“นพ.เหวง” ไม่หวั่นไหวเผด็จการข่มขู่ ลั่นไม่ยอมก้มหัวให้แน่ ห่วงการโต้กลับในรูปแบบอื่น จี้เจ้าหน้าที่คลายปมสาวให้ถึงตัวการใหญ่โดยเร็ว ขณะที่แนวร่วมประชาธิปไตยดาหน้าขานรับไม่หยุดเคลื่อนไหว พร้อมต่อสู้เดินหน้าแก้ รธน.ต่อไป ซัดพวกใช้วิธีสกปรก ไม่สมศักดิ์ศรี ด้าน “ดร.เมธาพันธ์” ชี้มีขบวนการจ้องทำลายล้างอยู่เบื้องหลัง การข่มขู่คุกคามบุคคลหรือแกนนำองค์กรในภาคประชาชนเกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่มีการเคลื่อนไหวผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 รวมไปถึงล่าสุดที่มีการเปิดเวที “16 ปี พฤษภา 35” อันมีมูลเหตุเชื่อได้ว่าเกิดจากฝ่ายที่เป็นปฏิปักษ์ หรือกลุ่มอำนาจเผด็จการที่ต้องการออกมาป้องปรามการเคลื่อนไหวขององค์กรภาคประชาชน โดยก่อนหน้านี้ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ประธานกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ก็ได้ถูกข่มขู่ในลักษณะจะโดนอุ้ม หากไม่รีบเก็บหนังสือที่มีเนื้อหาระบุเกี่ยวข้องกับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ให้หมด
ทั้งนี้ ภายหลังเกิดหตุการณ์ผู้ไม่ประสงค์ดีนำปืนปลอมมาวางทิ้งไว้บริเวณหน้าบ้านพักย่านดอนเมืองของ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำสมาพันธ์ประชาธิปไตย และเป็นหนึ่งในคณะกรรมการประชาชนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 (คปพร.) เมื่อเวลา 05.45 น.ของวันที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งเข้าข่ายลักษณะข่มขู่และคุกคามสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลนั้น ซึ่งภายหลัง นพ.เหวง พร้อมด้วยภรรยาได้เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.ท.นพดล ขันตีกุล ร้อยเวร สน.ดอนเมือง โดยได้บันทึกประจำวัน พร้อมบันทึกภาพถ่ายไว้เป็นหลักฐาน และเก็บปืนปลอมเพื่อนำไปตรวจสอบลายนิ้วมือตามขั้นตอนกฎหมายต่อไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าในเรื่องนี้ ร.ต.ท.นพดล เจ้าหน้าที่ร้อยเวรผู้รับแจ้งความคดีดังกล่าว เปิดเผยว่า ได้ทำการเก็บหลักฐานปืนปลอมไปส่งให้ทางฝ่ายพิสูนจ์หลักฐานหารอยนิ้วมือเปรียบเทียบบุคคลเพื่อหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้ โดยได้รายงานเรื่องนี้ให้ทางผู้บังคับบัญชารับทราบแล้ว ซึ่งทาง พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ พรหมสวัสดิ์ ผกก. สน.ดอนเมือง ได้สั่งกำชับไปทาง พ.ต.ท.ปรีชา กองแก้วรอง ผกก. ฝ่ายปราบปราม สั่งการให้เจ้าหน้าที่สายตรวจเข้าไปตรวจสอบบริเวณบ้านพักของ น.พ.เหวง เพื่อดูแลความปลอดภัยให้มากขึ้น
ขณะที่ นพ.เหวง ให้สัมถาษณ์ในเรื่องนี้ว่า หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวแล้วจนถึงขณะนี้ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นตามมา ซึ่งตนก็ไม่ได้ห่วงหรือกังวลอะไรเป็นพิเศษ และเชื่อว่าบุคคลที่เป็นแกนนำในกลุ่มคงจะทยอยถูกกระทำเช่นนี้ไปเรื่อย ซึ่งเราได้หารือกันแล้วว่า จะไม่ยอมยุติการเคลื่อนไหว และไม่ยอมก้มหัวให้กับเรื่องนี้ แม้ว่าจะถูกประสงค์ร้ายต่อชีวิตก็ตาม โดยอยากเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีและสาวไปถึงผู้บงการใหญ่ เพื่อคลายปมคดีในเร็ววัน
“คุณสมยศก็โดนขู่อุ้มมาแล้ว และยังจะมีผมอีก จึงเชื่อว่าแกนนำในกลุ่มคงต้องทยอยโดนแน่ๆ เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะมารูปแบบไหน เราเองก็ไม่ได้กังวลหรือกลัวอะไร ต่อจากนี้เราจะยิ่งเดินหน้าแต่ก็อยากเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการคลี่คลายปมเหตุ เพื่อจับกุมคนร้าย และสาวไปถึงตัวบงการใหญ่ เพราะพวกที่ก่อกวนนี้เป็นเพียงคนที่รับเงินมาเท่านั้น” นพ.เหวง กล่าว
ด้านนายสมยศ ประธานกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย หนึ่งในแนวร่วมที่ออกมาเคลื่อนไหวกล่าวว่า พฤติกรรมของผู้ที่ชอบข่มขู่เป็นเรื่องของ “มือที่มองไม่เห็น” จ้องจะปราบปรามฝ่ายตรงข้าม ดังนั้น รัฐบาลต้องรีบตรวจสอบ ส่วนตัวมองว่ามันไม่มีหนทางอื่นแล้ว จึงกระทำการในลักษณะเช่นนี้ เพราะหวังให้พวกเรากลัว แต่มันไม่ได้ทำให้เรากลัวเลย และพร้อมที่เดินหน้าสู้ต่อไป
“พวกที่ทำ มันหวังให้เกิดความขัดแย้งในชาติ หวังเป็นชนวนให้เกิดเหตุการณ์ทางการเมือง พวกที่คาดหวังให้เกิดกลียุคควรจะทบทวนให้ดี เพราะพฤติกรรมอย่างนี้ไม่เหมาะสม เราเป็นประชาธิปไตยควรจะต่อสู้กันในระบอบประชาธิปไตย สู้กันในสภาดีกว่าที่จะใช้วิธีสกปรกเช่นนี้ ชกใต้เข็มขัดมันไม่สมศักดิ์ศรี วิธีการเดิมๆ ที่เรารู้ทัน เลิกเล่นสกปรกและมาสู้กันในสภาดีกว่า” นายสมยศ กล่าว
ขณะที่ ดร.เมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์ ประธานแนวประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปก.2) แสดงความเห็นในเรื่องนี้ว่า ที่ผ่านมาเคยมีการกระทำแบบเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการโทรศัพท์เข้ามาข่มขู่บ้าง แต่ของ นพ.เหวงที่ถูกขู่แบบนั้นถือว่าเป็นกรณีแรก ซึ่งจากการกระทำดังกล่าวมองว่าจะต้องมีกระบวนการอยู่เบื้องหลัง เพราะว่ากลุ่มนี้เป็นพวกบู๊ที่ไม่เปิดเผยตัวเองว่ามีลักษณะแบบใด แต่เชื่อว่าจะต้องเป็นคนกลุ่มนี้อย่างแน่นอน
พร้อมทั้งกล่าวถึงการออกมาพูดอย่างไม่เหมาะสมของคนบางกลุ่มด้วยว่า จากตอนที่ นายสุริยะใส กตะศิลา แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เคยออกมาประกาศว่า หากมีการชุมนุมในวันที่ 20 เมษายน 2551 และตำรวจออกมาควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ เขาจะส่งกลุ่มคนของเขามาจัดการดูแลเอง การที่กลุ่มพันธมิตรออกมาพูดจาโดยใช้คำพูดที่รุนแรงผ่านสื่อไม่ว่าจะเป็น ASTV หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และวิทยุชุมชน 97.75 เพื่อต้องการให้ประชาชนที่สนับสนุนกลุ่มพวกเขามองว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นสิ่งที่ผิด และต้องการให้กลุ่มทหารบางกลุ่มเกิดการฮึกเหิมและจะได้มีการทำการปฎิวัติอีกครั้ง” ดร.เมธาพันธ์ กล่าว
พร้อมทั้งขอร้องให้แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ รวมไปถึง ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์บางคนได้ไตร่ตรองในการใช้คำพูดที่จะออกผ่านสื่อ โดยจะต้องตรวจสอบและรู้จักระมัดระวังมากกว่านี้เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนเข้าใจผิด