WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, May 22, 2008

ปฏิบัติการ “พล.อ.สมเจตน์”ปฏิบัติการที่กลาโหมต้องรับผิดชอบ


ไม่ทันข้ามคืน...ไม่ทันข้ามวัน หลังผู้นำเหล่าทัพออกมาขอร้องให้สื่อมวลชนหยุดกระพือข่าวที่เกี่ยวพันต่อการหมิ่นเหม่ไปถึงสถาบันเบื้องสูง เพื่อไม่ให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท รวมถึงไม่สนับสนุนให้เกิดการปฏิวัติรัฐประหารขึ้นอีกรอบ จะทันจางหาย...???

ซึ่งต้องบอกว่า การออกมาแสดงความห่วงใยของผู้นำเหล่าทัพดังกล่าว นอกจากจะเป็นไปด้วยถ้อยคำที่ระมัดระวังไม่ให้เกิดความรู้สึกว่าเป็นการข่มขู่สังคมแล้ว

ยังเป็นการฟื้นฟูภาพลักษณ์ของกองทัพไทย ที่ตกต่ำขาดความเชื่อถือจากประชาชนแทบจะสิ้นเชิงแล้วอีกมิติหนึ่งด้วย หลังคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช. ลุแก่อำนาจ ใช้กำลังอาวุธยุทโธปกรณ์ที่เป็นภาษีของประชาชน เข้ายึดการปกครองประเทศ

พลิกฟ้า พลิกแผ่นดินจากระบอบประชาธิปไตย ไปสู่ระบอบเผด็จการอำนาจนิยม...!!!

แต่พลันที่ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ประธานคณะที่ปรึกษากระทรวงกลาโหม และอดีตหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการ คมช. ออกมาเรียกร้องให้ทหารทำการปฏิวัติอีกครั้ง

บรรยากาศที่ดูน่าจะสงบ เบาบางลงบ้าง กลับทำให้สังคมไทยต้องตกอยู่ในห้วงแห่งความ อึมครึม ขึ้นอีกครั้ง...!!!

โดยกล่าวอ้างว่า ไม่ใช่เป็นการปลุกกระแส แต่เป็นเพราะการบริหารงานของรัฐบาลที่ผ่านมาไม่มีหนทางที่จะสามารถแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองได้ และขณะนี้ทหารทุกคนก็รู้สึกอึดอัด

พล.อ.สมเจตน์ ยังกล่าวอีกว่า การปกครองในระบอบประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่ดี แต่การได้คนไม่ดีเข้ามาปกครองบริหารบ้านเมือง โดยไม่มีความชอบธรรม ประเทศชาติก็ไปไม่รอด เพราะขณะนี้ประชาธิปไตยไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหาใดๆ ได้

“เรามีแต่นักเลือกตั้งที่ใช้กฎศรีธนญชัย ทุกอย่างต้องตีความหมด เป็นการตีความเพื่อเอาตัวรอด ทำให้ผลประโยชน์บ้านเมืองระส่ำระสาย ยิ่งคนในคณะรัฐมนตรีที่มีแนวความคิดล้มล้างสถาบันเบื้องสูง บ้านเมืองก็ต่ำลงทุกที” นี่คือที่ พล.อ.สมเจตน์ กล่าว

มิพักจะต้องพูดถึงกระแสข่าว เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า มีการประชุมของกลุ่มอำมาตย์ระดับสูงครบชุด อันได้แก่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ นายอานันท์ ปันยารชุน นายปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา และ นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย เพื่อวางแผนขยายผลกรณีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หวังเดินเกมกดดันให้คุณจักรภพและคุณสมัครลาออก

มิพักจะต้องกล่าวถึง กระแสข่าว มีการหารือร่วมของเหล่านายทหารที่กำลังจะก่อการ ที่เรียกว่า สายเหยี่ยว แต่ก็ถูกยับยั้งไว้จาก สายพิราบ ที่ให้เหตุผลว่า การก่อการยึดอำนาจอีกครั้งจะสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงให้กับประเทศ

หรือแม้กระทั่งเมื่อวันที่ 21 พ.ค. ที่ผ่านมา พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เรียกผู้บัญชาการเหล่าทัพ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ เข้าหารือถึง 2 ชั่วโมง

คาดว่าจะมีเรื่องของสถาบันอยู่ด้วย แต่ก็ได้รับการปฏิเสธว่า มิได้มีการหารือในเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด รวมถึงเรื่องการเมืองด้วย...

ขณะที่มีรายงานข่าวความเคลื่อนไหวของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี เข้ามาในคาบเวลาเดียวกันอีกว่า ได้มีการส่งหนังสือไปยังโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า หรือ จปร. ให้จัดหาเวลาเพื่อให้ พล.อ.เปรม ไปกล่าว ปาฐกถา แก่นักเรียนนายร้อย จปร. ในเร็ววันนี้

และยังต่อเนื่องถึง กระแสข่าว การจัดทำ สติ๊กเกอร์ ปกป้องสถาบัน ด้วยว่า จะเริ่มมีการแจกจ่าย เพื่อปลุกระดมในหน่วยงานของทหารนำมาติดหน้ารถ ภายในสัปดาห์หน้า

ทั้งหมดจึงดูราวกับว่า ทัพเผด็จการอำมาตยาธิปไตย เตรียมพร้อมขั้นแตกหัก ด้วยยุทธศาสตร์ แอบอิงจงรักภักดีต่อสถาบันแต่เพียงผู้เดียว มากล่าวอ้างให้ปฏิบัติการเป็นความชอบธรรมอีกครั้ง

แต่นั่นก็ไม่เท่ากับว่า อุบัติการณ์ฮึกเหิมของกลุ่มอำนาจนิยมอำมาตยาธิปไตยที่ออกมาเป็นระลอกคลื่นเช่นนี้ มีผลไปถึง การสั่งพักเดินหน้าการแก้ไขรัฐธรรมนูญของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ที่ออกมาอย่างฉับพลันหรือไม่

ด้วยข้อเสนอใหม่ คือ การจัดให้ประชาชนลงประชามติ เห็นด้วยหรือไม่ต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ภายในเวลา 45 วัน...???

อย่างไรก็ตาม แม้ทัพอำมาตยาธิปไตย จะเตรียมเคลื่อนพล ที่ก็ยังไม่รู้ว่า ปฏิบัติการครั้งนี้จะได้รับความร่วมมือจากแม่ทัพนายกองตามประสงค์หรือไม่...???

แต่อย่างน้อยปฏิกิริยาเชิงคำขู่นี้ ในคาบเวลานี้ ดูจะมีผล โดยเฉพาะต่อนายสมัคร สุนทรเวช แต่จะมีผลไปถึงมวลชนทัพหน้า ที่ออกมาเรียกร้อง ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยหรือไม่นั้น ยังไม่อาจคาดเดาได้...???

เพราะฉะนั้นแล้ว กระบวนการข่มขู่ต่อการเปลี่ยนแปลงการปกครองด้วยการสนับสนุนให้เกิดการปฏิวัติ ที่ พล.อ.สมเจตน์ สำรอกออกมานั้น จำต้องได้รับการชำระล้าง เพื่อให้ปรากฏต่อสายตาของประชาชนทั้งประเทศให้เกิดความชัดเจนขึ้นก่อนว่า

นี่คือการข่มขู่ด้วยวาจาต่อรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนใช่หรือไม่...???

ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 68 ที่ระบุว่า บุคคลจะใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้ หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้มิได้

ในกรณีที่บุคคลหรือพรรคการเมือง ได้กระทำการตามวรรคหนึ่ง ผู้ทราบการกระทำดังกล่าว ย่อมมีสิทธิเสนอเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริงหรือยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย สั่งการให้เลิกการกระทำดังกล่าว แต่ทั้งนี้ ไม่กระทบกระเทือนการดำเนินคดีทางอาญาแก่ผู้กระทำการดังกล่าว

หรือต่อประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ที่บัญญัติว่า ผู้ใดกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต
(1) เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้าย
(2) เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือ
(3) เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี

นอกจากนั้น การกระทำของ พล.อ.สมเจตน์ ยังต้องได้รับการสอบสวนทางวินัยจากผู้บังคับบัญชาชั้นสูง ตามลำดับชั้นด้วย คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด หรือแม้แต่ ผู้บัญชาการทหารบก...???

เพราะนี่คือรากเหง้า ของทหารเผด็จการที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนแล้วว่า ชอบใช้กำลังเข้าแก้ไขปัญหา อันเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย

พร ภัทร