ปรอทใกล้แตก!!!องศาความร้อนของเมืองไทยห้วงนี้...ร้อนมากๆ กระทั่งปรอทวัดอุณหภูมิพุ่งสูงปรี๊ดทะลุกว่า 40 องศา ในบางช่วงของบางวันแต่สภาพอากาศที่ว่าร้อนสุดๆ เมื่อมาเจอกับอุณหภูมิทางการเมือง ทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วและยังดำรงอยู่ รวมถึงสิ่งที่กำลังจะเกิด
ขึ้นในเร็ววันนี้ช่างร้อนยิ่งกว่า!!!น่าเป็นห่วงว่า...ผลกระทบข้างเคียงจากสิ่งที่ “บางกอกทูเดย์”นำมาใช้พาดหัวเป็นข่าวใหญ่ว่า “ของร้อน” นั้นจะส่งผลกระทบต่อทุกๆ ภาคส่วนของสังคมไทย…ในระดับไหนบ้าง???เริ่มจาก “ของร้อน” ที่ระดับองศาความร้อน ยังไม่รุนแรงถึงขีดสุดนัก“ยุบ-ไม่ยุบ” พรรคชาติไทย และ พรรคมัชฌิมาธิปไตย นั้นในการประชุมของ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อวันที่ 18มี.ค. ก็ยังไม่มีข้อสรุป
โดย นายประพันธ์ นัยโกวิท “1 ใน 5 เสือ กกต.” ไม่ยืนยันว่าจะได้ข้อยุติหรือไม่เพราะเป็นการพิจารณาในข้อกฎหมาย โดยเฉพาะ พ.ร.บ.พรรคการเมือง มาตรา 95 ที่จะต้องมีความเห็นของนายทะเบียนพรรคการเมืองในกรณีของการยุบพรรค ประกอบการพิจารณาด้วยอย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวหลุดออกมาจากชั้น... อนุกรรมการสืบสวนสอบสวนฯ ที่มี นายบุญทัน ดอกไธสง
เป็นประธานฯ ทำนองว่า…โอกาสที่ 2 พรรคดังกล่าวจะรอดมีสูง!!!เพราะไม่ใช่ “เป้าหลัก” ของเกมแย่งชิงอำนาจในครั้งนี้กระนั้น ก็ยังเป็น “ของร้อน” รอให้ “แฟนคลับ” ของทั้ง 2พรรค ดูเชิง...ก่อนจะเลิกหรือลุยต่อบนภารกิจที่ได้รับมอบหมายมา!!!สำหรับ พรรคพลังประชาชน ไม่เฉพาะเรื่องที่ กกต. ถอนเรื่องความเป็น “นอมินี” ของ พรรคไทยรักไทย ออกไปเนื่องจากไม่มีกฎหมายเอาผิดหากยังเหลือเรื่องที่อาจนำไปสู่การ “ยุบพรรคพลังประชาชน”ได้ นั่นก็คือ...
คดี “ใบแดง” ที่ กกต. แจกให้กับ นายยงยุทธ ติยะไพรัชส.ส.ระบบสัดส่วน กลุ่ม 1รอเพียงขั้นตอนสรุปสำนวนเสนอต่อศาลฎีกา แผนกคดีเลือกตั้งซึ่ง นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. บอกว่า แม้เจ้าหน้าที่จะต้องเซ็นเอกสารที่มีเกือบ 2,000 หน้า แต่ก็ได้ส่งสำนวนดังกล่าวไปยังศาลฎีกา เมื่อช่วงเที่ยง วันที่ 18 มี.ค. แล้วหากศาลฎีการับเรื่องไว้พิจารณา ก็จะต้องใช้เวลาในการวินิจฉัยว่า...นายยงยุทธผิดจริงตามที่ กกต. เสนอมาหรือไม่???อย่างน้อยก็เกือบ 3 เดือน
แต่ “เคส” ของพรรคพลังประชาชน...ก็ยังคงเร้าใจสื่อมวลชน ออกตัว...ผลักดันอย่างเต็มที่...เป็นจริงขึ้นมาก็ต้องบอกว่าเป็นอีก “ของร้อน” สำหรับการเมืองไทยยามนี้เลยทีเดียวแต่ที่ลืมไม่ได้และห้ามลืมเด็ดขาด ก็คือ...“ดีเดย์” ที่ “ม็อบ” กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกาศนัดชุมนุมตามที่ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 3ณ บ้านพระอาทิตย์ เมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมาในชื่อที่ดูน่ากลัวยิ่งนัก…
“เคลื่อนไหวครั้งที่ 1 : เผด็จการทุนนิยมสามานย์และรัฐตำรวจ”มอบหมายให้ มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน เป็นผู้จัดรายการ “ยามเฝ้าแผ่นดินภาคพิเศษ”โดยนัดชุมนุมบริเวณ หอประชุมใหญ่ ม.ธรรมศาสตร์ ช่วงบ่ายแก่ๆ เรื่อยไปจนถึง 4 ทุ่มของคืนวันที่ 28 มี.ค.เรื่องนี้ต้องถือว่าเป็น “ของร้อน” สุดๆ ในซีกของเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วและยังดำรงอยู่เพราะคนอีกฟากหนึ่ง นำโดย นายประชา ประสพดี และ นายนที สุทินเผือก (กรุง ศรีวิไล) 2 ส.ส.พรรคพลังประชาชน
สมุทรปราการ ได้ประกาศชัดเจนว่า...จะเคลื่อนพลออกมาลุยกับกลุ่มพันธมิตรฯโดยตั้งชื่อกลุ่มใหม่ซะกิ๊บเก๋ว่า...กลุ่มมหาประชาชนพิทักษ์ประชาธิปไตยมีภารกิจหลัก คือ “จับผิด” และ “จับตา” ดูความเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นการเฉพาะไม่เพียงแค่นั้น...ทุกๆ เวทีที่กลุ่มพันธมิตรฯ เคลื่อนไหวในบริเวณใดนั้น ใกล้ๆ กันก็จะมี กลุ่มมหาประชาชนพิทักษ์ประชาธิปไตยตามติดเป็นเงาตามตัว
ซึ่ง นายประชา บอกว่า...สิ่งนี้ก็คือการสะท้อนข้อมูลและข้อเท็จจริงอีกด้านหนึ่งแต่เป็นด้านตรงข้ามของกลุ่มพันธมิตรฯขณะที่กลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่ง นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำคนสำคัญ ประกาศก้องว่า...เขาจะไปร่วมรายการ “ยามเฝ้าแผ่นดินภาคพิเศษ” ที่หอประชุมใหญ่ ม.ธรรมศาสตร์ นั้นทางฟากของ กลุ่มมหาประชาชนพิทักษ์ประชาธิปไตย นำโดยนายประชา ก็เลือกจะใช้บริเวณโรงแรมรัตนโกสินทร์ เป็นที่นัด
ชุมนุมและจัดงานฯมีเพียง...ท้องสนามหลวงเท่านั้น ที่กั้นขวางคน 2 กลุ่มที่มีความคิดอ่านแตกต่างกันแบบฟ้ากับเหว“บางกอกทูเดย์” ไม่ขอชี้ว่า...ใครเป็นฟ้า ใครเป็นเหวแต่หากใครหรือกลุ่มใด ลากโยงเอาประเทศชาติและประชาชนไปยุ่งเกี่ยวกับกลเกมแห่งผลประโยชน์และเป้าหมายที่แท้จริงของตัวเองแล้วต้องถือว่า...มันผู้นั้นเลว...ชาติชั่วสุดๆ !!!
ไม่ว่า...ทั้ง 2 กลุ่มจะเคลื่อนพลเพื่อเผชิญหน้ากันหรือไม่?เพราะมี 2 ประเด็นแฝงอยู่...ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ นายวีระสมความคิด จะฟ้องร้องดำเนินคดีกับ กกต. ที่ถอดเรื่อง “นอมินี”ของตัวเองออกไป เนื่องจาก กกต. ไม่รู้จะเอาผิดตามกฎหมายใดขณะที่ นายยงยุทธ เอง ก็ยังคงเดินหน้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เมื่อวันที่ 17 มี.ค. ให้ดำเนินคดีอาญากับ 3กกต. ประกอบด้วย...นายอภิชาต สุขัคคานนท์นายสุเมธ อุปนิสากรและ นายประพันธ์ นัยโกวิทในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และความผิดต่อ
ตำแหน่งในกระบวนการยุติธรรม โดยร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด จากกรณีการลงมติให้ใบแดงนายยงยุทธนี่ยังไม่นับรวมกรณี “ทุจริต” จัดซื้อเรือและรถดับเพลิง ที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ชี้มูลความผิดแก่ผู้เกี่ยวข้องโดยเฉพาะผู้บริหารระดับสูงของกรุงเทพมหานครทั้ง...ซีกการเมืองและข้าราชการประจำลากโยงตั้งแต่...นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เมื่อครั้งยังเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คน
ปัจจุบันขยายผลมาถึง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ในฐานะ“ผู้บังคับบัญชา” ของ นายอภิรักษ์และ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งก็ถือเป็น “หัวหน้า” ของ นายอภิรักษ์ เช่นกันสิ่งที่ นายอภิสิทธิ์ ชี้ว่าเป็น “ของแสลง” สำหรับ พรรคพลังประชาชน อย่างเรื่องที่ นายอภิรักษ์ จะ “เว้นวรรค” การปฏิบัติหน้าที่นั้นยังไงๆ ก็ยังมีเวลา พอให้หลายๆ ฝ่ายได้หยุดหายใจบ้างกระนั้น เรื่องนี้ก็ยังถูกจัดให้เป็น “ของร้อน” ในห้วงรอยต่อมี.ค. และ เม.ย. เช่นนี้
อีกเรื่องที่ดูจะเป็น “ของร้อน” ไม่ต่างกัน ก็คือข้อเสนอเมื่อวันที่17 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่ง แกนนำสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) บางคน เสนอให้ ประธาน ส.ว.คนใหม่ และเป็น อดีตประธานศาลอุทธรณ์อย่าง...นายประสพสุข บุญเดชเร่งตั้ง...กรรมธิการฯ ขึ้นมา เพื่อสอบสวนหาตัวการจ่ายเงินซื้อเสียงและแจกรถเบนซ์ ในการเลือกประธาน ส.ว.พร้อมกับตั้ง...กรรมาธิการฯ อีก 1 ชุด เพื่อยกร่างจรรยาบรรณสำหรับ ส.ว.ชุดนี้สร้างมาตรฐานใหม่จากนี้ไป ห้าม ส.ว. “กินข้าว” หรือ “ออกรอบตีกอล์ฟ” กับนักการเมืองเด็ดขาด
หากทั้ง 2 เรื่อง ที่ นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา จากสายอย่างไร?ก็ไม่ควรที่รัฐบาลหรือหน่วยงานด้านความมั่นคง ทั้งกลาโหมและสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะ “ปล่อยวาง”โดยไม่หาทางป้องกันและเยียวยาใดๆแต่เรื่องใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น และ “บางกอกทูเดย์” เชื่อว่า...จะเป็น โคตร “ของร้อน” ตัวจริง ที่อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่และครั้งใหญ่ก็คือ...ข้อเสนอที่ นักเรียนเตรียมทหาร (ตท.) บางรุ่น เสนอให้...รัฐบาลของนายสมัคร เร่งรัดและดำเนินการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินทั้งในส่วนของ “รัฐบาลขิงแก่”
ภายใต้การนำของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรีและการใช้จ่ายงบทหาร ในยุคที่ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) นำโดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. และประธาน คมช. ขณะนั้น...เรืองอำนาจ!!!อีกเรื่อง คือ ความพยายามจากซีกของ กลุ่มนักวิชาการเพื่อประชาธิปไตยและสันติวิธี นำโดย นายวรพล พรหมิกบุตรอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ที่ได้เดินทางไปยัง
ทำเนียบรัฐบาล เมื่อช่วงสายของวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมาก่อนจะเข้ายื่นหนังสือต่อ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้พิจารณาศึกษาทบทวนกฎหมายที่ผ่านการพิจารณาของ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)ปมที่น่าสนใจมากสุดก็คือ...ประกาศ คปค.ฉบับที่ 30 ว่าด้วยการแต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.)หากสิ่งนี้เดินหน้าและเลยเถิดไปไกล จนถึงขั้นระบุว่า...การเกิดขึ้นของ คตส. ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แล้วนั่นก็หมายความว่า...
คตส. ก็จะไม่มีตัวตน เพราะตั้งมาแบบไม่ถูกต้องตามกฎหมาย!!!ดังนั้น การ “ชี้ผิด-ชี้ถูก” และ “ชี้เป็น-ชี้ตาย” ของ คตส. ในอดีตโดยเฉพาะ กรณีมีคำสั่งในคดี “ยุบพรรคไทยรักไทย” และคำสั่งห้ามกรรมการบริหารของพรรคไทยรักไทยทั้ง 111 คน ต้องเว้นวรรคและเลิกเล่นการเมืองอย่างน้อยเป็นเวลา 5 ปีก็จะไม่เกิดขึ้น!!!สิ่งนี้ มันกลายเป็นความ “ปั่นป่วน” ตามมาในบ้านเมืองนี้...อย่างสุดๆ
ทั้งหลายทั้งปวง โดยเฉพาะกับ 2 เรื่องใหม่ที่ “บางกอกทูเดย์”หยิบเอามาเสนอนั้นล้วนเกี่ยวพันกับผู้มีอำนาจในซีก คมช. ซึ่งหลายคนในนั้นยังคงมีตำแหน่งใหญ่โตในกองทัพ...ทุกวันนี้การที่นักวิชาการกลุ่มนี้ เล่น “เข้าขา” กันกับบรรดาแกนนำส.ส. บางคนในซีกของรัฐบาล ที่มีพรรคพลังประชาชนเป็นแกนนำด้วยการกระตุกหนวด “อดีต-คมช.” และ “ปัจจุบัน-กองทัพ”ครั้งนี้“บางกอกทูเดย์” กลัวเหลือเกินว่า...มันจะนำไปสู่ปัญหาที่สางกันไม่รู้จักจบสิ้น!!!ประหนึ่ง “ไล่กันแทบจนตรอก”
กระทั่ง อีกฝ่ายต้องขยับ...ขับเคลื่อน ทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ตัวเองรอดพ้นจากบรรดาความผิดและข้อกล่าวหานั้นๆที่สำคัญ บทเรียน...ผลักมิตรไปเป็นศัตรู ที่ อดีตนายกฯอย่าง...พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เคยกระทำ และได้รับบทเรียนอย่างแสนสาหัสนั้นน่าที่ผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายพึงจดจำบทเรียนครั้งนั้น...ให้ขึ้นใจและอย่าได้กระทำเยี่ยงอดีตนายกฯ ทักษิณ อย่างเด็ดขาดเพราะศัตรูที่น่ากลัวที่สุด สามารถจะล่วงรู้ความคิดและการกระทำของเรามากที่สุด ก็คือ...ศัตรูที่มาจากมิตรนั่นเอง
ทั้งหมดที่ “บางกอกทูเดย์” เขียนถึงตั้งแต่ต้นจนถึงบรรทัดนี้ล้วนเป็น “ของร้อน” ต้อนรับลมร้อน ท่ามกลางอุณหภูมิที่ร้อนระอุ ทั้งสภาพอากาศและสภาพการเมือง ที่กำลัง “ก่อตัว” รอ“ห่าฝน” มาบรรเทาขอทีเหอะ! หากไม่ช่วย “แห่นางแมวขอฝน” กันแล้วก็อย่าได้ “ราดน้ำมันบนกองไฟ” ภายใต้อุณหภูมิการเมืองที่ร้อนระอุ รอวัน “ปรอทแตก” กันอีกเลยประเทศชาติและประชาชน “บอบช้ำ” กันมามากแล้วกับ “ของร้อน” สุดๆ อย่างนี้!!! ■