WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, December 15, 2008

“เอาหมามานั่งเมือง ดีกว่า ‘อุ้มโจร’...ขึ้นนั่งเมือง!”

ที่มา ประชาทรรศน์

คอลัมน์ : ประชาทรรศน์วิชาการ

โดย วาทตะวัน สุพรรณเภษัช


หลังการรัฐประหารเมื่อ 19 กันยายน 2549 เพียงหนึ่งเดือน ผมเขียนบทความลงในเว็บไซต์ผู้จัดการ เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2549 โดยใช้ชื่อว่า
“ขับเจ้าเข้าป่า แล้วเอาหมามานั่งเมือง”
ในบทความนั้น ผมเล่าถึงการปฏิวัติ พ.ศ.2475 และผลพวงติดตามมา คือ
พลเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา เข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลของ เจ้าคุณมโนปกรณ์นิติธาดา เมื่อ พ.ศ.2476 และถือได้ว่าเป็นการ “รัฐประหาร” ครั้งแรก

ผมเล่าว่าคนไทยนั้นเป็นพวกชอบวิจารณ์การเมือง ในปีรัฐประหารครั้งแรกนั้น มีความบันเทิงซึ่งเป็นที่โปรดปรานของชาวบ้าน คือ การแสดง “ลิเก” แถบนครชัยศรี ซึ่งในปี พ.ศ. นั้น ก็ยังเป็นชนบทบ้านนอกอยู่มาก มีลิเกคณะนายหรั่ง (คนละคนกับ ตาหรั่ง เรืองนาม เจ้าของระบำจ้ำบ๊ะ นาฏศิลป์สำหรับผู้ใหญ่เพศชายที่ร่ำลือ) ลิเกคณะนี้ดังแถวดอนหวาย ท่าพูด บางเตย ทรงคะนอง ผู้คนรู้จักกันดี

ค่ำวันหนึ่งผู้แสดงเป็นตลกตามพระ ร้องกลอนลิเกด้วยความครึกครื้นแบบสอดใส่อารมณ์ศิลปินเสียดสีการเมืองไปด้วยว่า
“เจ้าคุณพหลเป็นต้นเหตุ พระองค์บวรเดชเป็นต้นเรื่อง
ขับเจ้าเข้าป่า แล้วเอาหมามานั่งเมือง”

การแสดงยังไม่ทันจบ ลิเกทั้งคณะถูกตำรวจหิ้วไปสอบสวนที่โรงพัก ด้วยข้อกล่าวหาว่าเล่นลิเกล้อเลียนทางการเมือง ไม่สบอารมณ์คณะผู้ก่อการยึดอำนาจ

คณะรัฐประหารไม่ว่าชุดไหน เป็นโรคต่อมน้ำอดน้ำทน “ตื้น” เหมือนกันหมด ประสาทจะเสียเอาง่ายๆ ถ้ามีสิ่งใดที่พวกเขาเห็นว่า จะกระทบอำนาจที่ตนยึดมาจากประชาชน จึงต้องปกป้องอย่างเต็มที่ เลยระแวงกระทั่งพวกตลกยี่เกที่ร้องเสียดสีตัว
การที่ผมเขียนเล่าอย่างที่ว่า เป็นเพราะในตอนนั้น เริ่มมีข่าวแพร่ออกมาว่า
“ไอ้บัง” กับพวกทหาร ได้เตรียมการเพื่อความปลอดภัย หลังการลงจากหลังเสือแล้ว โดยจะเอาพรรคดักดานขึ้นสืบทอดอำนาจเป็นรัฐบาล แต่ข่าวสารของคนพวกนี้มันปิดไม่มิด รักษาความลับกันไม่เป็น ชอบคุยโวโอ่ให้คนรู้ ผมจึงเขียนแย้มเพื่อแสดงโดยนัยว่า รู้เท่าทันความคิดของพวกมัน จึงเขียนลงท้ายบทความเป็นกลอนลิเกว่า
ปฏิวัติเป็นต้นเหตุ นักการเมืองผีเปรตเป็นต้นเรื่อง
ขับตาแม้วไปกินแหนมห่อ แล้วเอา “สะตอ” มานั่งเมืองงงงงง!...
เท่านั้นยังไม่พอ ตามสรุปส่งท้าย ด้วยประโยคที่ว่า...
“แหม!...แค่คิดเท่านั้น ‘ขนแขน-สแตนด์อัพ’ พึ่บพั่บ แล้วนะเนี่ย!!”

จากนั้น เหตุการณ์ก็เป็นไปอย่างผมคาด คมช. ได้เบิกเงินหลวงก้อนใหญ่จากคลังอีก 5 พันล้านบาท โดยบอกว่าจะเอาไปรณรงค์เพื่อให้ประชาชนออกมายอมรับสิ่งที่ผมเรียกว่า “รัดทำมะนวย...ฉบับหัวคูณ” และชักชวนให้ชาวบ้านออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง

แต่จุดมุ่งหมายหลักของพวกเขา แท้ที่จริงคือการเอาไปดำเนินการทางการเมือง เพื่อสนับสนุนพรรคที่ตัวเลือกไว้ และทำลายพรรคการเมืองใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นมาทดแทนพรรคไทยรักไทย ซึ่งถูกยุบ โดยมีการข่มขู่ราษฎรไปทั่วทางภาคอีสานและภาคเหนือ

บางจังหวัดอย่างลำพูน ถึงขั้นมีกรณีทหารทำร้ายประชาชนที่ไม่เห็นด้วย และเป็นเหตุให้คนเมืองเจ้าแม่จามเทวีแค้นเคือง แห่กันออกมาลงคะแนนเสียงให้พรรคการเมืองตรงข้ามกับฝ่ายทหารมากที่สุดในประเทศไทย อย่างนี้เป็นต้น

ว่ากันอีกว่า เงินหลวงก้อนมหึมานั้นไม่ได้เอาไปเพื่อวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้อย่างเดียว แต่ยังมีการเอาไปแจกจ่ายกันแบบ...
“วัดครึ่งหนึ่ง-กรรมการครึ่งหนึ่ง”

ดังนั้น พอพวก คมช. ตัวเป้งๆ หมดอำนาจลง เริ่มมีสื่อและสิ่งพิมพ์ออกมาแคะไค้ เรื่องบ้านหรูในต่างประเทศที่แคนาดา ซึ่งไปซื้อหากันไว้ รวมทั้งเดลินิวส์ลงข่าวการซื้อคฤหาสน์ราคาหลายสิบล้านที่ภูเก็ต และไม่กี่วันที่ผ่านมาหยกๆ นี้เอง ก็มีเรื่องการก่อสร้างบ้านอัครฐานของอดีตแกนนำ คมช. โผล่ตามหน้าหนังสือพิมพ์กันอีก

ใช่แต่แค่นั้น แม้วันที่อยู่ในอำนาจของ คมช. เรื่องคอร์รัปชั่นเหม็นเน่าของคนพวกนี้ยังโผล่ไปถกกันในสภาที่เขาตั้งกันขึ้นมาเอง โดยคนแฉก็เป็นนายทหารร่วมรุ่นกับแกนนำ คมช. ด้วยซ้ำ ทำให้ผู้คนมองการรัฐประหาร เป็นการ “ปล้นเงินของประชาชน” ไปสร้างความร่ำรวยให้กับคณะผู้ก่อการนั่นเอง
ใครก็ตามที่เอาเงินหลวงไปล้างผลาญ มีชีวิตต่อไปไม่สงบแน่!

ถึงกระนั้น พรรคการเมืองที่ คมช. เลือกสรรจะให้ขึ้นมาจัดตั้งรัฐบาล ขนาดเลขาธิการ คมช. ลงทุนส่งลูกไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคและลงเลือกตั้งด้วย แต่พรรคในอุปถัมภ์ของทหาร ก็ไม่สามารถเอาชนะพรรคการเมืองใหม่อย่าง พลังประชาชน และพ่ายแพ้ไปอย่างราบคาบ จนต้องตกเป็นฝ่ายค้านอีกครั้ง

เมื่อแผนการไม่สำเร็จ จึงปรากฏเหตุการณ์ “ก่อไฟเผาประเทศ” ด้วยการชุมนุมที่กลายมาเป็นการกบฏและการก่อการร้าย ทำลายประเทศย่อยยับไปอย่างที่เห็น และอาจทำให้พรรคการเมืองอย่างประชาธิปัตย์ ซึ่งยืนข้างกบฏและการก่อการร้ายมาอย่างมั่นคง
มีโอกาสก้าวสู่อำนาจ!

สำหรับเรื่องรายละเอียดความไม่เข้าท่าของพรรคโลซกอย่างประชาธิปัตย์ ที่เพียรจะเป็นรัฐบาลนั้น ผมบรรยายเอาไว้ชัดเจน อ่านสนุก ในหนังสือ ชื่อ “นินทาประชาธิปัตย์ (ฝ่ายค้าน-ดักดาน)” จะยกตัวอย่างในหนังสือให้เห็นเป็นบางเรื่อง เช่น
1.ประชาธิปัตย์ เป็นพรรคการเมืองแรกที่ลูกพรรคถูกตัดสินเรื่อง “ซื้อเสียง” จนศาลฎีกาสั่งจำคุก 1 ปี ตัดสิทธิอีก 10 ปี ซึ่งมีผลให้ “นายหัวชวน” ไม่สามารถออกมาพูดเรื่องการซื้อเสียงได้อีก เพราะแกกลัวโดนสวน จนกลายเป็น “นายชวนหัว” นั่นเอง
2. เรื่อง สปก.4-01 ศาลฎีกามีคำพิพากษาให้บรรดาเศรษฐี ทั้งผัวและเพื่อนนักการเมืองในพรรคดักดานนี้ ต้องคืนที่ดิน แต่ความยุติธรรมก็มาช้า เพราะกินเวลายาวนานถึง 10 ปี เหมือนกัน
3.ในหนังสือ“นินทาประชาธิปัตย์ (ฝ่ายค้าน-ดักดาน)” เล่มสำคัญ ผมได้ลำดับโครงการภาคใต้ต่างๆ ให้ผู้อ่านทราบว่า การที่มีเส้นทางคมนาคม การปรับปรุงพัฒนาภาคใต้ การแก้ปัญหาเรื่องสนามบิน จ.นครศรีธรรมราช การสร้างมหาวิทยาลัยทางภาคใต้ ฯลฯ ล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของรัฐบาลที่มาจากพรรคการเมืองอื่น ซึ่งมีน้ำใจลงไปทำให้ทั้งสิ้น ไม่ว่ายุคนายกฯ ชาติชาย นายบรรหาร แม้กระทั่งรัฐบาลทักษิณ
ขนาดคนใต้ เขาบอกว่า
“กูเอาตีนก่ายหน้าผาก ยังนึกโครงการดีๆ ที่พรรคประชาธิปัตย์ทำให้ไม่ออก!”
พูดกันถึงขนาดนั้น ทีเดียวเชียวนะ!
4. ที่น่าขายหน้าที่สุดคือ เรื่องของ กทม. ยุค นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม.
มีประวัติการทุจริต จนถูกดำเนินคดี และที่ยังต้องทยอยตามมาอีกมากมายหลายสิบคดี เมื่อนายคนนี้ลาออกไปแล้ว ทาง กทม. ถึงกับต้องทำบุญใหญ่ เสียงลือกันว่า

เป็นการกวาดล้างเสนียดจัญไร ที่ถูกแก๊งการเมืองเข้ามารับประทาน สร้างความเสียหายอย่างบานเบิกให้กับ กทม. ที่น่าสงสาร!

แถมก่อนลาจากยังจัดเลี้ยงโต๊ะจีน หาเงินเข้าพรรค ซึ่ง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาแฉว่า ผอ. เขต และ ผอ. สำนัก ต้องไปกวาดต้อนเหยื่อมาลงขันกัน รายเล็ก 1 ล้าน รายใหญ่ 3 ล้าน พรรคประชาธิปัตย์ไม่กล้าออกมาโต้ตอบแม้แต่คำเดียว ผู้คนวิจารณ์กันสนุกว่า
“ตอนกินเลี้ยงโต๊ะจีน ไม่รู้ไอ้พวกนี้มันแดกกันเข้าไปแล้วติดคอบ้างหรือเปล่า!?”

ถึงขนาดนี้แล้ว พรรคดักดานยังหน้าด้านส่งคนมาสมัคร ชิงผู้ว่าฯ กทม. อีก คราวนี้เอาหนุ่มใหญ่มีเชื้อสายมาติดป้ายยิ้มแสยะ หาเสียงหลอกหลอนคนกรุงเทพให้เลือกพวกตะไลนี้ กลับเข้าไปเสริมเสนียดให้ กทม. ของเรากันอีกครั้ง...ดูมันทำ!

เที่ยวนี้ คนกรุงเทพจะต้องชั่งใจให้ดี จะเลือกไอ้แก๊งที่ถูกกล่าวหาว่า แดกบ้านรับประทานเมือง เข้ามาดูแลบ้านของตัวเองกันอีกหรือเปล่า?

ถ้าอยากจะรู้ “สันดอนแห่งสันดาน” ของพรรคนี้ให้ละเอียด จะพลาดหนังสือ“นินทาประชาธิปัตย์ (ฝ่ายค้าน-ดักดาน)” เล่มสำคัญของ “วาทตะวัน” ไม่ได้เด็ดขาด!

ขอย้อนกลับไปที่เรื่อง “เอาหมานั่งเมือง” กันอีกครั้ง
หมาบางตัวนั้นมีเกียรติและศักดิ์ศรี จึงปรากฏมีอนุสาวรีย์หมาอยู่ทั่วไป ในเมืองไทยเรานี่ก็มี อย่างอนุสาวรีย์ “ย่าเหล” หน้าพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ ในพระราชวังสนามจันทร์ จ.นครปฐม และอนุสาวรีย์หมาตำรวจ ที่กองกำกับการสุนัขตำรวจ เป็นต้น
แต่อนุสาวรีย์โจร ไม่มีใครสร้างให้!
บางคนอาจบอกว่า มีอนุสาวรีย์โจรอย่าง “โรบิน ฮูด” (Robin Hood) ฉายา

“เจ้าป่าเชอร์วูด” นั่นเขา “stole from the rich to give to the poor” หรือ “ขโมยคนรวย-มาช่วยคนจน” แต่พรรคเก่าแก่นั้น กลับทำเสมือนย้อนศร คือ
"ขโมยคนจน--ขนไปให้คนรวย"

ไม่เชื่อจงดูเรื่อง สปก.4-01 เพราะเวลาประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล แทนที่จะเอาที่ดินไปแจกให้ “เกษตรกร” ที่เขาไม่มีที่ทำกินตามจุดมุ่งหมายของบ้านเมือง ดันเสือกไปแจกเอาคนรวยญาติโกโหติกาของบรรดาสมาชิกพรรค บางคนก็เป็นผัว บ้างก็เพื่อน ฯลฯ จนถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ อับอายขายหน้า...ต้องยุบสภาหนีไปหนหนึ่งแล้ว!

ดูเอาถอะ...ทำเหมือนปล้นคนจนไปให้คนรวย แล้วมีหน้ามาบอกว่า ศาลตีความคำว่า "เกษตรกร" ต่างไปจากพวกมัน พูดก็พูด หากเปรียบประชาธิปัตย์กับโรบิน ฮูด ถือว่า...
ทำให้โรบิน เสียเกียรติมาก!!!

การที่พรรคนี้ ถูกกล่าวหาว่าให้ความร่วมมือกับพวกโจรก่อการร้าย ของ นายพลจำลอง ศรีเมือง และเป็นกบฏต่อแผ่นดินด้วย โดยมี ส.ส. และสมาชิกพรรคโลซกนี้ เข้าไปเป็นแกนนำขับเคลื่อน บุกเข้ายึดสถานที่สำคัญของทางราชการ ไอ้สมาชิกที่เป็น ส.ส.สอบตก เป็นหัวหอกเข้ายึดสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง ใช่แต่แค่นั้นนะ

แม้แต่ครั้งสนามบินภาคใต้ถูกยึดนั้น ถ้า “นายมาร์ค มุกควาย” ต้องการรู้ว่าใครทำ จะจาระไนให้ฟังละเอียดยิบ พร้อมภาพถ่ายและภาพเคลื่อนไหว จะได้เห็นกันชัดๆ ว่าสมาชิกพรรคการเมืองอัปรีย์พรรคไหนกันเล่า...
...ที่มันนำผู้คนบุกเข้ายึดสนามบินเหล่านั้น !?

จึงอยากจะเรียนถาม ท่านผู้อ่านว่า การกระทำของพรรคประชาธิปัตย์นั้น ถ้ามีใครพูดขึ้นมาว่า “เป็นการสนับสนุนการก่อการร้ายหรือร่วมก่อการร้ายด้วย” เหมือนอย่างที่ผมเขียนเตือนเอาไว้ในประชาทรรศน์ เมื่อ 12 กันยายน 2551 ชื่อบทความว่า “พรรคประชาธิปัตย์จงฟัง...อย่าให้เขาลือกันว่าเป็นพรรคก่อการร้าย” นั้น จะมีใครคัดค้านหรือไม่อย่างไร?...ผมอยากฟังจริงๆ

มาถึงวันนี้ พรรคของ “นายมาร์ค มุกควาย” ซึ่งตกที่นั่ง ถูกกล่าวหาว่าเป็นพรรคก่อการร้าย กำลังทุรนทุราย ที่จะช่วงชิงโอกาสเข้าบริหารประเทศ แต่ได้เป็นแล้วจะมีผู้คนสร้างอนุสาวรีย์ให้เหมือนอย่าง “ย่าเหล” หรือไม่นั้น...ผมไม่รู้

แต่ถ้าผู้คนเขาเห็นว่า ประชาธิปัตย์เป็น “เนื้อเดียวกัน” กับพวกโจรกบฏ และก่อการร้ายที่เข้าปล้นทำลาย และสร้างความเสียหายให้บ้านเมืองของเรา จนยับเยินรุ่งริ่ง
อย่างนี้...คงไม่มีใครคิดถึง เรื่องการสร้างอนุสาวรีย์ เอาไว้ให้แน่ๆ!

อยากจะบอกคนไทยทั้งผองว่า พวกเราจะเฉยเมย และทำ “หยวนๆ...ยอมๆ กันไป” เพราะคิดกันง่ายๆ ว่า ให้บ้านเมืองสงบไปก่อนดีกว่า แต่คิดแค่นั้นไม่ได้ เพราะขืนให้ไอ้พรรคนี้ขึ้นมาบริหารบ้านเมือง ต่อให้สีเขียว สีเทา สีแห้งแหบ หรือสีอะไรต่อมิอะไรสนับสนุนจนสุดตัวอย่างไร ผู้คนก็จะมองว่า ไม่เป็นการยุติธรรมที่หนุนพวกก่อการร้าย
ความสงบคงไม่เกิดขึ้นในประเทศนี้เป็นแน่แท้!

ที่สำคัญคือ ไอ้พวกกบฏ-ก่อการร้าย ที่สร้างความยับเยินให้กับบ้านเมืองเรา มันต้องขึ้น “ขี่คอ” เอา และอ้างว่าพรรคดักดานนี้...เป็นหนี้บุญคุณพวกมัน!
ผมเคยเขียนว่าประชาธิปัตย์นั้น เป็นแค่ “กระเป๋ง” พวกพันธมารด้วยซ้ำ
จึงขอส่งสารไปยังสมาชิกพรรคการเมืองอื่นๆ ที่ตกลงปลงใจจะเข้าร่วมรัฐบาลนั้น ต้องไปคิดทบทวนให้ดีว่า
จะไปร่วมหัวจมท้ายกับพรรคที่ถูกกล่าวหาว่า ร่วมก่อการร้าย อย่างนั้นหรือ?
ท่านที่เข้าร่วมรัฐบาลจะทนแรงเสียดทานจากผู้คนในบ้านเมือง ตลอดจนชาวต่างประเทศที่เขามองเห็นชัดเจนแล้วว่า
รัฐบาลใหม่นั้น แท้ที่จริงแล้วเป็นพรรคที่สนับสนุนการก่อการร้ายได้หรือไม่?...จงเอาไปคิด ไปตรองกันให้จงดี!
มาถึงบรรทัดนี้แล้ว บอกตรงๆ ว่า หากไม่มีทางเลือกแล้ว คนไทยจะให้ใครมานั่งบริหารประเทศของเรา ไม่ทราบว่าท่านผู้อ่านเห็นด้วยหรือไม่ ถ้าผมจะบอกว่า
“เอาหมามานั่งเมือง” ดีกว่า ‘อุ้มโจร’...ขึ้นนั่งเมือง!”

เพราะไอ้โจรที่หิวงั่ก ไม่ว่ารายไหนรายนั้น มันก็พร้อมที่จะ "ปล้นคนจน--ขนไปให้คนรวย" เหมือนดังที่เคยปรากฏมาแล้วในอดีต นั่นเอง!!!