กระบวนการจ้องล้ม “จักรภพ” ยังเล่นไม่เลิก อาศัยช่องว่างช่วงรอการแปลคำปาฐกถา ดาหน้าถล่มหนักรัฐบาล หวังกดดันให้ถึงขั้นถอดใจลาออกแถมต่อยอดไปถึงนายกรัฐมนตรี ขณะที่ข่าวลือกระหึ่มบนเวบไซต์ ระบุ “ผู้ใหญ่” ในบ้านเมือง ดอดถกขยายผลประเด็นหมิ่นเบื้องสูง ตลอดช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาความพยายามในการสร้างกระแสข่าวโจมตี นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ด้วยข้อหามีทัศนคติที่ไม่ดีต่อสถาบันเบื้องสูง จากการนำคำปาฐกถาเรื่อง ระบบอุปถัมภ์ ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 2550 ที่พูดเป็นภาษาอังกฤษมากล่าวอ้าง โดยพรรคประชาธิปัตย์ ได้ขุดมาเปิดประเด็นโจมตีขึ้นมาใหม่ด้วยการทำหนังสือถึงนายสมัคร สุนทรเวช ให้พิจารณาปรับเปลี่ยนนายจักรภพ ออกจากรัฐบาล
ต่อกรณีดังกล่าว ได้มีผู้ออกมารับช่วงปลุกกระแสกดดันรัฐบาลเพิ่มขึ้นอีก ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.พงษ์เทพ เทศประทีป เลขาธิการมูลนิธิรัฐบุรุษ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และที่ขาดไม่ได้ก็คือกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รวมทั้งพรรคประชาธิปัตย์
นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วนพรรคพลังประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมการประชาสัมพันธ์การแก้ไขรัฐธรรมนูญ กล่าวว่าการอ้างเรื่องนายจักรภพ เป็นเพียงการนำเรื่องของบุคคลมาอ้างเพื่อต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้เป็นสะพานไปถึงรัฐบาล ซึ่งไม่ว่าอย่างไรกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก็ตั้งใจจะล้มรัฐบาลนี้ทุกวิถีทางอยู่แล้ว แต่ที่น่าแปลกใจ คือ ขณะนี้กระบวนการที่กลุ่มพันธมิตรฯ เคลื่อน กระบวนการที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคประชาธิปัตย์ กำลังเคลื่อนไหวคล้ายกันเหมือนนัดกันไว้ล่วงหน้า
“คนที่ออกมาแหลมมากช่วงหลัง คือ พล.อ.ชวลิต อยากให้ไปดูว่า พล.อ.ชวลิต กับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นั้น เคยเป็นมือไม้ให้ใคร ตอนนี้มือที่มองไม่เห็นดูเหมือนทำงานอยู่และเหมือนเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปตย์ ตัวจริงเสียด้วย” นายสุนัย กล่าว
เวลานี้ทุกคนเห็นแล้วว่า พรรคประชาธิปัตย์ และกลุมพันธมิตรฯทำงานประสานกันทั้งในและนอกสภา อยากขอให้ประชาชนอย่าวิตกกังวล เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญถือเป็นสิทธิอันชอบธรรมที่จะทำได้ เพราะพรรคพลังประชาชนมีภาระที่เคยให้สัญญากับประชาชนไว้ในช่วงเลือกตั้งว่า จะเข้ามาแก้ไขรัฐธรรมนูญ พรรคพลังประชาชนยึดถือสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันสูงสุด จะไม่มีการแตะต้องอย่างแน่นอน ขอให้ประชาชนพิจารณาเองว่า ใครกันแน่ที่กำลังทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสม
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหาของนายจักรภพ ว่า โดยส่วนตัวจากที่เคยต่อสู้ร่วมกันมาในฐานะแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ตนเชื่อในความบริสุทธิ์ใจของจักรภพ และไม่คิดว่าจะเป็นอย่างที่ถูกกล่าวหา ทั้งนี้ นายจักรภพ พยายามต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและสถาบัน การจุดประเด็นดังกล่าวเป็นเพราะมีกลุ่มที่ต้องการให้นายจักรภพ เป็นเหยื่อ โดยสร้างจากประเด็นละเอียดอ่อน และขอท้าพรรคประชาธิปัตย์หากเห็นว่าผิด ก็ควรไปยื่นถอดถอน และใครเห็นว่าทำผิดก็ไปแจ้งความ ซึ่งศาลจะตัดสินเองว่าผิดหรือไม่
นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในกรณีเดียวกันว่า ยังไม่เห็นรายละเอียดสิ่งที่นายจักรภพ ชี้แจงต่อนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งควรให้เป็นไปตามกฎหมายบ้านเมือง
อย่างไรก็ตาม เท่าที่ทราบ นายจักรภพ จะแปลเอกสารเสนอต่อนายกรัฐมนตรี และตนคงให้ความเห็นเรื่องดังกล่าวได้เพียงเท่านี้ เพราะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เรื่องราวอะไรมากไปกว่านี้
ด้านพล.ต.ต.สมเดช ขาวขำ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีที่ พ.ต.ท.วัฒนศักดิ์ มุ่งกิจการดี พนักงานสอบสวน สน.บางมด ช่วยราชการพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน เข้าแจ้งความกองปราบปรามให้ดำเนินคดีกับ นายจักรภพ ในข้อหาหมิ่นเบื้องสูง จากกรณีที่นายจักรภพ ได้บรรยายให้สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศฟัง เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 2550 กล่าวว่า กองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำลังถอดคำแปลภาษาอังกฤษแบบคำต่อคำอย่างละเอียด จากดีวีดีที่บันทึกภาพและเสียงจากงานดังกล่าว โดยเมื่อได้รับคำแปลแล้ว พนักงานสอบสวนจะนำเข้าที่ประชุมคณะพนักงานสอบสวน เพื่อพิจารณาว่าเข้าข่ายความผิดหรือไม่
ส่วนความเคลื่อนไหวของนายจักรภพ มีรายงานข่าว แจ้งว่า ในวันนี้ (18 พ.ค.) ภายหลังรับประทานอาหารกลางวันที่วัดภูพานอุดมธรรม อ.นาแก เสร็จสิ้น นายจักรภพ และคณะได้ออกเดินทางไปยังวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม เพื่อสักการะองค์พระธาตุพนม และรับทราบถึงการเตรียมการปรับปรุงถนนสี่ช่องจราจร จาก อ.ธาตุพนม ไปยัง จ.สกลนครโดยมีผู้นำชุมชน พร้อมชาวบ้านกว่า 1,000 คน คอยให้การต้อนรับ
อย่างไรก็ตามมีรายงานข่าวบนเว็บไซต์ www.thaienews.blogspot.com อ้างว่าเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการนัดหมายประชุมของกลุ่มที่เรียกว่าระดับสูงกันอย่างครบชุด อันได้แก่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ นายอานันท์ ปันยารชุน นายปีย์ มาลากุล และนายสุรเกียรติ เสถียรไทย เพื่อถึงการขยายผลกรณีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ สร้างแรงกดดันต่อนายจักรภพ และนายสมัคร นายกรัฐมนตรี ให้ลาออกจากตำแหน่ง