหตุผลที่นายอภิสิทธิ์ไม่ได้เข้ารับการตรวจเลือกฯ ประกอบ มีข้อมูลรายละเอียดดังต่อไปนี้

1) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เกิดเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2507 เลขประจำตัวบัตรประชาชน 3-1009-01830-69-4 เป็นบุตรนายอรรถสิทธิ์และนางสดใส เวชชาชีวะ ซึ่งได้ลงบัญชีทหารกองเกินตามมาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ.2497 เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2529 ต่อมาในปี 2550 นายอภิสิทธิ์มีชื่ออยู่ในบัญชีที่พ้นจากฐานะการยกเว้นผ่อนผัน ไม่ต้องเข้ารับการตรวจเลือกเป็นทหาร แขวงคลองตัน เขตพระโขนง อยู่ในลำดับที่ 299 เลขที่ สด 43 ลำดับที่ 675

2) ต่อมาในปี 2531 ตามหลักฐานของกรมการสำรองทหารบก กลับไม่มีชื่อนายอภิสิทธิ์ ปรากฏในบัญชีเรียกประจำการปีนี้ และเมื่อตรวจสอบรายละเอียดตามข้อเท็จจริง ปรากฏว่า ในบัญชีเรียกเข้ารับการตรวจเลือก ประจำแขวงคลองจั่น ลำดับที่ 148 ลำดับที่ 417 ลำดับที่ 685 และลำดับที่ 641 ตามลำดับ ในขณะเดียวกันกับที่เมื่อปี พ.ศ.2530 นายอภิสิทธิ์ ได้รับหมายเรียกหลังจากที่ได้เสดงตนขอลงบัญชีทหารกองเกิน (เกินกำหนด) ณ สำนักงานเขตพระโขนง เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2529 แต่ได้มีการขอใบแทนใบสำคัญฉบับนี้เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2531 โดยนายอภิสิทธิ์ไม่ยอมเข้ารับการตรวจเลือกเกณฑ์ทหาร

3) จึงปรากฏพฤติการณ์เจตนาหลีกเลี่ยง ขัดขืน การเข้ารับการตรวจเลือกฯ ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยอ้างเหตุผลว่าเป็นอาจารย์สอนประจำโรงเรียนนายร้อยจปร. ซึ่งปรากฏหลักฐานชัดเจนว่า ได้มีการทุจริตต่อหน้าที่ ในการดำเนินการบรรจุนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เข้ารับราชการทหารในครั้งนั้น กระทำกันอย่างเป็นทีม ซึ่งประกอบด้วยนายทหารบางนาย ซึ่งได้เกษียณอายุราชการไปแล้ว บางนายรับราชการนอกสังกัดกองทัพบก และบางนายเป็นนายทหารชั้นนายพล ซึ่งไม่สามารถรับโทษทัณฑ์ทางวินัยได้ จึงปรากฏเอกสารทางราชการให้มีผู้ต้องได้รับโทษทัณฑ์จากการกระทำทุจริตครั้งนี้ได้เพียงผู้เดียว คือ พ.อ.(หญิง) สายไสว มาสมบูรณ์ ตำแหน่งประจำกำลังพลทหาร กองทัพบก ขณะปฏิบัติหน้าที่เป็นหัวหน้าแผนกกองจัดการ กรมกำลังพลทหาร กองทัพบก และปรากฏในเวลาต่อมาว่า มีการดำเนินคดีอาญาต่อ พ.ต.ทองคำ เดชเร ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยสมคบกันออกเอกสารทางราชการอันเป็นเท็จ เพื่อให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งเป็นบุคคลที่มีลักษณะขัดต่อหลักเกณฑ์ของกองทัพบก ที่สามารถบรรจุเข้ารับราชการได้

เนื่องจากนายอภิสิทธิ์ ไม่ได้ผ่านการตรวจเลือก และไม่มีหลักฐานทางทหารนำมาส่งมอบ ประกอบเอกสารการบรรจุเข้ารับราชการทหาร เพราะเป็นคนขาดการตรวจเลือก เมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ.2530 ถ้าหากจะดำเนินการบรรจุเข้ารับราชการ ต้องกระทำภายหลังจากที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถูกส่งตัวดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ.2497 มาตรา 37 และมาตรา 45 พร้อมกับส่งตัวเข้ากองประจำการจนครบกำหนดเสียก่อน

4) แต่ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่กำลังพลของโรงเรียนนายร้อย จปร. กลับเพิกเฉย ไม่ปฏิบัติตามระเบียบของกองทัพบก ที่ผู้บังคับบัญชาในขณะนั้นเป็นผู้อนุมัติระเบียบดังกล่าวนี้ จากเอกสารของทางราชการกองทัพบก ปรากฏว่า กรมสารบรรณ กองทัพบก ได้ทำการทักท้วงแล้ว แต่ผู้รับผิดชอบในขณะนั้นของโรงเรียนนายร้อย จปร. กลับไม่นำพา จึงเป็นความบกพร่องของเจ้าหน้าที่กำลังพล ประกอบด้วย พ.อ.สมศักดิ์ พุ่มนิคม รอง ลก.บก.ทหารสูงสุด ขณะเป็น หก.กกพ.รร.จปร. ส่วน พ.อ.เผด็จ วัฒนะภูติ ขณะเป็นรอง ผบ.รร.จปร. ซึ่งรับผิดชอบงานด้านกำลังพล และ พล.อ.นิยม คันสนาคม ขณะเป็น ผบ.รร.จปร. ทั้งสองนายพลนี้ ปัจจุบันเกษียณอายุราชการไปแล้ว จึงไม่สามารถตามไปเอาผิดทางวินัยได้ในปัจจุบัน

5) จากพฤติการณ์ตามข้อ 1-4 ข้างตันนี้ แสดงให้เห็นว่า การขอบรรจุนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เข้ารับราชการ ในตำแหน่งรักษาการราชการ อาจารย์ส่วนการศึกษาโรงเรียนนายร้อย จปร. มีวัตถุประสงค์จงใจหลีกเลี่ยงความผิดที่จะเกิดขึ้นตามกฎหมาย พระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ.2497 มาตรา 45 ซึ่งมีบทบัญญัติพอสรุปได้ว่า บุคคลใดหลีกเลี่ยงหรือขัดขืน ไม่มาให้คณะกรรมการตรวจเลือกฯ ทำการตรวจเลือกเข้ารับราชการตามหมายเรียกของอำเภอ หรือมาแล้วไม่เข้ารับการตรวจเลือก หรือไม่อยู่จนกว่าการตรวจเลือกแล้วเสร็จ หลีกเลี่ยง หรือขัดขืนด้วยประการใดก็ดี เพื่อจะไม่ให้เข้ารับราชการทหาร ตามพระราชบัญญัติฉบับนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี

6) ดังนั้น การที่ ว่าที่ ร.ต.อภิสิทธิ์ เมื่อได้รับคำสั่งบรรจุเป็นทหารสัญญาบัตรในตำแหน่ง รรก.อจ.สกศ.รร.จปร. แล้วเพียง 35 วัน ก็ได้แจ้งความจำนงว่า จะขอลาออกจากราชการ ดังนั้น โดยสามัญสำนึกจึงแปลเจตนารมณ์ได้ว่า ว่าที่ ร.ต.อภิสิทธิ์ ไม่มีเจตนาที่จะปฏิบัติหน้าที่ และในขณะรับราชการ ดังปรากฏหลักฐานทางราชการ ว่าที่ ร.ต.อภิสิทธิ์ ขอลากิจไปเยี่ยมญาติที่ประเทศอังกฤษ 2 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคม 2531 ถึงวันที่ 30 กันยายน 25314 รวม 40 วัน และได้ขอลากิจอีกครั้งหนึ่ง ตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม 2531 ถึงวันที่ 9 ธันวาคม 2531 รวม 67 วัน พฤติการณ์เยี่ยงนี้แสดงให้เห็นว่า นายอภิสิทธิ์ไม่มีเจตนาที่จะเข้ารับราชการทหารอย่างแท้จริง การสมัครเข้ารับราชการทหาร จึงเป็นเพียงการหาเหตุผลที่จะแก้ปัญหาความผิดทางอาญา จากกรณีการขาดตรวจเลือกเข้าเป็นทหารกองประจำการเท่านั้น

7) กรณีการบรรจุให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นอาจารย์ประจำส่วนการศึกษา โรงเรียนนายร้อย จปร. จึงเป็นการบรรจุที่ขัดต่อระเบียบของกองทัพบก ซึ่งอนุมัติโดยผู้บัญชาการทหารบก

นี่คือ คำถามที่นายอภิสิทธิ์ และคนในพรรคประชาธิปัตย์ทุกคน ต้องตอบให้ประชาชนทราบอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่เล่นลิ้น หรือใช้ความกะล่อนปลิ้นปล้อนตลบตะแลงอีกต่อไป

จาก กลุ่มนายทหารประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ คมช.
ที่มา: หนังสือพิมพ์ บ้านเมือง ฉบับวันที่ 11 กรกฎาคม 2550