ที่มา ประชาทรรศน์
คอลัมน์ : บทบรรณาธิการ
เปิดฉากปีใหม่ 2552 ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง บรรยากาศที่ร้อนระอุ ส่งท้ายปีเก่า ในการชุมนุมคนเสื้อแดง ที่บริเวณหน้ารัฐสภา “พลังคนเสื้อแดงแรงฤทธิ์” และ “อิทธิฤทธิ์ม็อบคุณไสยโกเต๊กซ์” พอจะมองเห็นเค้ารางของการเมืองไทยในปีใหม่ที่ว่ากันว่าปีนี้แหละจะเป็นปี “วัวบ้า” ที่หลายคนอาจจะต้องถึงกับผงะกับเหตุการณ์บ้านเมืองที่ยังลุ่มๆ ดอนๆ อยู่แบบนี้
“สงครามประชาชน” แบ่งข้างกันชัดเจนระหว่างกลุ่มคน “สองสี” ที่มีรากฐานมาจากพรรคการเมือง และตัวแทนกลุ่มทุนต่างๆ ที่อยู่ในสังคมไทย สีเหลือง VS สีแดง
สมานฉันท์ การพูดจาเพื่อนำไปสู่ภาวะปกติสุขในบ้านเมืองเรานั้น ดูท่าจะเป็นไปได้ยากยิ่งนัก ต่างฝ่ายต่างมีเหตุปัจจัย มีเหตุผล มีความเชื่อ หลากหลายมุมมอง เสมือนเหรียญ 1 บาท มี 2 ด้าน คือ “หัว” กับ “ก้อย” ซึ่ง 2 ด้านของเหรียญ ไม่มีวันจะมาพบเจอกันได้เลย แม้จะอยู่ใกล้ชิดกันเพียงใด
ปีนี้ วันนี้ บ้านเมืองไทย เราต้องการอะไรกันแน่ เป็นคำถามที่ตลอดช่วงปีใหม่ 2551 / 2552 ต่างคนต่างตั้งคำถาม
ที่สุดของคำตอบหลังจากถกเถียงกันมากมาย คือ ความกินดีอยู่ดีของพี่น้องประชาชนทั้ง 63 ล้านคน ดูเหมือนจะเป็นคำตอบที่ตรงกันของคน ทั้ง เสื้อเหลือง และ เสื้อแดง (เป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายต่างอ้างความชอบธรรมในการเคลื่อนไหว) ซึ่งยังไม่มีใครจะหาคำตอบได้ว่าจะทำอย่างไร ที่พอจะเป็น สูตรสำเร็จทางคณิตศาสตร์ ว่าจะต้องทำอย่างนั้นแล้วจะได้อย่างนี้ เอาอันนี้มาเท่ากับอันนี้แล้วจะได้อันนั้น
ทั้งหมดขึ้นกับการเรียนรู้ร่วมกันของสังคมไทย
อย่างน้อยๆ พัฒนาการทางประชาธิปไตย ก้าวไปไกลเกินกว่าที่จะใช้ประสบการณ์ในอดีตมาเป็นตัวขับเคลื่อน หรือ สถานการณ์โลกเป็นตัวตัดสินใจ
ประชาชน มีพัฒนาการทางการเมือง ไปไกลเกินกว่าที่ผู้ปกครองจะมาชี้นำเขาให้ทำโน่นทำนี่ โดยการได้รับอามิสสินจ้าง ถึงจะมีบ้าง คิดได้เลยเป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น เพียง 10% แต่อุดมการณ์อันแข็งกล้าต่างหากคือพลังที่ยิ่งใหญ่
ประชาชน มีพัฒนาการทางการเมือง ไปไกลเกินกว่าที่ผู้ปกครองที่จะมาสั่งซ้ายหันขวาหันได้อีกต่อไป เพราะเขามีความคิด มีอุดมการณ์ ทางประชาธิปไตย รู้จักซึ่งหลักการใหญ่ในการใช้และได้มาซึ่ง สิทธิ เสรีภาพ ภราดรภาพ
พัฒนาการทางการเมืองที่เป็นพลังอันสำคัญนี้ จะเป็นสิ่งกระตุ้นในการสร้างบุคลากร ให้เรียนรู้ รู้จัก ประชาธิปไตย ถือเป็นประสบการณ์ตรง มีการพลิกแพลงกระบวนท่า จนยากที่ชนชั้นผู้ปกครองจะเข้าใจ ส่งผลให้ชนชั้นสูงเหล่านั้นต้องไปเรียนรู้และยอมรับ ที่จะปรับตัวให้เข้ากับสังคมประชาธิปไตยแบบไทยๆ นี้ให้ได้
วันนี้พัฒนาการทางการเมืองของพี่น้องประชาชน 63 ล้านคน ตื่นตัวพุ่งขึ้นถึงขีดสุด ที่เมื่อก่อนทุกคนจะบอกว่า “การเมืองเป็นเรื่องไกลตัว”!!!... แต่วันนี้ทุกคนรู้แล้วว่า “การเมืองเป็นเรื่องใกล้ตัว” !!! ... ตั้งแต่เกิดจนถึงตาย การเมืองจะอยู่กับเราไป 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุดพักผ่อนนอนหลับเลยทีเดียว
การเมืองจะพัฒนากันไปอย่างไร เราล้วนเป็นคนไทยด้วยกัน การแตกขั้ว ต่างสี อย่าให้เป็น “เส้นขนาน” ที่ไม่มีวันบรรจบวิ่งเข้าหากันได้ หนักนิดเบาหน่อย พอจะประนีประนอมยอมกันได้ เพื่อให้ประเทศชาติดำรงอยู่ เป็นเรื่องที่ควรจะปรับเปลี่ยนท่าที ก่อนจะสายเกินไป...
ปีใหม่นี้ท่องเป็นคำขวัญขึ้นใจ “แตกต่าง ไม่แตกแยก”