ที่มา มติชนออนไลน์
"อนุพงษ์" แจงไม่สบายใจถูกโยง "ประวิตร" เตรียมนำ 5 เสือ ทบ.เยี่ยมอวยพรปีใหม่ ป้อง "อภิสิทธิ์" คดีหนีทหารจบแล้ว รับได้ "มาร์ค" ควบ รมว.กห. วอนทุกฝ่ายเลิก "แบ่งสี-แบ่งภาค" พร้อมเคลียร์ใจ "คนอีสาน-นปช."
"อนุพงษ์"ไม่สบายใจถูกโยง"ประวิตร"
พ.อ.(หญิง)ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก แถลงเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ถึงกระแสข่าว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) มีส่วนชี้นำการทำงานของกองทัพบกว่า พล.อ.ประวิตรไม่มีอำนาจตัดสินใจการบริหารงานของกองทัพบก แต่บทบาทส่วนตัวไม่สามารถไปปิดกั้นได้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กับ พล.อ.ประวิตร มีความสัมพันธ์ส่วนตัวกันในฐานะที่เคยเป็นผู้บังคับบัญชา กองทัพบกเป็นองค์กรไม่เกี่ยวกับใคร ที่ผ่านมาจุดยืนชัดเจน ซึ่งการเมืองพยายามดึงกองทัพ แต่กองทัพก็อยู่เฉย ยืนยันกองทัพไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง เป็นเรื่องสิทธิขาดของรัฐสภาที่ตัดสินกันแล้ว
"พล.อ.ประวิตรจะไปเชื่อมโยงกับเรื่องใด ถือเป็นเรื่องส่วนตัว อนาคต พล.อ.ประวิตรจะได้นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หรือไม่ก็เป็นเรื่องส่วนตัว กองทัพบกไม่มีความสามารถดันใครมาทำงานการเมือง เมื่อเช้า (17 ธันวาคม) พล.อ.อนุพงษ์ชี้แจงต่อนายทหารระดับสูงให้เข้าใจ เพราะท่านไม่สบายใจในข่าวที่มีการเชื่อมโยง พล.อ.ประวิตรกับการทำงานของกองทัพ"
เตรียมนำ5เสือทบ.เยี่ยมด้วยตนเอง
พ.อ.ศิริจันทร์กล่าวอีกว่า ช่วงปีใหม่นี้ถือเป็นประเพณีที่ ผบ.ทบ.จะมีการพบปะอดีต ผบ.ทบ.ทุกคน อาทิ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร และ พล.อ.ประวิตร ทั้งนี้ พล.อ.อนุพงษ์อาจจะไม่เดินทางไปเยี่ยมเยียนอดีต ผบ.ทบ.ด้วยตนเอง แต่จะส่งผู้แทนระดับสูงกองทัพไปแทน แต่ พล.อ.อนุพงษ์จะนำ 5 เสือกองทัพบกไปเยี่ยมเยียน พล.อ.ประวิตรด้วยตนเอง
พ.อ.ศิริจันทร์กล่าวว่า พล.อ.อนุพงษ์ได้ส่งสารอวยพรปีใหม่และส่งความปรารถนาให้กำลังใจทหารทุกคน ระบุว่า "ตลอดปีที่ผ่านมากองทัพบกปฏิบัติภารกิจป้องกันประเทศและปกป้องชาติด้วยความมุ่งมั่น แม้เผชิญกับอุปสรรคปัญหาความเหนื่อยยาก แต่กองทัพทำภารกิจบรรลุความสำเร็จตามความมุ่งหมายและดำรงไว้ซึ่งเกียรติในการรักษาความมั่นคงของชาติและสถาบันพระมหากษัตริย์ ปัจจุบันสถานการณ์และปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นทั้งในและนอกประเทศกระทบต่อการทำงานของกองทัพบก ขอให้ทหารทุกคนตระหนักสิ่งที่ประเทศชาติต้องการมากที่สุดในขณะนี้ คือ ความรัก ความเข้าใจ และความสามัคคีของคนในชาติ เป็นภารกิจที่กองทัพต้องทุ่มเทให้ประชาชนเกิดความเลื่อมใสศรัทธาและเชื่อมั่นว่ากองทัพบกเป็นของประชาชน"
"ป็อก"รับได้"มาร์ค"ควบ"รมว.กห."
ที่กองการบินกรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) เวลา 16.00 น. พล.อ.อนุพงษ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวว่าผลักดัน พล.อ.ประวิตร เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมว่า ไม่ทราบว่าใครจะเป็นตำแหน่งใด เป็นเรื่องพรรคที่จัดตั้งรัฐบาลเป็นผู้พิจารณา ซึ่ง 2 รัฐบาลที่ผ่านมาผู้ที่เป็น รมว.กลาโหม ไม่ใช่ทหารก็ทำงานเรียบร้อย ตนทำงานในหน้าที่ไม่เอนเอียงว่าจะเป็นทหารหรือพลเรือน ยืนยันว่าไม่ว่าจะตั้งใคร ทหารทำตามหน้าที่ไม่มีวาระส่วนตัวหรือเรื่องอื่น
ผู้สื่อข่าวถามถึงความสัมพันธ์กับพล.อ.ประวิตร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า รับราชการด้วยกันมาเกือบทั้งชีวิต หลักการเรื่องงานมีทั้งเห็นด้วยและขัดแย้ง ไม่มีปัญหา ส่วนกรณีพล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม ระบุว่า หากนายกรัฐมนตรีควบตำแหน่ง รมว.กลาโหม จะทำให้งานกองทัพไม่เดินหน้า พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า การพิจารณาเป็นเรื่องฝ่ายการเมือง ไม่อยากก้าวล่วง ส่วน พล.อ.ประวิตร เหมาะสมหรือไม่นั้น ควรจะให้ผู้ที่รับผิดชอบเป็นผู้พิจารณาจะดีกว่า การไปพูดว่าเหมาะสมหรือไม่ น่าจะไม่ดี
เมื่อถามถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีจะควบตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า หลักการแล้วแต่ฝ่ายการเมืองจะพิจารณา แต่หากเป็นบุคคลนี้ไม่น่ามีปัญหา
ป้อง"เรื่องหนีทหาร"คดีจบแล้ว
ส่วนกรณีมีกระแสโจมตีนายอภิสิทธิ์ หนีทหาร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่ค่อยรู้เรื่องเดิม เพราะเรื่องผ่านมาตั้งแต่ 21 ปี มีหลักฐานการสอบสวนอยู่แล้ว ความจริงเรื่องมันจบไปแล้ว ตัวเนื้อความก็จบไปแล้ว ไม่ว่าจะด้านกฎหมาย และท่านได้รับตำแหน่งเป็นทหารไปแล้ว หากใครคิดว่าหลักฐานมีปัญหาคงสอบสวนกันอยู่แล้ว
“ผมอยู่ตามปกติกองทัพถึงอยู่กับผมได้ ยืนยันไม่มีวาระต้องไปถามคนอื่น คิดว่าสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้อยู่ในสภาวะที่ดี และแนวโน้มน่าจะดีขึ้น ทั้งนี้ไม่ว่าใครก็แล้วแต่ ล้วนเป็นคนไทยทั้งนั้น ตอนนี้คนไทยไม่ว่าภาคไหน ต้องคิดถึงชาติ คิดถึงสังคมส่วนรวมมากกว่าจะไปคิดประเด็นอื่น พูดถึงชาติเท่านั้น ไม่มีประเด็นที่จะไปคิดเรื่องการเมือง ความขัดแย้ง ”
รักคนอีสานส่งทหารเคลียร์ใจ
เมื่อถามถึงสถานการณ์ความเคลื่อนไหวคัดค้านของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า คณะกรรมการติดตามสถานการณ์ร่วม (คตร.) จะติดตามข่าว ประเด็นสำคัญ คือ ประเทศชาติและส่วนรวมจะไปอย่างไร เรื่องชาติเท่านั้น เรื่องกลุ่มเป็นเรื่องรองลงมา ทุกชาติมีพรรคการเมือง 2-3 พรรคที่ถูกรับเลือกตั้ง แต่เขารวมความเป็นชาติได้ ไม่นำความขัดแย้งนี้มาเป็นความขัดแย้งของสังคมหรือส่วนตัว เมื่อจบก็จบ ใครบริหารต้องบริหารคนสองกลุ่มรับผลประโยชน์ทั้งคู่ คิดว่าประเทศชาติเราน่าจะทำสิ่งนี้ได้
เมื่อถามว่า นปช.อาจจะเข้าไปโจมตีกองทัพ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า พื้นฐานผมรักคนอีสาน คิดว่าจะทำอย่างไรให้คนอีสานมีชีวิตที่ดี เขาจะรักใครไม่ขัดขวาง แต่รัฐบาลต้องทำให้คนด้อยโอกาสมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่จะไปบังคับให้รักคนโน้นคนนี้ไม่ได้ หากเขาโกรธต้องค่อยพูดจา ทั้งนี้ ผมอยากพูดคุยกับเขา หากให้ทหารในพื้นที่ไปพูดคุยกับประชาชนอีสานได้ และไม่มองว่าเป็นการก้าวก่ายเรื่องการเมืองก็จะทำ
กองทัพพร้อมคุยแกนนำนปช.
"ผมคิดว่าคนเหล่านี้ไม่ผิด ไม่อยากเรียกว่า นปช. หรือเสื้อแดง คิดว่าเขาเป็นคนที่รัฐบาลต้องดูแล หากเรียกว่าพวกนั้นพวกนี้สถานการณ์คงไม่จบ การแสดงความรักหรือชอบของเขาไม่ได้ถือว่าผิด แต่ต้องทำความเข้าใจว่าหากใครทำผิดต้องว่ากันไปตามกฎหมาย ใครเข้ามาทำหน้าที่รัฐ ต้องดูแลไม่ให้คนแบ่งพรรค แบ่งพวก ขอให้มีคำว่าไทยอย่างเดียว ไม่น่ามีพวกอื่น สีอื่น สีเหลืองหรือสีแดง เพราะสีเหลือง มีอย่างเดียว คือ สถาบันพระมหากษัตริย์ ทุกคนอยู่ภายใต้สีเหลือง แต่ไม่ใช่ว่าเอาสีเหลือง สีแดงมาแยกเป็นพวกทางการเมือง" พล.อ.อนุพงษ์กล่าว
เมื่อถามว่า กองทัพจะไปพูดคุยกับแกนนำ นปช.หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ยังไม่มีมอบหมายมา หากทำคงจะเกินหน้าที่ของทหาร ต้องฟังนโยบายของรัฐบาล และรัฐบาลต้องพยายามไม่สร้างความแตกแยก หากรัฐบาลมอบให้ทำ กองทัพพร้อมที่จะทำโดยสร้างความเข้าใจ โดยใช้ กอ.รมน.จังหวัด และศึกษาความต้องการของประชาชน แต่เชื่อว่าโครงสร้างปกติของรัฐบาลน่าจะทำได้ ไม่ต้องใช้ กอ.รมน.
เมื่อถามว่า เชื่อมั่นการบริหารงานของนายอภิสิทธิ์หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า เชื่อมั่นทั้งนั้น ไม่ว่าใครมาถืออำนาจรัฐต้องช่วยกันร่วมมือ ถ้าทำได้ดีจะเกิดผลรวมที่ดีกับทุกคน หากทำไม่ดีมีกลไกที่จะเข้าไปตรวจสอบถ่วงดุล