เป้าลวง!!!ทฤษฎี “ม้าแลกขุน” ที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคพลังประชาชน นำมาเทียบเคียงพฤติกรรมของ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
กรณี...ประกาศหยุดปฏิบัติหน้าที่ หลังจาก คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือ คตส. มีมติแจ้งข้อกล่าวหากรณีจัดซื้อรถและเรือดับเพลิง กทม. มูลค่า 6,700 ล้านบาท“บางกอกทูเดย์” ไม่เชื่อว่า...จะเป็น...เป้าจริง???เพื่อกดดันให้ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และอดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งอยู่ในข่ายถูก คตส. แจ้งข้อกล่าวในคดีเดียวกัน
ต้องเว้นวรรค...หยุดปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง...นายกรัฐมนตรีเช่น...บรรทัดฐานหรือมาตรฐานที่ นายอภิรักษ์ วางไว้เพราะสิ่งนี้ยังมิอาจจะเรียกได้ว่า เป็น...บรรทัดฐานหรือมาตรฐาน ก็คงเหมือนเช่นที่ นายอุดม เฟื่องฟุ้ง กรรมการ คตส. บอกเอาไว้เมื่อวันที่ 16 มี.ค. ว่า...“ในแง่กฎหมาย นายอภิรักษ์ยังไม่ถึงขั้นตอนการพักงาน คตส. เพียงแค่แจ้งข้อกล่าวหา ยังไม่ถึงขั้นตอนตั้งข้อกล่าวหาเพื่อชี้มูลความผิด...”ตรงประเด็นที่สุด!!!
แน่นอน! คนระดับ “มันสมอง” ของประชาธิปัตย์ อย่าง...นายอภิรักษ์ รวมถึง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคฯ นั้น ฉลาดลึกล้ำเกินกว่าจะใช้ “ลูกไม้ตื้นๆ” จัดการกับศัตรูทางการเมืองเช่นนี้!?!เหตุผลลึกๆ จึงไม่น่าจะเป็นเรื่อง...บรรทัดฐานหรือมาตรฐานว่าด้วย...“พักหรือไม่พักงาน”แต่น่าจะเป็นเหตุผล...ต่อเนื่องจากอาการ “ต่อม-จุดเดือดต่ำ” ของ นายสมัคร และ แกนนำพลังประชาชน ที่แสดงออกมาต่อสาธารณชนมากกว่า
ดิ้นมาก...ก็เสียมากดิ้นน้อย...ก็เสียน้อยเท่าที่ “บางกอกทูเดย์” รู้มา...ยุทธศาสตร์ข้างต้นที่แกนนำระดับ “บิ๊กเบิ้ม” 3-4 คน จากฟาก ประชาธิปัตย์ หารือลับใน “เซฟเฮาส์” แห่งหนึ่งนั้นมีเรื่องหลัก “โฟกัส” ไปยัง “ต่อม-จุดเดือดต่ำ” ของ นายสมัคร เป็นเป้าหลักแล้วก็ได้ผลจริงๆ ...
ช่วงสายของวันที่ 16 มี.ค. นายสมัคร พูดผ่านรายการ “สนทนาประสาสมัคร” หยิบเรื่องนี้ขึ้นพูดและลากยาวไปถึงการตอบคำถาม “หยุด-ไม่หยุด” การขายของ...ของบรรดาพ่อค้าแม่ค้าบนทางเท้าคนมีความคิดกลางๆ เริ่มมองนายสมัครด้วยสายตาแปลกๆจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง ร.ต.อ.ฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ขยายผลต่อที่บ้านของตัวเอง...เรื่อง “สปิริต” ของนายอภิรักษ์
เน้นว่า...ยังไม่อนุมัติให้มีการ “ลากิจ” หากนายอภิรักษ์ต้องการแสดง “สปิริต” จริงๆ ก็ต้องทำอะไรที่มากกว่าการหยุดปฏิบัติหน้าที่นายอภิรักษ์ต้อง “ลาออก” เท่านั้น!!! หากถอดรหัสคำพูดที่ มท.1 พูดไว้ ต้องถือว่า...จริงทุกประการ เนื่องจากการขอหยุดพักงานของ นายอภิรักษ์ ก็ยังมีรองผู้ว่าฯ กทม. อย่าง...นายวัลลภ สุวรรณดี ทำหน้าที่รักษาการแทน
มองยังไง...ก็มิใช่การแสดงจุดยืนการทำหน้าที่ และความชัดเจนของการตรวจสอบเพราะนายอภิรักษ์ยังคงมีอิทธิพลเหนือนายวัลลภอยู่ดีแต่ถึงคราวที่ต้องวัดผล...โดยเฉพาะจากสายตาของคนเป็นกลางที่ไม่ยืนข้างใดข้างหนึ่ง ก็ต้องบอกว่า...เสียหายเล็กๆ อีกแล้ว สำหรับพลังประชาชนยิ่งบรรดาลิ่วล้อ...ทั้งที่มีสังกัดและไม่ระบุสังกัด อย่าง...กลุ่มชมรมวิทยุชุมชนคนแท็กซี่ FM 92.75 เมกะเฮิร์ตซ์ ซึ่งออกมาเคลื่อนไหว เมื่อช่วงสายแก่ๆ ของวันที่ 17 มี.ค.
โดยแกนนำอย่าง…นายพันธ์ศักดิ์ ซาบุ เลขาธิการกลุ่มฯ ได้นำหนังสือมายื่นต่อ นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัดกรุงเทพมหานคร เพื่อขอให้พิจารณาการยุติบทบบาทการปฏิบัติหน้าที่ของ นายอภิรักษ์ เนื่องจากเห็นว่า...เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ว่าด้วย พ.ร.บ.ระเบียบบริหารกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2518 และ นายวัลลภเป็นรองผู้ว่าฯ ที่มาจากการแต่งตั้งของนายอภิรักษ์ ดังนั้น หากผู้ว่าฯ กทม. จะยุติบทบาทก็ต้องยุติการทำงานทั้งชุด หรือหากจะตั้งผู้รักษาการแทนก็ต้องเป็นปลัด กทม.
ถึงตรงนี้ ทุกๆ การดิ้นรน แก้ต่าง หรืออะไรก็ตาม ที่ออกมาจาก...แกนนำและคนของพลังประชาชน รวมถึงแนวร่วมทุกกลุ่มก้อน ก็จะยิ่ง “ติดกับดัก” ถลำลึกมากเข้าไป“บางกอกทูเดย์” ไม่เลือกยืนข้างหนึ่งข้างใด ระหว่าง...เกมการต่อสู้ “ชิงไหวชิงพริบ” และ “ชิงความได้เปรียบเสียเปรียบ” ทางการเมือง ระหว่าง...กลุ่มคน 2 ฝ่ายแต่จะเลือกยืนบนความถูกต้อง เป็นธรรม เป็นกลาง และสร้างสรรค์ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก
ไม่ว่า...นายสมัคร หรือ ร.ต.อ.เฉลิม รวมถึง พลพรรคพลังประชาชน จะ “เสียรู้” และหลงกล...ติด “กับดัก” กับสำนวน “ม้าแลกขุน” ที่กลุ่มก้อนของตัวเองใช้เรียกขาน...แผนการการเมืองของฝ่ายตรงข้ามหรือไม่? อย่างไร?มันเป็นเรื่องเฉพาะตัว...เฉพาะกลุ่มแต่การที่...ประชาธิปัตย์วางแผนอย่างแยบยล ประหนึ่ง...แทงข้างหลังทะลุหัวใจโดยการทำลายคู่แข่ง...ด้วยอากัปกิริยาและวาจาของศัตรูเองนั้นหากมันส่งผลกระทบ...กระทั่งกลายเป็นความสูญเสีย ที่ประเทศชาติและประชาชนจะได้รับแล้วล่ะก็
“บางกอกทูเดย์” คงยอมไม่ได้ที่จะปล่อยให้ใครกลุ่มไหน เอาความเชี่ยวกรากทางการเมืองมาสร้าง “หลุมพราง” ทำลายศัตรูทางการเมืองจนประเทศชาติและประชาชน ได้รับความเสียหายเหมือนที่แล้วๆ มาอีกเมืองไทยวันนี้...ปล่อยให้เกมการเมือง “กัดกร่อน” มากไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้วนายสมัคร และพลพรรคพลังประชาชนเอง ก็อย่าได้ “หลงกล” และ “ร้อนรน” เพียงเพราะมี “จุดเดือดต่ำ”
“จุดอ่อน” ตรงนี้ ศัตรูการเมือง...ล่วงรู้ดี และพยายามจะโจมตีให้หนักและมากยิ่งๆ ขึ้นยุทธศาสตร์ “ม้าแลกขุน” เป็นเพียง “กลศึก” แรกๆ ที่ยังมีอีกหลายบททดสอบให้ นายสมัคร และ รัฐบาลที่มีพลังประชาชนเป็นแกนนำ ได้อกสั่นขวัญแขวนจะคิดอ่านการใด ก็อย่าให้ประเทศชาติและประชาชน ต้องพลอยได้รับความเสียหายจากเกมการเมืองระหว่างกัน!!!
อย่างไรก็ดี ชั่วเวลาไม่ทันข้ามอาทิตย์ แผนการในปฏิบัติการ “ม้าแลกขุน” ของนายอภิรักษ์และประดา “กุนซือ-ประชาธิปัตย์” ก็เป็นอันสะดุดหยุดลง
เหมือนรถที่ถูกเหยียบเบรกกะทันหัน ขณะรถวิ่งด้วยความเร็ว 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง!แค่ ร.ต.อ.เฉลิม ออกมาบอกว่า...จะอนุมัติใบลากิจของผู้ว่าฯ กทม.เพียง 15 วัน ไม่ใช่ 30 วัน ตามที่อภิรักษ์ยื่นมาเจ็บปวดกว่านั้น...
เพราะ มท.1 “เล่นแรง” โดยระบุว่า...แม้ คตส. จะชี้มูลว่า...มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีทุจริตการจัดซื้อรถเรือดับเพลิงของ กทม. แต่ตามกฎหมายก็ยังไม่สรุปว่านายอภิรักษ์ผิด จึงยังไม่จำเป็นต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ป.ป.ช.
แต่หากต้องการจะแสดงสปิริตก็ควรจะลาออกไป เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่
“บางกอกทูเดย์” จึงเห็นว่า...ยุทธการ “ม้าแลกขุน” ของ นายอภิรักษ์ และ ประชาธิปัตย์ เกิดอาการสะดุด...หัวคะมำ เพราะ “ลูกเล่นในการแก้เกม” ของ ร.ต.อ.เฉลิม ด้วยประโยคที่ถือเป็น “ไคลแมกซ์” ของเรื่องนี้อยู่ที่...
“แต่หากต้องการจะแสดงสปิริตก็ควรจะลาออกไป เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่”
แน่นอน! ให้ฟ้าถล่มดินทลาย อย่าได้หมายว่าจะได้เห็น “อภิรักษ์ โกษะโยธิน” ลาออก!!!คำพูดของ มท.1 จาก...พลังประชาชน จึงเหมือน “มีดโกน” ที่เชือดเฉือนเข้าไปในหัวใจของ นายอภิรักษ์” และประดา “บิ๊ก’เนม” ใน ประชาธิปัตย์ ทั้งหลาย
ในทางการเมือง หนึ่งบวกหนึ่งไม่ได้เป็นสองเสมอไป การต่อสู้กันทางความคิดและสติปัญญาของนักการเมือง จึงถือเป็นภารกิจที่ต้องกระทำนักการเมืองทั้งหลาย...ไม่มีสิทธิในการยึดเอา “ชัยชนะ” มาเป็นสรณะ เพราะชัยชนะเหล่านั้น...มันดำรงอยู่ถึงวันที่ต้องพ่ายแพ้เช่นกัน!!
หวานเจี๊ยบบบบ
7 hours ago