WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, March 17, 2008

สงครามทางอุดมการณ์ระหว่างระบอบอำมาตรยาธิปไตย กับระบอบทักษิณที่ยังไม่จบและกำลังจะเริ่มยกใหม่

กลุ่มพันธมิตรครับ พวกคุณต่อต้านทักษิณ หรือระบอบทักษิณกันแน่

ตอนนี้ไม่ว่าโดยนิตินัย หรือพฤตินัย ทักษิณก็ไม่ได้เป็นนายกฯ ไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองแล้ว แต่เป็น ผู้ต้องหาทางการเมืองในสองสามคดีใหญ่ คือ คดีที่ดินรัชดา และคดีปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นแอมเปิลริช ส่วนคดีที่สามคือคดีหวยบนดิน ที่ คตส. ฟ้องมันดะมันไปหมดโดยไม่สนใจว่าใครเกี่ยวข้อง หรือใครแค่นั่งอยู่ใน ครม. ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรง แต่ไม่ว่าคดีจะออกมาอย่างไร ขณะนี้มันอยู่ในกระบวนการยุติธรรมเรียบร้อยแล้ว และยังไม่มีใครมีอำนาจดึงมันออกไปจากกระบวนการยุติธรรม

ดังนั้น ถูกหรือผิดก็ไปว่ากันในศาล

ตอนนี้ทักษิณก็ไม่ได้อยู่ในวงการเมืองแล้ว ไม่ได้เป็นนักการเมือง พวกคุณที่ต่อต้านทักษิณ กำลังต่อต้านอะไรกันแน่ ต่อต้านตัวบุคคล หรือว่าต่อต้านระบบกันแน่

หากพวกคุณต่อต้านทักษิณ ก็ควรหยุดได้แล้ว เพราะตอนนี้ นายกรัฐมนตรีโดยนิตินัย และพฤตินัยคือ นายสมัคร สุนทรเวช ส่วนเรื่องจะว่าใครเป็นตัวแทนใครนั้น มันเป็นพวกเพ้อฝัน สติแตกไม่รู้จบ ทุกคนก็เป็นตัวแทนของใครคนใดคนหนึ่งทั้งนั้น สุดท้ายรัฐบาลเขาก็ต้องเป็นตัวแทนของคนเลือกตั้ง เพราะถึงที่สุด ไม่ว่าทักษิณหรือใคร ก็ไม่ได้มีอำนาจอะไรเหนือประชาชนที่เลือกตั้งรัฐบาลพรรคพลังประชาชนขึ้นมา สรุปรัฐบาลนี้เป็นนอมินีของคนอีสาน ของคนเหนือ และคนภาคอื่นๆ ที่ลงคะแนนให้รัฐบาลนี้ ส่วนคนลงคะแนนเขาจะลงคะแนนให้ พรรคพลังประชาชนเพราะศรัทธาทักษิณ หรือ ศรัทธาผลงานพรรคไทยรักไทยเดิม และเห็นว่าพรรคพลังประชาชนเป็นพรรคสืบต่อมาจากพรรคไทยรักไทย ก็เรื่องของเขา เป็นสิทธิของคนลงคะแนน หรือเป็นสิทธิของผมที่ไปลงคะแนน (อยากพูดว่าเป็นสิทธิของกรูโว้ย)

หากพวกคุณต่อต้านระบอบทักษิณ ที่พยายามพูดกันอยู่ ผมว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ไปไกลกว่าที่คิด และจะกลายเป็นสงครามกลางเมืองอย่างแน่นอน เมื่อพวกคุณไม่ได้ต่อต้านตัวบุคคล แต่ต่อต้านระบบ มันก็คือการต่อต้าน คนที่เขาสนับสนุนระบบนี้ และลงคะแนนเลือกมา และเมื่อนั้นมันก็พัฒนากลายเป็น "สงครามทางอุดมการณ์" กลายเป็น "สงครามทางความคิด” ไปทันที

ระบอบทักษิณคือ ระบอบประชาธิปไตยแบบเลือกตั้งและเสียงข้างมากจะได้เป็นรัฐบาลและใช้ระบบเศรษฐกิจแบบ "ทุนนิยมโลกาภิวัฒน์" หรือที่ยุคทักษิณ ประธานาธิบดีคอรอซาน อาคีโน แห่งฟิลิปปินส์ ตั้งชื่อให้อย่างสวยหรูว่า “ทักษิโณมิกส์”

หากพวกคุณต่อต้านระบอบทักษิณ ก็คือ การต่อต้านระบอบประชาธิปไตย แบบทุนนิยมโลกาภิวัฒน์นั่นเอง พวกคุณไม่ได้เป็นศัตรูกับทักษิณเท่านั้น แต่เป็นศัตรูทางความคิดกับ ผม "นายลูกชาวนาไทย" และประชาชนอีกนับสิบล้านคนที่ลงคะแนนให้ระบอบนี้ หรือคนค่อนโลกที่สนับสนุนระบอบนี้ เมื่อพวกคุณคิดล้มล้างระบอบนี้ ก็เลี่ยงไม่ได้อยู่เองที่จะต้องต่อสู้กับพวกผมที่สนับสนุนและศรัทธาระบอบนี้ และสุดท้ายมันก็หมายถึงสงครามกลางเมืองอย่างเลิ่ยงไม่ได้ เมื่ออุดมการณ์ขัดแย้งกัน และไม่ยอมเมื่อแพ้เลือกตั้ง ยังจะเคลื่อนไหวล้มล้างอีก สงครามกลางเมืองมันย่อมไม่อาจเลี่ยงพ้น

มันก็เหมือนกับยุคคอมมิวนิสต์ต่อสู้กับประชาธิปไตยทุนนิยม ยุคสงครามเย็นเมื่อ 30 ปีที่แล้ว นั้นเอง ที่เกิดสงครามขึ้นทั่วโลก มีคนตายไปมากมายมหาศาล

เมื่อพวกคุณคิดต่อสู้ล้มล้างระบอบประชาธิปไตยแบบทุนนิยม แล้วอุดมการณ์ทางการเมืองอะไรที่พวกคุณนำมาเสนอแทน เหมือนที่พรรคคอมมิวนิสต์ไทยเสนอลัทธิคอมมิวนิสต์ แต่ผมไม่คิดว่าพวกคุณจะเป็นพวกชอบลัทธิคอมมิวนิสต์ นะครับ

สิ่งที่พวกคุณพยายามเสนอในสองปีที่ผ่านมานี้ ที่ผมพอจะจับทางได้คือ ระบอบประชาธิปไตยแบบครึ่งใบ ที่มีพวกที่ไม่ได้มาจากประชาชน ไม่ได้มาจากเลือกตั้ง เข้ามามีอำนาจทางการเมือง และใช้อำนาจอธิบไตยของชาติด้วย ผมเรียกว่า "ระบอบอำมาตรยาธิปไตย" ซึ่งเป็นระบอบที่เก่าและล้าหลังกว่าระบอบคอมมิวนิสต์เมื่อสามสิบปีที่แล้วเสียอีก เป็นระบอบการปกครองที่ถือว่า "ชาติกำเนิด" สำคัญกว่าความสามารถ เป็นต้น ศัพท์ที่พวกคอมมิวนิสต์ใช้เรียกระบอบนี้คือ ระบบ Feudalism หรือแปลเป็นไทยว่า "ระบอบศักดินา" นั้นเอง

ส่วนระบบเศรษฐกิจที่พวกคุณนำเสนออย่างชัดเจน และพยายามโฆษณามาในช่วงสองปีนี้ คือ นำเอามาจากแนวคิดของในหลวงที่เรียกว่า "ระบบเศรษฐกิจแบบพอเพียง" ผมไม่วิภาคแนวคิดนี้ว่าเป็นอย่างไร เพราะมันเป็น "ระบบความคิดทางเศรษฐกิจระบบหนึ่ง" แค่นั้นเอง ชึ่งอาจจะมีชุดความคิดชุดหนึ่ง จะสอดคล้องกับยุคสมัย หรือสภาวะของประเทศหรือไม่ ผมไม่ทราบ

สรุปแล้วสิ่งที่พวกคุณเสนอขึ้นมาแข่งขันคือ “ระบอบอำมาตรยาธิปไตย โดยใช้ระบบเศรษฐกิจแบบพอเพียง” เพื่อต่อสู้กับอุดมการณ์ของ "ระบอบประชาธิปไตย ที่ใช้ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมโลกาภิวัฒน์"

การต่อสู้ของพวก คุณมันพ้นเรื่องตัวบุคคลไปแล้วครับ พวกคุณกำลัง "จุดไฟสงครามทางการเมือง" และยกระดับความขัดแย้งธรรมดา ไปเป็นความขัดแย้งทางอุดมการณ์ ความขัดแย้งทางแนวคิด และสุดท้ายก็จะกลายเป็นสงครามกลางเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะหากพวกคุณที่กำลังขมีขมันจะล้มรัฐบาลสมัครอยู่ทุกวันนี้ จะล้มรัฐบาลที่มาจากเลือกตั้งนี้ให้ได้ ผมว่ามันไม่พ้นจากสงครามทางการเมืองแน่นอน เพราะประชาชนที่เลือกรัฐบาลนี้ขึ้นมาก็คงไม่ยอมเช่นกัน เหมือนที่ลงมือสั่งสอนพวกคุณเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2550 มาแล้ว แม้พวกคุณทำรัฐประหารไปแล้ว ก็ไม่อาจต้านทานอำนาจของประชาชน เจ้าของอำนาจอธิปไตยตัวจริงได้

บางคนในกลุ่มพวกคุณที่เรียกตัวเองว่า เป็นนักวิชาการ ประดิษฐ์ประดอยคำพูดอย่างสวยหรูว่า "ประชาธิปไตยไม่ใช่แค่การเลือกตั้ง" ซึ่งผมขอเถียงไว้ในที่นี้ว่าว่า "การเลือกตั้งคือส่วนที่สำคัญที่สุดของประชาธิปไตย" และไม่มีทางขาดหรือด้อยค่าของมันลงไปได้ ด้วยการใช้ระบบการแต่งตั้งเข้ามาแทน

สำหรับผมแล้ว ระบอบประชาธิปไตยคือ ระบอบที่ "อำนาจอธิปไตยทั้งปวงมาจากประชาชน" อำนาจอธิปไตยไม่ได้มาจาก เจ้า ขุนนาง ชนชั้นสูง หรือจากพระมหากษัตริย์ แต่ระบอบประชาธิปไตย "อำนาจอธิปไตยต้องมาจากประชาชน" และถือเป็นที่สุดของทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีองค์กรใดด้อยค่าอำนาจอธิปไตยของปวงชนได้

เมื่ออำนาจอธิปไตยของชาติมาจากประชาชน ประชาชนคือ ต้นธารแห่งอำนาจ การเลือกตั้งคือ การแสดงเจตจำนงของประชาชนในการใช้อำนาจอธิปไตยของพวกเขา การเลือกตั้งจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของระบอบประชาธิปไตย และต้องทำอย่างสม่ำเสมอมีระยะเวลาที่แน่นอน ( 4-5 ปีตามที่นิยมกัน) เพื่อให้เจ้าของอำนาจอธิปไตยคือประชาชนได้แสดงออกว่า พวกเขายังให้ความไว้วางใจผู้ที่ทำหน้าที่บริหารประเทศ ให้บริหารต่อไปหรือไม่

ดังนั้นการกระทำใดๆ ที่ไม่ได้มีที่มาจากอำนาจของประชาชน ผมถือว่าไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย ทหารของประเทศนี้ต้องเป็นทหารของประชาชน ไม่ใช่ของใครอื่น ไม่ใช่ทหารของพระราชา แต่ต้องเป็นทหารของประชาชน

ส่วนนายกรัฐมนตรี จะมีบุคลิกแบบไหน กล้าตัดสินใจ (ที่คนบางพวกว่าเป็นเผด็จการ) หากเขามาจากเลือกตั้ง และยอมรับผลการเลือกตั้ง หากพ่ายแพ้ก็พร้อมที่จะออกไปไม่ดื้อแพ่ง ผมก็ถือว่ายังเป็นระบอบประชาธิปไตย ส่วนผู้นำแม้จะดีอย่างไร ตามความรู้สึกของใคร แต่เมื่อไม่ได้มาจากเลือกตั้ง ผมก็ไม่ถือว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย เพราะไม่ได้มาจากปวงชน ไม่มีหลักประกันอะไรว่า นโยบายหรือการกระทำของเขานั้นสอดคล้องกับความต้องการของประชาชน

สิ่งที่คนบางกลุ่มคิดว่าไม่ดี แต่ประชาชนส่วนใหญ่อาจคิดว่าดีก็ได้เช่น นโยบาย "ประชานิยม" ที่พวกขุนนาง คนชั้นกลาง ชั้นสูงโจมตีว่า เป็นนโยบายที่เลว แต่คนส่วนใหญ่เข้าถือว่าเป็นนโยบายที่ดี ดังนั้นหากผู้นำที่ไม่ได้มีอะไรเชื่อมโยงกับประชาชน แล้วย่อมไม่สามารถเป็นผู้นำในระบอบประชาธิปไตยได้ เพราะไม่ได้เชื่อมโยง เกี่ยวข้องกับ เจ้าของอำนาจอธิปไตยแต่อย่างใด

ตอนนี้ ความขัดแย้งทางการเมืองไทย หากไม่ยุติ ยอมรับผลการเลือกตั้ง และปล่อยให้รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ทำงานไปตามฉันทานุมัติที่ได้มาจากประชาชน แต่พยายามที่จะขัดขวาง เช่น การปลุกม็อบอีกครั้งของกลุ่มพันธมิตร หรือการ พยายามที่จะยุบพรรคพลังประชาชนอีกครั้ง ของพวกอำมาตยาธิปไตยทั้งหลาย ผมถือว่านี่คือ การต่อสู้ที่เลยพ้นไปจากตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แล้ว แต่เป็นการต่อสู้ทางอุดมการณ์ ระหว่าง ระบอบประชาธิปไตย กับระบอบอำมาตรยาธิปไตย และระหว่างระบบเศรฐกิจทุนนิยมโลกาภิวัฒน์ กับระบบเศรษฐกิจแบบพอเพียง

หรือว่าสงครามกลางเมืองไทย เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ความขัดแย้งทางความคิด ทำให้คนฆ่ากันได้นับล้านอย่างแน่นอน เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในสงครามกลางเมืองอเมริกัน หรือ สงครามกลางเมืองในประเทศอื่น ๆ ทั้งหลาย

แต่อย่างไรก็ตาม ผมมั่นใจว่า ระบอบอำมาตรยาธิปไตยและระบบเศรษฐกิจแบบพอเพียงไม่ชนะอย่างแน่นอนในโลกศตวรรษที่ 21 นี้ เพราะมันผิดยุคผิดสมัย

ระบอบคอมมิวนิสต์ที่พัฒนาการก้าวหน้ากว่าระบอบอำมาตย์ ยังไม่อาจชนะระบอบทุนนิยมได้เลย แล้วยังจะคิดหรือว่าระบอบอำมาตย์นั้น จะได้ชัยชนะในศตวรรษที่ 21 นี้

-------------------------------

บทความ โดย ลูกชาวนาไทย

http://www.thaifreenews.com/

จาก hi-thaksin