ขื่อแปบ้านเมืองนั้นสำคัญซึ่งน่าจะหมายถึงกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะศาลต่างๆ หากสร้างความ “ยุติธรรม” ให้กับสังคมได้ผู้คนในสังคมก็จะอยู่กันได้เพราะมีกติกา มีคนคุมกติกาที่จะทำให้ทุกอย่างมีหลักเกณฑ์ มีบรรทัดฐาน เวลานี้โดยเฉพาะศาลที่ต้องทำหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเมือง ไม่ว่าจะเป็นศาลรัฐธรรมนูญ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาการเมือง เนื่องจากมีคดีสำคัญและมีผลต่อความเป็นไปของบ้านเมือง ซึ่งทั้ง 2 ศาล สามารถวินิจฉัยชี้ขาดเป็นที่สุด พูดง่ายๆ หากผ่านตรงนี้ได้ก็จบ หากไม่ผ่านก็ต้องเปิด “คุก” รอ ที่น่าสนใจในขณะนี้ก็คือ ศาลรัฐธรรมนูญที่จะต้องพิจารณาเรื่องสำคัญๆหลายเรื่องที่จ่อรออยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นกรณีชี้สถานะของ 2 รัฐมนตรีคือ นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ ว่าขาดคุณสมบัติรัฐมนตรีหรือไม่ เพราะแจ้งทรัพย์สินไม่ครบ เข้าข่าย “ซุกหุ้น”...ว่างั้นเถอะ อีกเรื่องใหญ่นั่นคือกรณียุบพรรคชาติไทย และมัชฌิมาธิปไตย ซึ่งอยู่ในขั้นตอนของอัยการว่า จะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดหรือไม่ หากอัยการเห็นว่าข้อมูลต่างๆ ที่ กกต.เสนอและมีมติยุบพรรคนั้นถูกต้องก็ต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดสุดท้าย ถ้าชี้ขาดว่าต้องยุบทั้ง 2 พรรค ตามมติของ กกต.นั่นแหละการเมืองก็จะยุ่งขึ้นมา เพราะทั้ง 2 พรรคเป็นพรรคร่วมรัฐบาลจะทำให้เกิดปัญหาด้านเสถียรภาพของรัฐบาลได้ และอยู่ที่ว่าหากถูกยุบทั้ง 2 พรรคจะไปอยู่พรรคไหน จะตั้งพรรคใหม่หรือไปรวมกับพรรค การเมืองอื่น ชุลมุนวุ่นวายแน่...แต่เห็นพลังประชาชนยิ้มครับเพราะแน่ใจว่าถ้า 2 พรรคถูกยุบก็มีโอกาสที่จะมารวมกันได้ ข้อสำคัญก็คือบรรดาหัวหน้าพรรค แกนนำพรรคระดับหัวกะทิก็ต้องถูกเว้นวรรคการเมือง แบบนี้คงเกิดความระส่ำระสายแน่ เช่นกัน หากชาติไทยและมัชฌิมาธิปไตยถูกยุบมันก็จะมีผลต่อพลังประชาชนเช่นกัน ในกรณีที่ว่ากรรมการบริหารพรรคทุจริตเลือกตั้ง จะต้องถูกยุบพรรคด้วย เพราะคดีที่นายยงยุทธ ติยะไพรัช ถูก กกต.ให้ใบแดง เพราะทุจริตเลือกตั้งและกำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาล หากศาลเห็นตรงกับ กกต.คือสมควรได้ใบแดง โอกาสที่พรรคพลังประชาชนจะถูก “ยุบ” ก็ชัดเจน เพราะมีบรรทัดฐานจาก 2 พรรคที่กล้ามาแล้ว และอีกเรื่องที่ใหญ่และมีผลต่อการเมืองไม่ต่างกันก็คือ กรณีที่ศาลฎีกาให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่า คตส.นั้น ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ การต่ออายุชอบหรือไม่ 2 ประเด็นที่มีความหมายต่อคดีต่างๆ ที่ดำเนินการมาอันเกี่ยวกับการทุจริตในรัฐบาล “ทักษิณ” ศาลรับไว้พิจารณาแล้วก็มี และอีกหลายเรื่องยังดำเนินการไม่เสร็จ อีกหลายเรื่องเกิดปัญหากับอัยการคือ เมื่อ คตส.ยื่นสำนวนส่งฟ้องให้อัยการพิจารณา แต่ถูกตีกลับจนเกิดปัญหาขัดแย้งและดูท่าว่าอัยการจะไม่ฟ้องเอง ให้ คตส.ไปว่ากันเอง หากคิดว่ามีอำนาจ หากศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่า คตส.ตั้งมาโดยไม่ชอบเรื่องต่ออายุ ก็ไม่ต้องพูดเพราะมันคือผลต่อเนื่องและคดีต่างๆ ที่ คตส.ดำเนินการไปก็จะโมฆะทันที ซึ่ง คตส.ก็พยายามจะชี้ข้อกฎหมายต่างๆ ขึ้นมายืนยันความถูกต้องและชอบด้วยกฎหมาย คงต้องรอดูศาลรัฐธรรมนูญที่มี 9 ตุลาการใหม่คือ นายจรัญ ภักดีธนากุล นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ นายเฉลิมพล เอกอุรุ นายสุพจน์ ไข่มุกด์ นายจรูญ อินทจาร นายอุดมศักดิ์ นิติมนตรี นายกิติศักดิ์ กิตติคุณไพโรจน์ นายนุรักษ์ มาประณีต และนายชัช ชลวร 9 ท่านนี่แหละครับ...ที่จะชี้ความยุติธรรมแก่บ้านเมือง. "สายล่อฟ้า"