* ส่อผิดกฎหมายอาญา ม.114-116 ท่ามกลางกระแสความสับสนทางการเมือง อันเนื่องจากมีคนบางกลุ่มพยายามดึงฟ้าต่ำ และพยายามปล่อยข่าวปฏิวัติอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งที่ล่าสุด พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ออกมาระบุสอดคล้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ว่าการปฏิวัติยังมีโอกาสเกิดขึ้นได้ตลอด รวมถึงมีการตีความกันว่าส่อเป็นการยั่วยุให้เกิดการยึดอำนาจ นั้น ติงหยุดเหยียบย่ำกระดูกวีรชน โมฆบุรุษในระบอบประชาธิปไตย พวกอันธพาลขวางแก้รัฐธรรมนูญ เฝ้าจับตาพฤติกรรม “จำลอง” “ครูประทีป”ซัด “จำลอง” คนหลงยุค รธน.40 คือจิตวิญญาณ ปชต. ฉะทหารอำนาจนิยมขวางแก้รธน. ทนายดังย้ำผิดอาญาม.116ด้วย
รุมยำ “จำลอง ศรีเมือง” ลืมอุดมการณ์ประชาธิปไตย เปิดเผยตัวตนที่แท้ฝักใฝ่เผด็จการ ชี้เป็น “โมฆบุรุษ” เพราะเกียรติภูมิที่เคยต่อสู้ในอดีตกลายเป็นความสูญเปล่า ระบุออกมาปูดประเด็นรัฐประหารเหมือนเป็นการดูถูกประชาชน เหยียบย่ำกองกระดูกวีรชนเดือนพฤษภา นักวิชาการ-นักกฎหมาย ระบุการออกมาขวางแก้ รธน. และการออกมาปูดข่าวปฏิวัติสร้างความสับสนในบ้านเมือง ส่อเข้าข่ายผิดกฎหมายอาญาตั้งแต่มาตรา 114-116 มีสิทธิ์ติดคุกหัวโต
กรณีดังกล่าวได้กลายเป็นประเด็นที่มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางถึงความเหมาะสม และเจตนาที่อาจจะส่งผลถึงความวุ่นวายในบ้านเมือง ไปจนถึงประเด็นที่ส่อว่าการกระทำในลักษณะดังว่านั้น อาจจะมีความผิดเกี่ยวข้องกับกฎหมายที่เกี่ยวกับความมั่นคง
เมื่อบ่ายวันที่ 18 พฤษภาคมที่ผ่านมา ก่อนเปิดเวทีสัมมนา “รำลึก 16 ปี พฤษภาทมิฬ” ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ นพ.เหวง โตจิราการ นพ.สันต์ หัตถีรัตน์ ครูประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ แกนนำสมาพันธ์ประชาธิปไตย ได้ร่วมกันแถลงข่าวตอบโต้ พ.ต.จำลอง ที่อออกมาพูดดังกล่าว
ชี้ธาตุแท้ “จำลอง” ใฝ่เผด็จการ
นพ.สันต์ กล่าวว่าในฐานะอดีตประธานสมาพันธ์ประชาธิปไตยคนแรก ต้องบอกว่าสมาพนัธ์ประชาธิปไตยก่อตั้งขึ้นในช่วงเหตุการณ์ พฤษภามิฬ 2535 เพื่อต่อต้านเผด็จการทหารในยุคนั้น ร่วมกับประชาชนมือเปล่าๆ ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง ที่ปัจจุบันกรรมการของสมาพันธ์ฯ มีเหลือยู่เพียง 4 คน ที่ยังยืนหยัดต่อสู้กับเผด็จการ ขณะที่อีก 3 คน ได้เปลี่ยนสี ลอกคราบตัวเองในช่วงก่อนรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ออกมาให้เห็นแล้วว่า แท้จริงคือเผ็จการ และขณะนี้ก็ยังพยายามยั่วยุให้เกิดการรัฐประหารขึ้นอีกครั้ง ซึ่งประชาชนทุกคนจะยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้ รวมทั้งจะไม่ยอมให้ วีรชนพฤษภาทมิฬ ที่ยอมเสียสละชีวิตต่อสู้กับเผด็จการต้องสูญเปล่า
ด้านครูประทีป กล่าวว่า 16 ปี หลังเกิด พฤษภาทมิฬ การเรียกร้องประชาธิปไตยของประชาชนได้ทำให้เกิดรัฐบาลที่เข้มแข็ง สามารถแก้ไขปัญหาของคนยากคนจนได้ แต่การที่ พล.ต.จำลอง ออกมายั่วยุให้เกิดการรัฐประหารขึ้นอีกครั้ง เป็นการเปิดเผยธาตุแท้และตัวตนออกมาแล้วว่า เป็นเผด็จการ ที่กำลังปกปกป้อง รธน. 2550 ที่เต็มไปด้วยกับดักมากมาย อาทิเช่น การจัดตั้งองค์กรอิสระที่ไม่ชอบมาพากล หรือแม้กระทั่งการได้มาซึ่ง ส.ว. ที่มาจากการลากตั้ง
ขณะที่ นพ.เหวง เสริมว่า การออกมาพูดให้เกิดการรัฐประหารของ พล.ต.จำลอง ถือเป็นทรราชย์อำมาตยาธิปไตย ซึ่งอยากจะถามกลับว่า
1. การที่ พล.ต.จำลอง ออกมาบอกว่า ประชาชนคนไทยยังไม่เข้มแข็ง แท้จริงแล้วใครกันแน่ที่ไม่เข้มแข็ง ซึ่งน่าจะเป็นตัวของ พล.ต.จำลอง มากกว่า เพราะปัจจุบันประชาชนทุกหมู่เหล่าได้แสดงออกให้เห็นแล้ว ด้วยการอออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย พร้อมให้ยกเลิก รธน. 50 และนำเอา รธน.40 กลับมาใช้ใหม่
2. การออกมากล่าว พล.ต.จำลอง ในลักษณะดังกล่าว ถือเป็นการเหยียบย่ำประชาชนคนไทย
3. ยิ่งหนักขึ้นไปอีกคือ พล.ต.จำลอง กำลังเหยียบย่ำซากศพของวีรชน พฤษภาทิมฬ ที่เสียสละชีวิตเพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตย และ
4. อยากบอก พ.ต.จำลอง ว่า ประเด็นการเมืองในขณะนี้ มีเพียงประเด็นเดียวคือ รธน.2550 ของทรราชเผด็จการ ต้องยกเลิกไป และเอา รธน. 40 ของประชาชนกลับมาใช้
จี้ “จำลอง”หยุดสร้างกระแสปฏิวัติ
ขณะเดียวกันในเวทีสัมมนา “รำลึก 16 ปี พฤษภาทมิฬ 35 ต่อต้านเผด็จการสร้างสานประชาธิปไตย” ที่จัดต่อเนื่องกันที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ ก็ยังคงมีการพูดจากันในประเด็นดังกล่าวอย่างกว้างขวาง
โดย นพ.เหวง ระบุว่า การที่ พล.ต.จำลอง ออกมากล่าวเช่นนี้แสดงว่าเป็นคนทรราชย์ นิยมเผด็จการ รัฐประหาร จิตวิณญาณไม่เป็นประชาธิปไตย นอกจากนี้ยังกระทำการดูหมิ่นประชาชนและประเทศชาติ โดยการกล่าวหาว่า ประเทศไทยมีชุมชนที่ไม่เข้มแข็ง รวมถึงยังเป็นกรเหยียบย่ำวีรชนของคนเดือนพฤษภาทมิฬ จนหมดสิ้น จึงอยากจะเรียกร้องให้ พล.ต.จำลอง หยุดปลุกปั่นสร้างกระแส ให้เกิดการรัฐประหาร และหากประวัติศาสตร์ซ้ำรอยจริงๆ ตนเชื่อว่าประชาชนต้องออกมาต่อต้านเหมือนเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พ.ศ 2535
“พล.ต.จำลองเป็นโมฆบุรุษในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยการเหยียบย่ำซากศพ และทำลายวีรกรรม และคุณงามความดีของวีรชนที่เสียเลือดเนื้อในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬจนหมดสิ้น โดยทำการหนุนให้เกิดการรัฐประหาร ทั้งที่ความจริงแล้วเกมทางการต่อสู่ทางการเมืองอย่างถูกต้องก็มีอยู่ ไม่ว่าจะร้ายแรงแค่ไหนก็ตาม ผมอยากเตือนว่า ให้คุณจำลองหยุดปลุกปั่น สร้างกระแสที่จะเกิดการรัฐประหาร เพราะประชาชนจะไม่ยอมก้มหัว และจะต่อต้านให้ถึงที่สุดเหมือนเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ” นพ.เหวงกล่าว
พร้อมทั้งย้อนถามกลับ พล.ต.จำลอง เคยเข้าไปศึกษาและทราบหรือไม่ว่า รธน.50 ได้บรรจุมาตรา 291 ที่อนุญาตให้ประชาชน 5 หมื่นชื่อกำหนดให้แก้ รธน.ได้ ส่วนการกล่าวอ้างที่ว่าการแก้รธน. จะทำให้เกิดรัฐประหารนั้น เป็นข้ออ้างของ “หมาป่ากับลูกแกะ” การแก้ รธน. ที่เกิดขึ้นเป็นการใช้สิทธิโดยชอบธรรม ทางกลุ่ม คพปร. ไม่มีเจตนาหรือฉีก รธน. เพราะว่าได้คง หมวด 1 และหมวด 2 ไว้ แล้วมาเปลี่ยนแปลงแก้ไขในหมวด 3 - 15 เพราะเล็งเห็นว่าไม่เป็นประชาธิปไตย ซึ่งการแก้ไขในครั้งนี้ เป็นไปตามครรลองของ
นพ.เหวง กล่าวต่อว่า การออกมาสนับสนุนรัฐประหารนั้นทำให้ประเทศล้าหลัง เพราะในรธน. 50 มาตรา 309 ระบุไว้ชัดเจนว่าการเกิดรัฐประหารเป็นสิ่งที่ชอบธรรม ซึ่งชี้ให้เห็นว่า การรัฐประหารเป็นสิ่งที่กระทำได้อย่างถูกต้อง ดังนั้น เพื่อรักษาเกียรติยศของประเทศชาติบ้านเมือง ทาง คพปร.จึงอยากให้มีการเร่งพิจารณาในเรื่องนี้
นพ.เหวง กล่าวอีกว่า การออกมาขัดขวางการแก้ รธน. เป็นเพียงเหตุผลของพวกอันธพาลทางการเมืองที่จ้องจะหาเรื่องใช้ความรุนแรง เป็นขบวนการปลุกปั่นให้เกิดรัฐประหาร โดยมีการโยงเรื่องของนายโชติศักดิ์ อ่อนสูง ที่ไม่ยืนเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมี และนายชาญวิทย์ จริยานุกูล ผู้ที่อยู่เบื้องหลัง เป็นผู้จัดทำเอกสารโจมตี พล.อ.เปรม ติณลสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ที่ควรจะปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม แต่ก็ยังนำมาปลุกปั่น สร้างกระแสทำลายผู้อื่น จงใจทำร้ายประชาชน จงใจให้เกิดรัฐประหารเหมือนเหตุการณ์ 6 ตุลา ที่ตอนนี้มีบางสื่อพยายามทำตัวเป็น “ดาวสยาม” และมีสถานีวิทยุบางคลื่นทำตัวเป็นสถานีวิทยุยานเกราะ
“ที่ พล.ต.จำลองออกมาอ้างว่า ประชาชนไม่เข้มแข็ง จึงต้องใช้รัฐประหารไปเรื่อยๆ เป็นดูถูกประชาชน อยากให้พี่น้องประชาชนออกมาตักเตือน และบอกกับพล.ต.จำลองว่า ตอนนี้ประชาชนมีความก้าวหน้า มีความรู้ มีแต่นายจำลองและกลุ่มพันธมิตรฯ ที่มีจำนวนเพียงหยิบมือ ที่กำลังดำดิ่งลงสู่การรัฐประหาร อย่าได้ดึงสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้อง ขอให้พันธมิตร อย่าตัวเป็นดาวสยาม การมุ่งเน้นแก้ รธน.50 ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถาบัน หยุดกล่าวอ้างเช่นนี้เสียที
การดึงสถาบันมาเป็นข้ออ้าง เพราะหมดหางที่ที่จะดึงแนวร่วมประชาชน เป็นการ “เข้าตาจน” จึงพยายามดึงฟ้าลงมาต่ำ และอยากเรียกร้องให้คนกลุ่มนี้อย่านำสถาบันมาเป็นเครื่องมือ การวิพากษ์วิจารณ์ต้องใช้สติปัญญา ไม่ใช่เอากระบอกปืนมาข่มเหงรังแกประชาชน อย่างไรก็ดี ทาง คพปร.จะใช้วิธีการโต้แย้งทางเหตุผลและความคิด และจะติดตามพฤติกรรมของ พล.ต.จำลองอย่างต่อเนื่องว่าจะออกมากระทำการซ้ำๆ ซากๆ เช่นนี้อีกหรือไม่ ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า ภารกิจของ คพปร. เป็นสิ่งที่ถูกต้องและชอบธรรม
ด้าน นางประทีป อึ๊งทรงธรรม ฮาตะ กล่าวเช่นกันว่า การที่พล.ต.จำลองออกมาพูดในลักษณะนี้ เพราะตัวเขาเองก็เป็นส่วนหนึ่งของการร่าง รธน. 50 ที่มาจากเผด็จการ ต้องการทำลายประชาธิปไตยอ่อนแอลง แกคงอยากให้ประชาชนเป็นเหมือนแก ที่วันนี้กินข้าวมื้อเดียว อาบน้ำ 5 ขัน ซึ่งการรัฐประหารครั้งที่ผ่านมาก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าระบบเศรษฐกิจและประเทศชาติบ้านเมืองเสียหายมากเพียงใด คุณภาพชีวิตของประชาชนได้รับผลกระทบ นายจำลองคงไม่ต้องการให้ประเทศมีความเจริญก้าวหน้า
“จำลองเป็นคนหลงยุค เพราะอายุมากเกินไป คอยแต่จะต้องการให้ประเทศล้าหลัง เหมือนกับประเทศพม่าที่ทำให้ประชาชนอดอยาก ขาดการศึกษา ขบวนการเคลื่อนไหวของคนกลุ่มนี้โดยการดึงสถาบันมาเป็นเครื่องมือ เพื่อต้องการล้มรัฐบาลชุดนี้ และให้คนของกลุ่มตัวเองได้เข้ามามีบทบาทและอำนาจทางการเมือง ต้องการปกป้องผลประโยชน์ให้กับคนบางกลุ่มให้ได้เสวยสุข”
นายคณิน บุญสุวรรณ อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) และนักวิชาการอิสระ กล่าวในเวทีเดียวกันว่ารัฐประหารครั้งที่แล้ว พล.ต.จำลองก็อยู่ในฐานะแนวร่วมด้วย ทั้งยังเป็นคนที่ผลักดัน รธน. 50 แล้วบอกให้ประชาชนรับไปก่อนแล้วมาแก้ไขทีหลัง ขณะที่อาจารย์นักวิชาการด้านกฎหมายก็แบ่งพรรคแบ่งพวก คนที่เคยออกมาต่อต้านรัฐประหารก็เปลี่ยนไปเป็นแนวร่วมรัฐประหาร ความพยายามทั้งหมดกำลังจะก่อให้เกิดความแตกแยกในหมู่ประชาชน
ส่วนการกล่าวอ้างถึงสถาบันไม่ได้เกิดผลดีกับใคร คุณไม่มีสิทธิมาพูดว่าประชาชนทุกคน ไม่เคารพสถาบันเบื้องสูง เพราะในความเป็นจริงแล้ว ประชาชนทุกคนมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ สถานการณ์ปัจจุบันนี้เป็นความพยายามของคนเพียงแค่ไม่กี่หยิบมือ ที่พยายามยุยง ให้คนเกิดความแตกแยกกัน การกระทำดังกล่าว เพียงเพื่อต้องการปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง
พร้อมระบุถึงเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ (รธน.) 50 ว่า ถือได้ว่า รธน. 40 เป็นจิตวิญญาณประชาธิปไตย มีเป้าหมายเพื่อปฎิรูปการเมือง และที่สำคัญได้สร้างเสถียรภาพทางการเมืองให้เกิดขึ้น โดยเฉพาะ รธน.40 ได้ส่งเสริมให้รัฐบาลมีเสถียรภาพที่เข้มแข็ง
ด้าน ดร.วรพล พรหมมิกบุตร อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงกลุ่มที่สนับสนุนให้มีรัฐประหาร และเป็นเครื่องมือของกลุ่มเผด็จการที่ใช้ทำลายระบอบประชาธิปไตยมีอยู่ 3 พวก คือ หนึ่งกลุ่มทหารที่มีอุดมการณ์ฝักใฝ่อำนาจนิยม สองนักการเมืองหรือพรรคการเมืองที่มีความชัดเจนในสายประชาชนว่าเป็นใคร ที่พยายามสร้างภาพให้กับตัวเองว่าเป็นพวกรักประชาธิปไตย แต่พอเกิดรัฐประหารก็ไม่เห็นจะแสดงตน แต่กลับให้การยอมรับและสนับสนุนคนกลุ่มนี้ และสามกลุ่มนักวิชาการ โดยเฉพาะพวกนักกฎหมายที่เขียนกฎหมายขึ้นมาเพื่ออำนาจของตัวเอง คนกลุ่มนี้จะกระจัดกระจายอยู่ในกระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็นสภาทนายความหรือศาลรัฐธรรมนูญ ล้วนแล้วแต่มีเครือข่ายอำนาจคณาธิปไตยทั้งสิ้น
ขณะที่ นายวีระ มุสิกพงษ์ กล่าวถึง พล.ต.จำลอง โดยระบุว่า เป็นเรื่องของคนขาดสารอาหารหรือขาดโปรตีนหรือเปล่า เมื่อถึงเวลาไม่อยากได้ รธน.40 ก็ออกมาคัดค้านไม่เอา ทั้งๆ ที่ รธน.50 พล.ต.จำลองยกมือรับเป็นคนแรก
ส่อผิดกม.อาญามาตรา114-115
นอกจากนี้ประเด็นของ พล.ต.จำลอง ก็ยังเป็นเรื่องที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง รวมทั้งมีการตั้งข้อสังเกตุว่าอาจจะเข้าข่ายมีความผิดตามกฎหมายอาญาหลายมาตราด้วย
นายประชา ประสพดี ส.ส.พรรคพลังประชาชน แกนนำกลุ่มมหาประชาชนร่วมพิทักษ์ประชาธิปไตย กล่าวว่า ตอนนี้ประชาชนควรหันมาจับตามองกลุ่มพันธมิตรฯ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคประชาธิปัตย์ว่าทำไมถึงมีความคิดเดียวกัน ทำไมต้องมีการเชื่อมโยงไปสู่การปฏิวัติ ส่วนเจตนาของ พล.ต.จำลองขณะนี้ก็เพื่อล้มรัฐบาล
พร้อมกล่าวด้วยว่าต้นเหตุปัญหาทั้งหมดของบ้านเมืองเกิดจากกลุ่มพันธมิตรฯ จึงอยากให้สังคมเฝ้าจับตากลุ่มพันธมิตรฯที่กำลังจะแปลงร่าง ในฐานะเป็นแกนนำกลุ่มมหาประชาชนร่วมพิทักษ์ประชาธิปไตย จะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์รัฐประหารขึ้นอีก ใครคิดจะแตะต้องระบอบประชาธิปไตยจะต่อสู้ให้ถึงที่สุด กลุ่มทหารอย่าคิดทำปฏิวัติ เพราะไม่เป็นผลดีต่อบ้านเมือง
เมื่อถามถึงกรณีที่พล.ต.จำลอง ออกมาพูดให้เกิดความสับสนดังกล่าว นายประชากล่าวว่า กรณีของ พล.ต.จำลองเข้าข่ายผิดกฏหมายอาญามาตรา 114 มาตรา 115 การยุยงส่งเสริมให้เกิดความปั่นป่วนในบ้านเมือง แต่กรณีของพล.ต.จำลองเป็นพวกหน้าด้านไม่เคารพกฎหมาย และกฎหมายก็ใช้บังคับไม่ได้ หากเคารพในกฎหมายคงไม่ออกมาใส่ร้ายคนอื่น บ้านเมืองก็จะเกิดความสงบ หากรัฐบาลยังอ่อนแอกลุ่มพันธมิตรฯก็จะออกมาทำลายคนในสังคมและคนที่ได้รับผลร้ายคือประชาชน
ไล่ “มหา” กลับไปเลี้ยงหมาตามเดิม
อย่างไรก็ตามนายประชา ยังฝากไปถึง พล.ต.จำลองว่า พล.ต.จำลองควรลำลึกถึงวีรชนที่สูญเสียและมีการทุพลภาพเพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยขอสดุดี และอย่าได้นำประชาธิปไตยมาเป็นเครื่องมือเหยียบประวัติศาสตร์ อยาคิดเอาประชาชนมาเป็นเกราะกำบังเพื่อให้ตัวเองถึงจุดสูงสุด อย่ามุ่งที่จะเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง ประชาธิปไตยในโลกเป็นของกลุ่มพันธมิตรฯเท่านั้นหรือ ประชาชนต้องเดินตามแผนที่วางไว้หรือ
พร้อมทั้งฝากให้พล.ต.จำลองกลับไปกินผักเลี้ยงหมาที่จังหวัดกาญจนบุรีอย่าให้หมาอดตาย ควรไปพัฒนาโรงเรียนให้ดี เพื่อกลับไปขอโทษประชาชนที่ได้เคยล่วงเกินเอาไว้ ควรสำนึกชาติกำเนิดของตัวเอง การเมืองในปัจจุบันควรปล่อยให้คนรุ่นใหม่บริหารบ้านเมือง
ทางด้านนายคารม พลทะกลาง ทนายความชมรมนักกฎหมายเพื่อประชาชน ระบุว่า การแสดงท่าทีดังกล่าวที่พล.ต.จำลอง หยิบยกการชุมนุมครั้งใหญ่ทันทีหากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมทั้งถอดถอน รัฐมนตรี ส.ส-ส.ว.ที่เข้าชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาเป็นข้อต่อรองทางความสงบ ถือเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้เลยเพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญรัฐบาลดำเนินตามขั้นตอนกฎหมายทั้งหมด
การกล่าวเช่นนี้จะทำให้รัฐบาลไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่เหมือนกับว่าทำผิดกฎหมายหมดทุกสิ่งอย่าง ซึ่งจะเข้าข่ายผิดกฎหมายมาตรา 116 ในประมวลกฎหมายอาญา โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี เนื่องจากกระทำการข่มขืนใจต่อรัฐบาล ไม่ให้ทำการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
“ ม.116 ระบุว่าผู้ใดกระทำให้ปรากฎแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด ซึ่งอันมิได้เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแก่รัฐธรรมนูญหรือไม่แสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต(1) เพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดิน หรือรัฐบาลโดยใช้กำลังข่มขืนใจ หรือใช้กำลังประทุษร้าย (2) เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักรหรือ (3) เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี” ทนายคารมกล่าว
อย่างไรก็ตาม นายคารมกล่าวเสริมว่า การกระทำดังกล่าวถือว่าไม่ถูกต้อง ซึ่งจะต้องมีการหารือชมรมนักกฎหมายของตน และนักวิชาการอีกครั้งหนึ่ง เพื่อกำหนดท่าทีและพิจารณาว่าจะดำเนินการเข้าแจ้งความต่อการกระทำของพล.ต.จำลอง กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งนี้อย่างไรต่อไป