ที่มา ประชาทรรศน์
"เพื่อไทย"ไม่ท้อแม้ กกต.ยกคำร้อง"มาร์ค"หนีทหาร พุ่งเป้าบอมบ์คาเวทีอภิปรายนอกสภา จี้จุดจริยธรรมกดดันให้ลาออก พร้อมดักคออย่าอาศัยการตีความเป็นเกราะกำบัง เตือนหากดื้อแพ่งกอดเก้าอี้ ต้องยอมรับคำประณามจากสังคม
วันนี้ (4 ม.ค.) นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยกคำร้องเรื่องนายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี หนีทหารว่า หาก กกต.มีคำวินิจฉัยออกมาว่าไม่เข้าข่าย แต่นายอภิสิทธิ์เองควรมีวิสัยทัศน์และความสำนึกรับผิดชอบที่ดีกว่านี้ เพราะฉะนั้น เกิดมาเป็นชายมีคุณสมบัติตรงตามที่กำหนด ไม่หูหนวก ตาบอด ไม่แขนขาขาด ไม่มีความพิกลพิการ ควรรับใช้ชาติเยี่ยงชายอื่นที่มาเกณฑ์ทหารเพื่อรับใช้ชาติบ้านเมือง
อย่างไรก็ตาม แม้ไม่มีกฎหมายเอาผิดได้ นายอภิสิทธิ์เองก็ต้องรู้อยู่แก่ใจว่าความสง่างามยังมีอยู่หรือไม่ ในเมื่อระเบียบกฎหมายไม่มี ทางพรรคเองก็คงจะไปดำเนินการอะไรไม่ได้ แต่อย่างน้อยโดยสามัญสำนึก โดยบุคคลิกของนายอภิสิทธิ์ที่ออกมายืนยัน การันตีนักหนาว่าบริสุทธิ์ใจ ยึดมั่นในกระบวนการยุติธรรม ระบอบประชาธิปไตย นายอภิสิทธิ์เองก็ต้องตอบสังคมให้ได้ว่าการหนีทหารนั้นเป็นเพราะสาเหตุใด แล้วจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งตรงนี้นายอภิสิทธิ์เองก็ยังอาศัยการตีความมาเป็นเกราะกำบังตนเองอยู่ จึงอยากถามนายอภิสิทธิ์ว่ามันน่าละอายมากน้อยแค่ไหน อีกทั้งหากเป็นตนหรือเป็นคนอื่นคงไม่ต้องให้ใครมาตีความอย่างนี้แน่ คงจะมีการแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่งไปแล้ว
"ส่วนการที่ กกต.สรุปยกคำร้องจะมีการยื่นเรื่องต่อไปที่ศาลหรือไม่นั้นก็ต้องดูนายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ ทั้งนี้ ก็ต้องดูเรื่องกฎหมายอาญาและศาลรัฐธรรมนูญ ว่าจะมีช่องทางไหนที่จะดำเนินกระบวนการได้ ถึงจะต้องส่งตีความเพื่อเป็นบรรทัดฐานไว้ เพราะนายอภิสิทธิ์เป็นนักเรียนนอก เป็นคนไทย และเป็นผู้นำประเทศ มิฉะนั้น จะเป็นบรรทัดฐานที่ไม่ดีต่อไปของเยาวชนและคนที่จะมาเป็นแนวหลังต่อไป" นายประชา กล่าว
เมื่อถามว่า จะมีการเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ ชี้แจงตรงนี้หรือไม่ นายประชา กล่าวว่า เรื่องนี้จะอยู่ในการเปิดอภิปรายนอกสภาในวันพรุ่งนี้ (5 ม.ค.) เพราะไม่เคยเห็นผู้นำประเทศคนใดมีประวัติการหนีทหาร ซึ่งความจริงแล้วถึงแม้ว่า กกต.จะยกคำร้อง อย่างน้อยนายอภิสิทธิ์ควรจะมีภาพลักษณ์ที่สวยงาม ดีงามและสง่างามที่ดีกว่านี้ จะมาฝืนทนอยู่กับข้อกล่าวหาหนีทหารที่เป็นสีเทาอย่างนี้หรือ ฉะนั้น นายอภิสิทธิ์ก็ต้องตอบสังคมให้ได้ หากตอบสังคมไม่ได้ เมื่อสังคมออกมาวิพากษ์วิจารณ์ มากระแหนะกระแหน นายอภิสิทธิ์ก็ต้องยอมรับและทน จะออกมาตอบโต้ประเด็นนี้ไม่ได้ เพราะในเมื่อตัวเองไม่สามารถแก้ข้อกล่าวหาต่อสังคมเรื่องหนีทหารได้ก็ต้องยอมรับคำวิพากษ์วิจารณ์
นายประชา กล่าวว่า การที่กกต.ยกคำร้องบอกไม่เข้าข่ายก็ต้องยึดตามนั้น และมีคำวินิจฉัยออกมาแบบนี้ก็ต้องสิ้นสุดตรงนั้น แต่โดยสถานะทางสังคมแล้วไม่สิ้นสุด เพราะนายอภิสิทธิ์เป็นคนรุ่นใหม่ และพูดมาตลอดว่าเคารพกฎหมาย เคารพจริยธรรม เคยเปรียบคนนั้นคนนี้ว่าไม่สง่างาม ไม่เหมาะสม ขาดจริยธรรม ดังนั้น เมื่อข้อครหาเกิดขึ้นกับนายอภิสิทธิ์ ที่มีความโหยหาอำนาจ อยากได้ลาภยศบรรดาศักดิ์นั่นคือการเป็นนายกรัฐมนตรี แม้กระทั่งคนที่จะมาส่งเสียงโวยวายเรื่องช่วงชิงอำนาจ ปล้น แย่ง หรือมีข่าวถึงขนาดว่าไปซื้อไปหา ส.ส.เพื่อให้มาสนับสนุนตนเป็นนายกฯ นายอภิสิทธิ์ใช้โอกาสทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งการเป็นรัฐบาล ไม่ว่าจะเกิดความชอบธรรมหรือไม่ชอบธรรม นายอภิสิทธิ์ก็ไม่สนใจ อีกทั้งทุกวันนี้นายอภิสิทธิ์จะเดินไปทางไหนก็มีคนตราหน้าว่าปล้นเขามา ซึ่งก็หนีไม่พ้นคำว่าตระบัดสัตย์เล่ห์กลด้วยเงินต้องมนตร์คาถา
"นายอภิสิทธิ์ต้องใจคอหนักแน่นที่จะรับฟังคำวิพากษ์วิจารณ์ของคนอื่น เพราะการได้มาของตำแหน่งไม่มีความภาคภูมิใจ ได้มาด้วยความไม่สง่างาม ดังนั้น ต้องยอมรับคำวิพากษ์วิจารย์เหมือนกับที่เคยวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นไว้" นายประชา กล่าว