กรุงเทพฯ 22 พ.ค. - “พ.ต.ท.ทักษิณ” เชิญนักธุรกิจใหญ่เมืองดูไบแสดงวิสัยทัศน์การทำธุรกิจและการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยมีรัฐมนตรีและอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย รวมทั้งนักธุรกิจ เข้าร่วมรับฟังจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานจากศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ว่า ในช่วงเย็นวันนี้ (22 พ.ค.) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และประธานมูลนิธิไทยคม ได้เชิญ สุลต่าน อะห์เหม็ด บิน สุลาเย็ม ประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัท ดูไบเวิลด์ มาแสดงปาฐกาถาพิเศษในหัวข้อเรื่อง “Evolutionary Reform The Dubai Experience” เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความสำเร็จของรัฐดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รวมถึงการส่งเสริมวิสัยทัศน์ในการทำธุรกิจและพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย
สำหรับการแสดงปาฐกถาครั้งนี้ มีนักธุรกิจเข้าร่วมรับฟังเป็นจำนวนมาก รวมถึงคณะรัฐมนตรี อาทิ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พล.ท.หญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย อาทิ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ นายเนวิน ชิดชอบ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช นายพงษ์เทพ เทพกาญจนา เข้าร่วมฟังปาฐกถาครั้งนี้ด้วย
ทั้งนี้ สุลต่าน อะห์เหม็ด บิน สุลาเย็ม วัย 53 ปี เป็นนักธุรกิจที่มีบทบาทโดดเด่นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของดูไบ มีอาณาจักรธุรกิจครอบคลุมกิจการแทบทุกสาขา และบริษัทในเครือเกือบ 100 แห่ง ที่มีการลงทุนทั้งในดูไบและต่างประเทศ รวมถึงประเทศไทยด้วย
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวเปิดงานว่า หลังจากที่ต้องหลบอยู่ต่างประเทศ ตนเดินทางไปในหลายประเทศ เห็นนานาประเทศมีความเจริญ และได้มีโอกาสพบปะกับนักธุรกิจชั้นนำ จึงคิดว่าจะนำแนวความคิดและธุรกิจชั้นนำประเทศต่างมาแสดงวิสัยทัศน์และทำความรู้จักกับธุรกิจไทย ตอนที่ไปดูไบ ก็ได้เจอกับสุลต่าน อะห์เหม็ด บิน สุลาเย็ม จึงได้เชิญมาแสดงปาฐกถา
“ผมต้องระหกระเหินไปดูไบตอนนั้น เพราะในประเทศไทย เขาไม่ให้ดูดอก ไม่ให้ดูต้น เลยต้องไปดูไบ ซึ่งก็เห็นดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สามารถพัฒนาประเทศด้วยขีดความสามารถที่ดี โดยเฉพาะดูไบเป็นพื้นที่ทะเลทราย แต่เขาก็ทำให้ประเทศเจริญได้ภายใต้คำที่ว่า ไม่มีอะไรที่มนุษย์ทำไม่ได้ ผมมีความปรารถนาดีต่อประเทศชาติ หลังจากกลับมาก็คิดว่า จะทำงานทางด้านมูลนิธิ สังคม ช่วยประเทศชาติ เพราะถือว่าเรื่องประเทศชาติบ้านเมืองเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องส่วนตัวเป็นเรื่องเล็ก” พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว.- สำนักข่าวไทย
อัพเดตเมื่อ 2008-05-22 19:15:37