ดีเอสไอเดินหน้าสอบ สตง. เอื้อประโยชน์เอกชนจัดฝึกอบรม หลังพบมีความสัมพันธ์เชื่อมโยง “บิ๊ก สตง.”จริง เล็งเสนอเป็นคดีพิเศษหลังถกครั้งสุดท้าย 2 มิ.ย. พ่วงกับคดีฮั้วพิมพ์บัตรเลือกตั้ง ปิดข้อโต้แย้ง กกต. งัดข้อเรื่องอำนาจสอบสวน
วันนี้ (23 พ.ค.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยภายหลังประชุมคณะพนักงานสอบสวนกรณีมีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษให้ตรวจสอบผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ซึ่งมีพฤติกรรมช่วยเหลือบริษัทเอกชนให้ได้รับโครงการฝึกอบรมใน สตง.แบบผูกขาด ว่า พนักงานสอบสวนได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นเวลากว่า 1 เดือน พบความคืบหน้าการสอบปากคำพยานบุคคล และตรวจเอกสารทางบัญชีของบริษัท ที่ได้รับว่าจ้างให้จัดการฝึกอบรมให้เจ้าหน้าที่ สตง.
นอกจากนี้ ยังตรวจสอบความเกี่ยวข้องของพยานบุคคล พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้บริหาร สตง.ตามที่ถูกกล่าวหา การสอบสวนยังพบพิรุธ และมีข้อเชื่อมโยงหลายส่วน ที่ส่อไปในทางที่ไม่ถูกต้อง ตามที่มีการกล่าวหาร้องทุกข์ ดังนั้น ตนจึงสั่งให้พนักงานสอบสวนเร่งรวบรวมหลักฐาน ทั้งเอกสารและพยานบุคคล ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ เนื่องจากมีบางข้อกล่าวหา อาจต้องนำเข้าสู่การพิจารณาเพื่อรับเป็นคดีพิเศษของคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) โดยจะประชุมติดตามความคืบหน้าอีกครั้งในวันที่ 2 มิถุนายนนี้
นายธาริต กล่าวอีกว่า หากมีการสอบสวนในคดีเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้อง เอื้อประโยชน์ให้เอกชน ดีเอสไอจะต้องรวบรวมข้อมูลและหลักฐานเบื้องต้น ก่อนนำสำนวนส่งต่อให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รับไปดำเนินการ และเมื่อมีหลักฐานชัดเจนเพียงพอ พนักงานสอบสวนจะมีหมายเรียกหรือเชิญผู้บริหารระดับสูงของ สตง.ที่ถูกกล่าวหามาให้ปากคำ
ส่วนความคืบหน้าการสอบสวนคดีฮั้วประมูลการพิมพ์บัตรเลือกตั้ง ว่า ดีเอสไอคงไม่จำเป็นต้องไปชี้แจงเรื่องอำนาจการสอบสวนคดีฮั้วประมูลกับนายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)อีกแล้ว เพราะกกต.ทำหนังสือแย้งมาชัดเจนว่า ดีเอสไอไม่มีอำนาจสอบสวน เพราะการประมูลดังกล่าวมีวงเงินไม่ถึง 100 ล้านบาท ดังนั้น ดีเอสไอจะนำคดีดังกล่าวเสนอให้คณะกรรมการคดีพิเศษ ลงมติรับเป็นคดีพิเศษ เพื่อยุติข้อโต้แย้งเรื่องอำนาจสอบสวน
ก่อนหน้านี้ นายวันชัย จงจรูญหิรัณย์ กลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ ได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อดีเอสไอ ถึงความไม่ชอบมาพากลใน สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) จากการที่บริษัท ออดิต แอนด์ แมเนจเม้นท์ คอนซัลแตนท์ จำกัด ผูกขาดการจับอบรมให้กับบุคลากรของ สตง. มูลค่านับสิบล้านบาท และบริษัทดังกล่าวยังเช่าอาคารพาณิชย์ของ นายทรงเกียรติ เมณฑกา สามีคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่า สตง. ที่ส่อเข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อน