WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, May 20, 2008

“จิ๋ว”การันตี“จักรภพ”ไม่จาบจ้วง

“จักรภพ” พร้อมแจงสังคม เปิดทุกแง่มุมในเอกสารฉบับแปลกรณีถูกกล่าวหาจาบจ้วงสถาบัน 22 พ.ค. นี้ รุดพบ “บิ๊กจิ๋ว” ที่นครพนม พ่อใหญ่การันตีเป็นคนมีความรู้ ไม่ทำแน่นอน รับหน้าเสื่อเคลียร์ ขบวนการจ้องทำลายทางการเมือง เสี้ยมคนให้ชนกัน “นพดล” ขอรอดูข้อเท็จจริง ชี้ต้องให้เป็นไปตามกฎหมาย ยันรัฐบาลไม่แทรกแซง ขณะที่ กกต. พร้อมสอบคุณสมบัติ “สมัคร” 2 ปมในการว่าจ้าง หากมีการทำสัญญาถือว่าผิดทันที

ความพยายามในการจ้องล้มรัฐบาลยังไม่ลด ละ เลิก ล่าสุดที่มีการเปิดประเด็นพุ่งเป้าโจมตีไปที่ นายจักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีการขุดประเด็นโจมตีด้วยข้อหามีทัศนคติที่ไม่ดีต่อสถาบันเบื้องสูง จากการนำคำปาฐกถาเรื่อง “ระบบอุปถัมภ์” ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2550 ที่พูดเป็นภาษาอังกฤษมากล่าวอ้างนั้น

เป็นที่น่าสังเกตว่า จากวันนั้นจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ที่นายจักรภพ ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็น รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และได้เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตนต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กลับไม่มีการดำเนินการใดๆ ทั้งในขณะนั้น ในห้วงเวลาที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ยึดอำนาจตั้งตนเป็นรัฐบาล แต่กลับมีการผูกเงื่อนปมโยงใยเพื่อเป้าประสงค์ทำลายรัฐมนตรีในรัฐบาลนี้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของฝ่ายประชาธิปัตย์ที่เตรียมยื่นหนังสือเสนอต่อ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 21 พฤษภาคมนี้ ให้พิจารณาปรับ นายจักรภพ ออกจากรัฐบาลนี้โดยเร็ว

ขณะที่ล่าสุด นายจักรภพ ได้ขอใช้เวลาแปลเอกสารดังกล่าว ซึ่งจะแล้วเสร็จและสามารถเสนอต่อสื่อมวลชนได้ในวันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภาคมนี้

และในขณะเดียวกัน นายจักรภพ ได้เข้าพบเพื่อหารือในเรื่องนี้กับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่พิพิธภัณฑ์ จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมเก่า เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ซึ่ง พล.อ.ชวลิต รับปากที่จะช่วยพูดอธิบายให้สังคมได้เข้าใจว่า มีขบวนการจ้องทำลายทางการเมือง และต้องการสร้างความแตกแยกในสังคม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจักรภพ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปที่ จ.นครพนม เพื่อร่วมบำเพ็ญกุศลเจริญอายุวัฒนะมงคลครบ 8 รอบของพระมงคลญาณเถร หรือ หลวงปู่มา ญาณวโร เจ้าอาวาสวัดสันติวิเวก จากนั้นได้เดินทางไปนมัสการองค์พระธาตุพนม

ต่อมา นายจักรภพ ได้เดินทางมารอพบกับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่บริเวณจวนผู้ว่าฯ นครพนมหลังเก่า โดย พล.อ.ชวลิต เป็นประธานในพิธีเปิดงานออนซอน จ.นครพนม พร้อมเพียงไปด้วยบรรดา ส.ส.นครพนม ของพรรคพลังประชาชนครบทีม

ทั้งนี้ ภายหลังได้พบปะพูดคุยกับ พล.อ.ชวลิต แล้ว นายจักรภพ เปิดเผยว่า กรณีการกล่าวปราศรัยของตน ขณะนี้ตนจะทำเรื่องนี้ให้กระจ่างและพร้อมตอบทุกคำถาม ซึ่งเบื้องต้นตนจะต้องทำคำแปลให้กระจ่างชัดเสียก่อน คาดว่าคำแปลจะเสร็จทันก่อนวันพฤหัสบดีนี้ (22 พ.ค.) อย่างแน่นอน และจะเปิดเผยข้อเท็จจริงให้สื่อมวลชนรับทราบในวันเดียวกัน ทั้งนี้ ตนขอให้ประชาชนอย่าหวั่นไหวกับข่าวที่เกิดขึ้นเพราะเป็นการมุ่งทำลายกันทาง การเมือง ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์เตรียมยื่นหนังสือถึงนายกฯ ถอดถอนตนนั้น ก็ให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายค้าน ใครมีหน้าที่อะไรก็ทำไป

“นับเป็นการโชคดีที่ผมได้มาพบกับ พล.อ.ชวลิต ในวันนี้ ท่านได้บอกกับผมว่า ตอนนี้มีคนเข้าใจผิดกันมาก ซึ่งท่านจะได้ช่วยพูดอธิบายให้สังคมได้เข้าใจว่า มีขบวนการจ้องทำลายกันทาง การเมือง และเสี้ยมคนให้ชนกัน รวมทั้งการสร้างความแตกแยกในสังคมนั้นเป็นอย่างไร ซึ่งต้องขอขอบคุณ พล.อ.ชวลิต เป็นอย่างมาก เพราะท่านเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง” นายจักรภพ กล่าว

ก่อนหน้านี้ นายจักรภพ ได้ตอบข้อซักถามสื่อมวลชนในโอกาสที่เดินมามาตรวจราชการพร้อมมอบนโยบายแก่ข้าราชการ ที่ศาลากลางจังหวัดนครพนม กรณีที่มีผู้ใส่ร้ายว่าตนพูดหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้ ไม่เป็นความจริง มีกลุ่มบุคคลพยายามสร้างกระแสให้ปรากฏทางสื่อมวลชน เพื่อที่จะล้มล้างตนและรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ ส่วนตัวตนไม่เคยแม้แต่คิดที่จะพูดหรือกระทำเช่นนั้น เพราะในครอบครัวก็มีความผูกพันและเคารพบูชาสถาบันเบื้องสูง ทั้งนี้หลังจากได้แปลเอกสารการบรรยายเสร็จเรียบร้อย และจัดพิมพ์เผยแพร่แล้ว ตนจะฟ้องดำเนินคดีกับผู้ที่ทำให้ตนเองเสียหาย สร้างข่าวเท็จให้ประชาชนสับสน ซึ่งทั้งหมดเป็นเรื่องที่ไม่เป็นความจริง

ด้าน พล.อ.ชวลิต ตอบคำถามผู้สื่อข่าวภายหลังเยี่ยมชมซุ้มแสดงวัฒนธรรมภายในพิพิธภัณฑ์ จ.นครพนม ในเรื่องนี้ว่า ตนไม่ทราบเรื่องว่าเป็นอย่างไร แต่ตนคิดว่าคนที่มีความรู้อย่าง นายจักรภพ ไม่น่าจะกระทำเช่นนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ส่วนลึกของความเป็นชาติทุกคนเข้าใจ คนอย่างนี้ยิ่งเข้าใจง่ายใหญ่ เพราะฉะนั้นจึงมีความรู้สึกว่ามีอะไรกัน ก็ต้องพูดกันให้รู้เรื่อง

ส่วนที่มีกระแสข่าวทาบทามให้เป็นนายกรัฐมนตรี แทนนายสมัครนั้น พล.อ.ชวลิต กล่าวปฏิเสธว่า ไม่เป็นความจริง เพราะตนเป็นไม่ได้ เนื่องจากนายกรัฐมนตรีจะต้องมาจาก ส.ส. และนายสมัคร ก็ทำงานดีอยู่แล้ว

ในวันเดียวกัน นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ และรองเลขาธิการพรรคพลังประชาชน ให้สัมภาษณ์ที่ประเทศสิงคโปร์ ถึง ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน เสนอให้นายจักรภพพิจารณาตัวเองด้วยการลาออกเพื่อต่ออายุให้รัฐบาล ว่า พรรคพลังประชาชนอยากให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย ทั้งนี้ตนยังไม่ได้ฟังและเห็นสิ่งที่นายจักรภพได้พูดออกไป ขณะเดียวกัน บ้านเมืองก็มีกฎหมายและกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ต้องมาพิจารณาว่า ฝ่าฝืนกฎหมายหรือไม่ และคงต้องรอให้นายจักรภพออกมาชี้แจงเสียก่อน

ส่วนความเห็นของ ร.ท.กุเทพ เป็นความเห็นส่วนตัว ไม่ได้เป็นความเห็นของพรรค ส่วนพรรคจะพิจารณาอย่างไรคงต้องให้ นายสมัคร ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชาชนพิจารณา

ในอีกด้านหนึ่ง หลังจากที่ นายสมัคร นายกรัฐมนตรี ออกมาระบุถึงขบวนการโค่นล้มเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ในรายการ สนทนาประสาสมัคร (19 พ.ค.) โดยระบุถึง 2 เสือที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณืที่เกิดขึ้นกับตนทั้งหมด 4 ครั้ง กระทั่งล่าสุดได้เปิดประเด็นการเป็นผู้ดำเนินรายการ “ชิมไปบ่นไป – ยกโขยงหกโมงเช้า” ส่อขัดรัฐธรรมนูญในเรื่องขาดคุณสมบัติ จนต้องยุติการออกอากาศรายการดังกล่าวชั่วคราว และเตรียมจะยื่นหนังสือถึง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อชี้แจงในข้อกฎหมายถึงการเป็น “ผู้รับจ้าง” ไม่ใช่ “ลูกจ้าง” ตามที่ถูกร้องในนั้น

ล่าสุด นางสดศรี สัตยธรรม กกต. กล่าวว่ายังไม่ได้รับการแจ้งจากนายสมัคร ที่จะส่งเอกสารให้กกต. ตรวจสอบคุณสมบัติ ในเบื้องต้น กกต.ได้ตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อสอบสวนเรื่องนี้แล้ว คาดว่าจะได้ผลสรุปในช่วงต้นเดือนมิถุนายน ส่วนที่นายสมัครยืนยันว่าการจัดรายการดังกล่าว ไม่ได้อยู่ในฐานะลูกจ้าง แต่เป็นเพียงการรับจ้างนั้น คงต้องมีการตรวจสอบประเด็นในสัญญาการว่าจ้างสำคัญในสองประเด็น คือ 1.มีการทำสัญญาว่าจ้างให้จัดรายการแบบถาวรหรือไม่ และ 2.บริษัทอะไรเป็นเจ้าของรายการ ซึ่งหากตรวจสอบพบว่ามีการจัดทำสัญญาดังกล่าวจริง จะถือเข้าว่าข่ายผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 267 ที่ห้ามนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี จะเป็นลูกจ้างของบุคคลใดไม่ได้ทันที