(22มีค.) ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพลังประชาชน แถลงผลการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2551 ว่า มีผู้เข้าร่วมประชุม 299 คน ถือว่าครบองค์ประชุม ตามกำหนดของข้อบังคับพรรคตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาครบทุกประเด็น ตามระเบียบวาระการประชุม เสร็จสิ้นภายใน 13.00 น.
ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแต่งตั้งนายกมล พิกุลสวัสดิ์ เป็นผู้สอบบัญชีของพรรค และที่ประชุมได้รับรองรายงานการเงิน 2550 ซึ่งรายงานงบดุลของพรรคพลังประชาชน มีรายได้ประมาณ 141 ล้านบาท และมีค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 203 ล้านบาท ส่วนแผนการดำเนินการปี 2552 ทางพรรคฯ มีเป้าหมายจะเร่งฟื้นฟูประชาธิปไตย และดำเนินนโยบายพาประเทศผ่านพ้นวิกฤติ ที่จะดำเนินการอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า โดยเน้นพันธกิจการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อประชาชน โดยประชาชน ทั้งยังมีภารกิจ ภายในพรรค และอีกส่วนหนึ่งที่ได้เสนอและรับรองจากที่ประชุมพรรค คือ การพัฒนาพรรคที่นำไปสู่สถาบันทางการเมือง
ร.ท.กุเทพ กล่าวอีกว่า ในที่ประชุม นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ได้พูดต่อที่ประชุมก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระ ซึ่งนายสมัครได้รายงานถึงสถานการณ์การเมืองทั่วไปว่า จากที่ได้เดินทางไปต่างประเทศ เพื่อทำหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรี ซึ่งทุกประเทศที่เดินทางไป ต่างแสดงความชื่นชมยินดีที่ประเทศไทยกลับสู่ระบอบประชาธิปไตย และหวังว่าจะนำไปสู่ความร่วมมือที่ดียิ่งขึ้นในระดับนานาชาติ ที่จะทำให้การพัฒนาเศรษฐกิจมีความก้าวหน้า
" นายสมัครได้กล่าวว่า ขณะนี้กลับมีปัญหาทางการเมือง บั่นทอนความน่าเชื่อถือ และความมั่นใจจากประชาคมโลก โดยการเมืองยังไม่สิ้นสุดสะเด็ดน้ำ แต่ยังมีประเด็นให้มีการถกเถียงอยู่ตลอด ก็เป็นปัญหาให้การทำงานของรัฐบาลไม่ลงตัวอยู่ " ร.ท.กุเทพระบุและว่า นายสมัครยังกล่าวในที่ประชุมพรรคฯ ถึงกรณีการยุบพรรคการเมือง ซึ่งถ้ามีการยุบพรรคการเมืองทั้ง 3 พรรค จะเป็นการก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศ ไม่ใช่เป็นการฆ่ากรรมการบริหารพรรค โดยนายสมัครได้ยืนยันว่า จะทำหน้าที่แก้ไขปัญหา และวิกฤตของประเทศจนครบวาระ 4 ปี
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ประชุมได้พูดถึงการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญ ที่จะเป็นอุปสรรคในการบริหารประเทศหรือไม่ ร.ท.กุเทพกล่าวว่า ก่อนเข้าระเบียบวาระ ได้มีการแสดงความคิดเห็นถึงสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันอย่างกว้างขวาง ซึ่งเสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุมยืนยันว่า เมื่อพรรคฯ ได้รับเสียงส่วนใหญ่จากประชาชน ก็ต้องแก้ไขปัญหา โดยอาศัยกรอบของอำนาจที่ได้รับมาให้ดีที่สุด ฉะนั้นหากมีกฎหมายมาตราใดทำให้เกิดความเสียหาย และการเมืองมาถึงทางตัน ก็เป็นความชอบธรรมที่จะหางแก้ไข เพราะเห็นตรงกันว่า ภายในระยะเวลา 2 ปีที่ สนช. ได้ทำการร่างกฎหมาย บนบรรยากาศที่ไม่เป็นประชาธิปไตย และริดรอนอำนาจขององค์กรอิสระ
ส่วนจะมีการแก้มาตรา 237 หรือไม่นั้น ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า ไม่ได้ลงรายละเอียด คาดว่าจะมีการพูดคุยกันในที่ประชุมพรรคฯ ในวันที่ 25 มี.ค.นี้ โดยขณะนี้มี ส.ส. เสนอญัตติเข้าสู่สภา เพื่อตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาประเด็นที่จะมีแก้ไข ที่จะประกอบด้วยตัวแทนจากทุกพรรคการเมือง
ต่อข้อถามว่า การแก้ไขกฎหมายดังกล่าว จะมีการหารือกับพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคฝ่ายค้านหรือไม่ ร.ท.กุเทพกล่าวว่า การแก้ไขปัญหาในสภา ต้องใช้ความร่วมมือกับทุกฝ่าย ซึ่งเราได้มีการพูดคุยในหมู่ ส.ส. ด้วยกันแล้ว แม้แต่พรรคไม่ร่วมรัฐบาลเห็นตรงกัน โดยอาจจะอยู่ในช่วงสงวนท่าที เพื่อไม่ให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ทำให้เกิดความสับสนทีกระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดิน
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคฯ กังวลหรือไม่ว่า จะถูกโจมตีว่าแก้ไขกฎหมายเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ร.ท. กุเทพกล่าวว่า ที่ประชุมก็มีการพูดคุยในเรื่องนี้ เพราะบางเรื่องต้องกล้าอธิบายกับประชาชนอย่างตรงไปตรงมาว่า กฎหมายที่แก้มีผลโดยรวมต่อประเทศอย่างไร โดยอาศัยรัฐสภาเป็นเวที เมื่อเห็นว่ากฎหมายใดไม่ชอบธรรมเราก็ต้องแก้ เพราะเรามาจากระบอบ
ประชาธิปไตย ซึ่งมีบางคนเสนอในที่ประชุมว่า วันนี้ต้องเอากฏมายที่มาโดยไม่ชอบไปทั้งหมด แต่เราเห็นว่า กฎหมายบางฉบับมีเนื้อหาที่ดีก็เอาไว้ แต่ในที่ประชุมไม่ได้มีการพูดถึงการยุบพรรค กรณีการให้ใบแดงกับนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน
ต่อคำถามที่ว่า ที่ประชุมได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับแนวคิดของ พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน หรือไม่ ร.ท.กุเทพกล่าวว่า เป็นที่ทราบกันก่อนเข้าประชุมว่า พรรคมีท่าทีต่อเรื่องนี้อย่างไร ซึ่งแนวทางดังกล่าว
เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนบุคคล ซึ่งเมื่อมีความชัดเจนว่า ทางพรรคไม่มีแนวทางอย่างนั้น ที่ประชุมก็ไม่มีการพูดกันในประเด็นนั้นต่อ โดยเฉพาะการที่นายสมัครได้ยืนยันว่า จะแก้ปัญหาของพี่น้องประชาชนจนสุดความสามารถและตรบวาระ นั่นหมายถึงการยุบสภาที่ไม่เกี่ยวกับปัญหาในสภา แต่เป็นความขัดแย้งอื่นๆ ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะยุบสภา
จาก hi-thaksin