ชัดเจนแล้ว พันธมิตรฯ ตั้งเป้าก่อจราจล แม้นายกฯจะยอมถอยมาหนึ่งก้าว ตามคำเรียกร้องเดิมให้ทำประชามติ แต่ท้ายสุดยังดึงดันออกแถลงการณ์ หนักข้อ โยง สภา-รัฐบาล ร่วมมือล้มล้างชาติ ศาสน์ กษัตรย์ หวังปลุกมวลชนให้บ้าคลั่ง
ภายหลังการหารือของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเสร็จสิ้นลง ได้ประกาศนัดชุมนุมใหญ่ ในวันที่ 25 พ.ค. ที่จะถึงนี้ โดยระบุไว้ในแถลงการณ์ฉบับที่ 9/2551 เรื่อง ชุมนุมใหญ่ต่อต้านการล้มล้างรัฐบาล โดยอ้างสารพัดเรื่อง ที่หนัก กล่าวหา สภาร่วมมือรัฐบาล วางแผนล
โดยแถลงการณ์ฉบับที่ 9 ของพันธมิตร เริ่มต้นด้วยการกล่าวหา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ประกอบด้วย พรรคพลังประชาชน 117 คน พรรคเพื่อแผ่นดิน 5 คน พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา 4 คน พรรคมัชฌิมาธิปไตย 2 คน พรรคประชาราช 1 คน และสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) อีก 21 คน รวม150 คน ที่ร่วมลงชื่อยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นไปเพื่อการล้มล้างรัฐธรรมนูญ 2550 ทั้งฉบับ ซึ่งได้นำเสียงที่รับร่างรัฐธรรมนูญ 2550 จำนวน14 ล้านเสียง ในยุคที่เผด็จการทหารครองเมืองจัดให้ลงประชามติ มากล้างอ้างตามเคยด้วย
โดยเหตุผลข้างต้น พันธมิตรฯ โยนกองระบุเป็นหลักฐานชัดเจนว่า ฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร ได้ดำเนินการเป็นอันตรายต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ พร้อมแยกแยะเป็นหัวข้อต่อไปอีกว่า
อันตรายที่มีต่อสถาบันชาตินั้น เกิดขึ้นจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อต้องการลบล้างความผิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพวกพ้องไม่ให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และช่วยเหลือนักการเมืองให้หลบหนีคดียุบพรรคการเมืองจากกรณีกรรมการบริหารพรรคได้กระทำผิดต่อกฎหมายเลือกตั้ง
“สะท้อนให้เห็นว่า อำนาจตุลาการกำลังถูกทำลายด้วยฝ่ายนิติบัญญัติที่ไร้จริยธรรมสมคบกับฝ่ายบริหาร ตลอดจนดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อทำให้กระบวนการตรวจสอบนักการเมืองอ่อนแอลง องค์กรตรวจสอบอิสระตามรัฐธรรมนูญอยู่ภายใต้การคัดสรรจากอิทธิพลทางการเมืองจนไม่สามารถตรวจสอบฝ่ายการเมืองได้ และจะนำไปสู่ความล่มจมของชาติดังที่เคยได้เกิดขึ้นมาแล้วในระบอบทักษิณจากการใช้รัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2540” แถลงการณ์ ระบุ
แถลงการณ์ฉบับดังกล่าวนี้ ยังคงนำการกล่าวหารัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช เป็นรัฐบาลหุ่นเชิด พร้อมข่าวโคมลอยกรณีเขาพระวิหาร การโยกย้ายข้าราชการ และสถานการณ์ชายแดนใต้ มาประติดประต่อกันให้เห็นภาพเป็นการบริหารบ้านเมืองที่สุ่มเสี่ยงต่อการเสียอธิปไตยของชาติด้วย
สำหรับอันตรายต่อสถาบันศาสนา แถลงการณ์พันธมิตร กล่าวหา กลุ่มที่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ประสงค์จะให้บัญญัติพุทธศานาเป็นศานาประจำชาติ จงใจใช้วิธีสกปรก และจะทำให้เกิดความแตกแยกของศาสนิกชนของคนในชาติอย่างกว้างขวาง
ขณะที่อันตรายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น แถลงการณ์พันธมิตรฯ นำประเด็นที่หมิ่นเหม่ต่อสถาบันเบื้องสูง ที่ถูกโหมกระพือป้ายสีออกมาเป็นระยะๆ เช่น กรณี กล่าวหามั่วตีขลุมมีเว็บไซต์จำนวนมากมีข้อความหมิ่นสถาบัน หรือแม้กระทั่งสื่อสิ่งพิมพ์ ซีดี แผ่นปลิว รวมทั้งกรณีการกล่าวหารัฐมนตรีในรัฐบาล ปาฐกถา เป็นภาษาอังกฤษ มีทัศนะคติที่เป็นอันตรายต่อสถาบัน ที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ความจริง มาจุดประเด็นให้สังคมเห็นเป็นการละเลยของรัฐบาล
พร้อมระบุข้อความตอนหนึ่งว่า “การล้มล้างรัฐธรรมนูญอย่างฉ้อฉลครั้งนี้สำเร็จเมื่อใด ก็ย่อมเป็นการพิสูจน์ว่า ฝ่ายการเมืองได้แสดงแสนยานุภาพของระบอบเผด็จการรัฐสภาที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเมื่อใดก็ได้”
สำหรับอันตรายต่อประชาชน แถลงการณ์ นำปัญหาเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้น เป็นความล้มเหลวของรัฐบาล จนทำให้เกิดการชุมนุมของเกษตรกร ผู้ใช้แรงงาน และผู้ประกอบการรายย่อย ที่เดือดร้อนไปอย่างกว้างขวาง ถือเป็นการล้มล้างแนวนโนยายพื้นฐานแห่งรัฐ ลบล้างปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และลดอำนาจประชาชนในการตรวจสอบฝ่ายการเมือง
สำหรับประเด็น การลงประชามติต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ก่อนหน้านี้ พันธมิตรฯนำมาเป็นประเด็นกล่าวอ้างให้รัฐบาลจัดทำก่อนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นั้น แถลงการณ์ ระบุพลิกหน้ามือเป็นหลังมืออย่างสิ้นเชิง โดยกลับลำมาเป็นการโจมตี นายสมัคร สุนทรเวช ที่แม้จะผ่อนคลายความตรึงเครียดให้ประธานรัฐสภาชะลอการบรรจุวาระญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ยื่นไปแล้วออกไปก่อน พร้อมเปิดให้มีการลงประชามติ ภายใน 45 วัน แล้วก็ตาม
กลายเป็นนายสมัคร ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ไม่สั่งให้ลูกพรรคพลังประชาชนถอนญัตติการแก้เไขรัฐธรรมนูญ แสดงให้เห็นว่า นี่คือเล่ห์เพทุบายของฝ่ายบริหารที่ยังสมคบกับฝ่ายนิติบัญญัติซึ่งเป็นพวกเดียวกันเล่นละครสองหน้าตบตาหลอกลวงประชาชน
แถลงการณ์ยังนำมาตรา 68 มาตรา 69 และ มาตรา 70 ของรัฐธรรมนูญ 2550 มากล่าวอ้าง เป็นสิทธิของพันธมิตรฯ ที่จะทำการต้อต้านรัฐบาล โดยกำหนดเป็น
1. จัด “ชุมนุมใหญ่” เพื่อพิทักษ์รัฐธรรมนูญ 2550 และระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ในวันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม 2550 ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเวลา 15.00 น.
2. ดำเนินการถอดถอนนักการเมือง ที่มีพฤติกรรมขัดกันแห่งผลประโยชน์ และอาศัยมาตรา 68 วรรสอง ยื่นต่ออัยการสูงสุดเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้เลิกการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือยุบพรรคการเมืองดังกล่าว และมีมติใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 164 รวบรวมรายชื่อประชาชนที่มีสิทธิ์เลือกตั้งไม่น้อยกว่า 2 หมื่นคน ยื่นต่อประธานวุฒิสภาให้วุฒิสภามีมติตามมาตรา 274 ถอดถอนสมาชิกรัฐสภาที่ลงชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญทุกคน
3. ขอให้พี่น้องประชาชนเข้าร่วมการชุมนุมครั้งนี้อย่างพร้อมเพรียง พร้อมทั้งเตรียมสำเนาบัตรประชาชนเพื่อถอดถอนนักการเมืองที่ล้มล้างรัฐธรรมนูญดังกล่าวด้วย
ท้ายสุด พันธมิตรฯ ยังกล่าวอ้าง การก่อหวอดครั้งนี้เป็นภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์ ในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ และทำหน้าที่ปกป้องระบอบประชาธิปไตยอันพระมหากษัตริย์ มาปลุกระดมด้วย