แม้จะมีดีกรีนิติศาสตรบัณฑิต จากรั้วมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รุ่น 01 รุ่นเดียวกับเซียนกฎหมายระดับนายมีชัย ฤชุพันธุ์ รวมไปถึงอดีตนายกฯ ชวน หลีกภัย อ่านกฎหมายรู้ดูกฎหมายเป็นไม่แพ้ใคร
แต่ลึกๆก็คงจะเสียวเหมือนกัน
ไม่อย่างนั้น “ลุงหมัก” นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี คงไม่สั่งยกเลิกกองถ่ายรายการ “ยกโขยงหกโมงเช้า” แบบกะทันหัน
ทั้งที่เดินทางไกลไปถึงตลาดสดกลางเมืองเพชรบูรณ์กันแล้ว
โดยเฉพาะถ้าสะท้อนจากอารมณ์ที่ “ลุงหมัก” เปิดฉากแฉผ่านรายการ “สนทนาประสาสมัคร” เมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ร่ายยาวเป็นฉากๆ
“เมื่อ 2-3 วันมานี้ มีคนคณะหนึ่งที่กำลังหาคนจะมาแทนนายสมัคร เป็นข่าวเอิกเกริกกันอยู่ ตอนนี้จะเอาออกให้ได้อีกแล้ว ก็มาบอกว่ารายการชิมไปบ่นไปมันผิดกฎหมาย”
“2 พวกนี้ผมไม่ออกชื่อล่ะครับ 2 เสือนี่ไปจัดการเลย ไปยื่น กกต.บอกว่าจะสอบเรื่องนี้ ผมก็ชี้แจงให้ทราบเสียก่อนว่าผมได้ตรวจสอบในแง่กฎหมายแล้ว ผมไม่ใช่ลูกจ้างแต่เป็นรับจ้าง แต่พอเล่นงานผมก็ไม่อยากให้มีเรื่อง เพราะจะเอานายกฯ ออกจากตำแหน่ง ผมก็เลยบอกให้หยุดถ่ายทำ และหยุดถ่ายรายการทั้งที่ช่อง 5 และช่อง 3”
“ผมจะทำจดหมายไปถึง กกต.ว่าต้องวินิจฉัยเรื่องนี้ ผมจะบอกเลยว่าที่ผมทำเพราะผมแน่ใจ มาตรวจสอบทางกฎหมาย เขาบอกผมเป็นรับจ้าง ไม่ใช่ลูกจ้าง ในกฎหมายเขียนว่าลูกจ้าง ผมไม่ได้เป็นลูกจ้าง ผมรับจ้าง เขาบอกแยกกัน ไม่เหมือนกัน”
“ก็อยากจะลองดูว่า จะทำอย่างไร ผมเข้าใจดีว่ามีหน้าที่ทำอะไรได้หรือไม่ได้ หรือจะเอารายการนี้มาฆ่ากันในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็ขอให้ประชาชนพิจารณาด้วยก็แล้วกัน รอดมาได้ 4 ครั้ง แต่ครั้งนี้ถ้าไม่รอด เขาก็เรียกว่าตายน้ำตื้น ก็อยากให้ลองดู เผื่อจะดุเดือดเลือดพล่านกันขึ้นมา”
ตามรูปการณ์ไม่ใช่แค่แง่มุมของกฎหมาย แต่ “ลุงหมัก” ปักใจเป็นเกมโค่นเก้าอี้นายกรัฐมนตรี
นี่แหละจุดที่ทำให้เสียว
และจากปริศนา “2 เสือ” ที่ “ลุงหมัก” ปล่อยออกมา ก่อนอื่นเลยตามรอยคนที่เปิดเกมยื่นสอบรายการ “ชิมไปบ่นไป” ต่อนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. มีชื่อว่านายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.ลากตั้ง
โดยชื่อไม่ค่อยคุ้นหูเท่าไหร่
แต่เจาะให้ลึกลงไปคนวงในว่ากันว่า “เรืองไกร” คนนี้เป็นเด็กในสังกัด “เจ๊ดัน” ของคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)
ก็เลยไล่สายกันได้ไม่ยาก
และให้ชัดเข้าไปอีกขั้น โยงใยกันเป็นเครือข่าย โดยการขยับรับมุกของนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีต ส.ว.กทม. เจ้าเก่าขาประจำ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการเป็นผู้จัดรายการทีวี ชิงออกมาฟันธงนำร่อง
มีใครเชื่อหรือไม่ว่า นายสมัครไม่มีผลประโยชน์จากรายการทั้งหมดของบริษัทนี้ เพราะนอกจากเป็นพิธีกรแล้ว ยังมีการยอมให้มีการนำภาพของนายสมัครไปโฆษณาในเว็บไซต์ของรายการด้วย
กรณีดังกล่าวถือว่า ความผิดสำเร็จ และความเป็นรัฐมนตรี สิ้นสุดลงทันที
ชงกันเอง ตบกันเอง
แตะมือเล่นกันเป็นทอดๆ
แต่ถึงที่สุดเลยก็ขึ้นอยู่กับคนที่มีอำนาจฟันธงตัวจริง นายประพันธ์ นัยโกวิท และนางสดศรี สัตยธรรม 2 ใน 5 เสือ กกต. ออกมาพูดตรงกัน ในเบื้องต้น กกต.ได้มีการตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อสอบสวนเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวแล้ว
คาดว่าน่าจะได้ผลสรุปในช่วงต้นเดือนหน้า
ในเบื้องต้นต้องมีการตรวจสอบประเด็นสำคัญในสัญญาว่าจ้าง 2 ประเด็น คือ 1. มีการทำสัญญาว่าจ้างให้จัดรายการแบบถาวรหรือไม่ เพราะถ้าหากถาวร จะทำให้ผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 267 ทันที และ 2. บริษัทอะไรเป็นเจ้าของรายการ
แต่จนถึงขณะนี้ กกต.ยังคงไม่มีข้อมูลแต่อย่างใด
“ลุงหมัก” คงต้องพักตะหลิว “ชิมไปบ่นไป” อีกหลายสัปดาห์.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน